|
หลังหย่า |
|
 |
ผู้หย่าร้างนั้น ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า การหย่าร้างนั้นเป็นการสูญเสียความหวัง
ความฝัน และแผนการทั้งหลายที่เคยคาดคิดไว้ และพร้อมกับการสูญเสียนี้
ก็มีแต่ความเศร้าสร้อยที่ช่วยรักษาแผลหัวใจ เรื่องนี้ไม่มีใครปฏิเสธและปิดบังได้
และความเศร้าโศกนี้ก็จะมีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีโอกาสพบกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่
ที่มาช่วยให้เกิดความอบอุ่นใจขึ้นได้
อย่างไรก็ดี ความเศร้าโศกนี้ต้องอาศัยเวลาเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาได้
ทั้งอาจจะต้องใช้เวลานาน อาจเป็นเดือนหรือปีๆ สำหรับผู้หย่าร้างบางคนก็อาจจะ
ยังคงมีความโกรธแค้นขมขื่น และไม่พอใจอดีตคู่สมรสของตนอยู่
โดยแท้จริงแล้วความขมขื่นและความโกรธนี้เอง เป็นศัตรูของความสุขและความร่าเริง
ฉะนั้นมีทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยผู้หย่าร้างได้ นั่นก็คือ ต้องรู้จักการให้อภัย
ซึ่งจะเป็นยาบำบัดที่แสนวิเศษที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติ ได้พบกับความสุขเกษมเปรมใจ
ที่ดีที่สุดในชีวิตเพื่อที่จะตั้งต้นชีวิตใหม่
สุภาพสตรีผู้หนึ่ง ที่มีประสบการณ์ในเรื่องการหย่าร้างเล่าว่า เธอเสียใจที่ต้องมีเรื่องหย่าร้าง
แต่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะเหตุที่สามีไปมีภริยาใหม่และผิดคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้
ต่อกันในวันแต่งงาน เธอทนต่อสภาพความไม่ซื่อของเขาไม่ได้ เธอสารภาพว่าเธอนั้นเศร้าโศก
และเสียใจที่สุดในวันไปตกลงหย่าขาดจากกันที่อำเภอ จนคิดว่าตัวเองไม่อาจจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เธอต้องพยายามช่วยตัวเองอย่างมาก
โดยคิดเสียว่าเป็นการดีที่ได้แยกทางกับเขา หาไม่เธอก็คงต้องนั่งทนทุกข์
เผชิญหน้าคนทรยศต่อเธอจนตลอดชีวิต เธอได้ลงมือบันทึกความต้องการของตัวเอง
และวาดความหวังต่างๆ สำหรับอนาคตไว้และนำมาเปิดออกอ่านเพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอ
ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไร
สิ่งหนึ่งที่คุณสุภาพสตรีคนนี้ตัดสินใจกระทำก็คือเธอให้อภัยอดีตสามีของเธอ
เธอเล่าว่า "ดิฉันอโหสิให้แก่เขาคิดว่าเราคงทำบุญกันมาแค่นี้ และดิฉันก็ได้เรียนรู้ว่า
การอภัยนี้มิได้เป็นอาวุธที่เชือดเฉือนใคร แต่ความรู้สึกขมขื่นนั้นกลับเป็นอาวุธร้ายแรงแก่ตัวเอง
เพราะยิ่งเรามีมากก็ยิ่งเป็นคนไร้เพื่อนฝูง ไม่มีใครดอกที่จะมาทนกับความรู้สึกระทมขมขื่น
ของผู้อื่นได้นาน ฉะนั้นพอคิดอภัยให้แก่เขาได้แล้ว เราก็รู้สึกใจปลอดโปร่ง
และยอมรับความล้มเหลวของการแต่งงานในอดีต รวมทั้งคิดถึงเหตุผลของความล้มเหลวนั้นด้วย
และสิ่งเหล่านี้คือประสบการณ์ที่ให้บทเรียน"
คุณสุภาพสตรีเล่าต่อไปว่า หลังจากการให้อภัยแก่อดีตสามีแล้ว เธอสามารถทำใจได้
และสามารถปฏิบัติตนเท่าที่ควรจะกระทำในด้านการประกอบอาชีพ การคบหาสมาคม
และดูแลควบคุมตัวเอง โดยเริ่มจาก
- พยายามหาเพื่อนไว้ เพื่อนสมัยก่อนแงงานก็อาจจะไม่ได้ติดต่อกัน หรืออาจเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งตัวคุณเองก็คงไม่เหมือนเดิม ฉะนั้นการปรับปรุงตัวใหม่ด้วยการเข้าสมาคม
หรือการศึกษาวิชาเพื่อประกอบอาชีพตามต้องการ ก็คงจะทำให้ได้พบเพื่อนฝูงใหม่ๆ
- มีความสนใจใหม่ๆ เช่นหางานอดิเรกทำ ก็อาจจะทำให้ได้พบเพื่อนใหม่ในกลุ่มต่างๆ ได้
อย่างคุณสุภาพสตรีผู้นี้หันมาเรียนการทำขนมเป็นงานอดิเรก ซึ่งเธอกล่าวว่าสามารถทำได้คนเดียว
หรือติดต่อทำร่วมกับผู้อื่นได้
- รู้จักทำประโยชน์ให้แก่สังคม หากมีเวลาว่าง คุณจะสบายใจขึ้นเมื่อได้ทำประโยชน์ให้แก่สังคม
ที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณ เช่น งานอาสาสมัครต่างๆ งานเลี้ยงเด็กตามสถานพยาบาลเด็กอ่อน
หรือการช่วยสอนหนังสือเด็กในโรงเรียนแหล่งชุมชนแออัด ฯลฯ การได้ทำประโยชน์แก่สังคม
จะช่วยให้คุณสุขกายสบายใจขึ้น และลืมอดีตที่แสนเศร้านั้นได้
คุณสุภาพสตรีผู้นี้บัดนี้ได้แต่งงานใหม่กับชายที่เธอรักอย่างมีความสุข
|