สุดคนึง เป็นเด็กสาวช่างฝันเธอเคยคาดหวังไว้เสมอว่าเธอจะพบกับหนุ่มรูปหล่อ มีความรู้สูง 
และร่ำรวยเหมือนดั่งนิยายของคนช่างฝันทั้งหลาย ทั้งเธอเคยฝันว่ชีวิตคู่ของเธอจะมีความสุข
สดชื่นเหมือนกับนิยายที่จบลงด้วยดี กล่าวคือ "และแล้วเจ้าหญิงกับเจ้าชายก็ได้ลงเอยดังฝัน
และครองรักอยู่กันอย่างมีความสุข" ตั้งแต่เป็นสาววัยรุ่นเธอก็เฝ้าแต่รอคอย "ชายในฝัน" 
ว่าจะต้องพบกันสักวันหนึ่ง แต่รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ ชายในฝันนั้นก็มิได้โผล่มาให้เห็นหน้า 
จนกระทั่งตัวเธอเองย่างเข้าสู่วัยสาวใหญ่ที่มองเห็นคานทองลอยมารับอยู่รำไร 
เธอจึงได้ตกลงปลงใจคบกับชายที่ทั้งไม่หล่อและไม่รวย เขามิได้มีทุกอย่างดังที่เธอฝันไว้ 
แต่เธอก็แต่งงานกับเขาเพราะคิดว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่เธอจะได้เข้าสู่ประตูวิวาห์ 
 
 
 | 
 | 
ส่วนพวงผกาเป็นกำพร้าพ่อตั้งแต่เยาว์วัย 
และภาพคุณพ่อที่ใจดีนั้นยังคงฝังใจเธออยู่ 
ฉะนั้นทุกครั้งที่เธอคิดถึงการมีคู่ครอง 
เธอก็มักคิดถึงภาพของคุณพ่อ 
ชายที่มีอายุมากกว่าเธอ แต่ใจดีให้ความอบอุ่น 
รักเธอและอุปการะเธอ แต่ความเป็นจริงการแต่งงาน
กลับทำให้พวงผกาหัวใจสลาย เธอสารภาพว่าไม่มีความสุข 
เพราะตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่มีอายุแก่กว่าเธอถึง 15 ปีนั้น 
แต่งงานกับเธอเพราะหวังแค่สมบัติของเธอ
เขาไม่เคยใส่ใจเธอเท่าที่ควร
และความทุกข์ทรมานใจที่เธอได้รับ
ในการไปอยู่รวมกับญาติสามีที่ต่างก็ดูไม่ใส่ใจเธอ 
และมีปัญหาต่างๆ ที่บีบคั้นเธอ
จนทำให้เธอเสียสติไปในที่สุด 
 |  
 
	
 ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็คงเคยคาดคิดหรือใฝ่ฝันว่า ผู้เป็นสามีจะต้องมีลักษณะอย่างนั้นอย่างนี้
ต้องรักเธอ ต้องใจดี รวมทั้งจะต้องตามใจเธอไปเสียทุกอย่าง จริงอยู่ความรู้สึกฝันหวาน
ย่อมทำให้หัวใจของผู้หญิงทุกคนสดชื่น ทำให้ดูเหมือนว่าชีวิตนี้มีแต่ความสุขเมื่อได้มีเขาเคียงข้าง 
แต่เราต้องไม่ลืมว่าทุกอย่างนั้นมิใช่เป็นดั่งฝันเสมอไป ลักษณะนิสัยของมนุษย์ปุถุชนนั้น
ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ บางครั้งจำเป็นต้องซ่อนเร้นอารมณ์ 
และความประพฤติไม่เหมาะไม่ควรได้ในระยะหนึ่ง แต่เวลาจะเป็นเครื่องชี้ว่า 
เขาผู้นั้นได้กลับใจกลับตัวแล้ว หรือทำได้มากน้อยเพียงไร เพราะชายบางคนนั้นพอมีภริยา
มีลูกแล้วก็มักรู้สึกตัวปรับตัวใหม่ได้ แม้ว่าจะเคยร้ายมาก่อนก็ตาม 
ทั้งนี้เพราะการมีครอบครัวมีลูกทำให้เขารู้สึกว่าจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น 
แต่หากชายผู้นั้นยังขาดสำนึกที่ดีงาม ก็ถือเสียว่า เป็นเวรของเขาแต่เป็นกรรมของลูกเมียไป 
	
 แม่บ้านผู้โชคดีรายหนึ่งสารภาพกับจิตแพทย์ว่า เธอไม่เคยคิดว่าสามีของเธอจะเป็นคนมีอารมณ์ร้าย 
เพราะเวลาเขาโกรธหรือหึงหวงเธอขึ้นมา เขาจะทำร้ายเธอย่างทารุณมีทั้งทุบตี 
จนเธอเองสุดจะทนทานได้ ที่สุดเธอถึงกับขอหย่าแยกทางกับเขา
แต่ด้วยความรักที่เขามีต่อลูกทำให้เขายอมสัญญากับจิตแพทย์ว่า 
เขาจะไม่ทำตัวป่าเถื่อนเช่นนั้นอีก และเขาก็พยายามระงับความโกรธ
และเลิกตบตีภริยาไปในที่สุด 
	
 ท่านผู้ใหญ่ผู้หนึ่งได้ให้ข้อคิดกับลูกหลานที่จะแต่งงานว่า 
จงอย่าคิดการแต่งงานหรือชีวิตคู่นั้นจะสุขสบายเหมือนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ดูราบรื่นน่าชื่นชม เพราะชีวิตจริงก็คือ การผจญกับปัญหาและการแก้ปัญหา 
คนที่พร้อมใจจะใช้ชีวิตคู่ จึงต้องเป็นคนที่มีใจสู้ยอมเผชิญกับปัญหาอย่างใจเย็น
และพยายามแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ แม้แต่คนที่เราแต่งงานด้วย โดยอ้างว่า 
เพราะรักหรือเหตุใดก็ตาม จงอย่าได้เชื่อเขาจนหมดใจ คิดเอาไว้บ้างว่าสักวันหนึ่ง
เขาอาจเปลี่ยนแปลงไปก็ได้ การคิดไว้ก่อนนั้นมิใช่มองโลกในแง่ร้าย
 แต่จะช่วยให้เราไม่ทุ่มความรักไว้วางใจให้ใครสักคนหนึ่งอย่างหมดจิตหมดใจ 
และเมื่อพบกับความผิดหวังไม่เป็นเหมือนดังฝันไว้ เราก็จะได้ไม่เสียใจมากเกินควร
และพร้อมจะมีสติยั้งใจทำใจได้ ฉะนั้นการระลึกไว้เสมอว่า ทุกอย่างใช่จะเป็นดังเช่นฝันนั้น 
ก็จะเป็นเครื่องเตือนสติผู้หญิงเราที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ หรือใช้ชีวิตคู่ไปอย่างดี 
					
ส.อินทรสุขศรี
  |