มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc


อาหารกับโรคข้ออักเสบ


ตอนที่ 1 วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน 2542


ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ

แต่กระดูกสันหลังของชาวนายับเยินจากการก้มๆ เงยๆ เกี่ยวข้าว เมื่อแก่ตัวลง เกิดอาการปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดตามข้อ ต้องซื้อยาแก้ปวดชนิดซองกรอกปากพอบรรเทา

นักวิชาการบางคน แนะนำชาวนาว่า อย่าค้อมตัวลงเกี่ยวข้าว กระดูกสันหลังจะเสีย ให้ใช้วิธีงอเข่าให้ตัวต่ำๆ หลังตั้งตรง จะได้ไม่ปวดหลังเมื่อแก่
เป็นคำแนะนำที่น่ารักดี ย่อเข่าเกี่ยวข้าว คนแนะนำคงอยู่แต่ในเมืองหลวงไม่เคยทำนา

กรรมกรแบกโลกไว้เกินครึ่ง กรรมกรจึงมีอาการปวดเข่าปวดข้อ และติดยาแก้ปวดไม่น้อยหน้าชาวนา ยาแก้ปวดชนิดซองขายดีในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ทำนา ทำสวนแบกหามรับจ้าง เจ้าของบริษัทยาแก้ปวดนั่งรถเบนซ์สบายเฉิบ

อันที่จริง โรคกระดูกและข้อไม่เคยแบ่งแยกชนชั้นไม่ว่ามีหรือจน หญิงหรือชาย ล้วนเป็นโรคนี้ได้ทั้งนั้น และเป็นโรคเรื้อรัง ที่ทรมานยิ่งกว่าปวดฟันหรือปวดท้อง เพราะมันจะแวะเวียน มาเยือนเป็นระยะ

โรคกระดูกและข้ออักเสบ เป็นโรครวมๆ ที่มีรายละเอียดปลีกย่อย นับร้อยอาการ รวมถึงการอักเสบของเส้นเอ็นโดยรอบ การอักเสบของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน พังผืด กระดูกอ่อน และความผิดปกติทางโครงสร้างของกระดูก มันสามารถเกิดได้ทั่วร่างกาย ตั้งแต่หัวแม่เท้า เข่า ศอก ข้อนิ้ว หลัง ไหล่ บางครั้งลุกลามถึงหัวใจ ปอด หรืออวัยวะสำคัญอื่นๆ

อาการของโรคกระดูกและข้ออักเสบก็มีตั้งแต่ปวดเพียงเล็กน้อย เมื่อยเนื้อตัวคล้ายเป็นหวัด จนกระทั่งพิกลพิการต้องนั่งรถเข็น เจ็บร้องโอยๆ เหมือนโดนทุบ

มีทฤษฎีมากมายที่ใช้อธิบายโรคกระดูกและข้ออักเสบ ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังต่อไป

มนุษชาติเป็นโรคไขข้ออักเสบมาแต่โบราณกาล เท่าที่นักวิชาการสามารถย้อนอดีตกลับไปได้ ก็จะพบว่า โรคไขข้อเคยอยู่ร่วมกับเรามาโดยตลอด จากการเอ็กซเรย์ โครงกระดูกมนุษย์ถ้ำ มัมมี่อียิปต์ พบร่องรอยว่า คนยุคนั้นกระดูกและข้อเสื่อมไม่น้อยหน้าคนสมัยนี้

ต้องยกนิ้วให้ ฮิปโปเครติส แพทย์ชาวกรีก เพราะเขาเป็นผู้บันทึกทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคข้ออักเสบเป็นคนแรก และเป็นผู้ตั้งชื่อโรคว่า รูมาติสซึ่ม (Rheumatism) แปลว่า "ข้อบวม" ซึ่งก็ยังใช้เป็นศัพท์ทางแพทย์จนทุกวันนี้

นักประวัติศาสตร์บางคนได้ประมาณการว่าไว้ว่า ชาวโรมันถึงร้อยละ 70 ป่วยเป็นโรคกระดูกและข้อ จึงเป็นต้นกำเนิดการอาบน้ำแบบโรมัน สร้างสระสาธารณะสำหรับอาบน้ำขนาดใหญ่ มีส่วนผสมสมุนไพรที่เชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการปวดข้อได้
ทุกวันนี้มียาแก้ปวดข้อ ลดการอักเสบแก้รูมาตอยด์ มากมายหลายยี่ห้อ กินปุ๊บหายปั๊บ

แต่เมื่อหมดฤทธิ์ยา อาการปวดก็กลับคืนมา ครั้งแล้วครั้งเล่า บางคนยังไปให้หมอเอ๊กซเรย์กระดูกทำกายภาพบำบัด บางคนนึกท้อจึงหาทางเลือกอื่นๆ เช่นแวะเวียนไปหาหมอจีนฝังเข็ม หรือหมอนวดแผนโบราณ ซึ่งการบำบัดแบบนี้ ก็คือการแพทย์ทางเลือกนั่นเอง

ผู้ป่วยโรคไขข้อจำนวนไม่น้อย ใช้การแพทย์ทางเลือก เป็นที่พึ่งอีกทาง ด้วยความหวังว่าสักวันอาการปวดเหล่านั้น จะหายไปโดยเด็ดขาด วันแห่งความสุขจะกลับมาเยือนอีกครั้ง

โรคเรื้อรัง - สิ่งท้าทาย

ในรูปแบบแนวคิดการแพทย์ยุคใหม่ เรานิยมแบ่งปัญหาสุขภาพ เป็น 2 กลุ่ม คือ ประเภทเฉียบพลันกับประเภทเรื้อรัง

ประเภทเฉียบพลัน โดยทั่วไปมักปรากฏอาการทันทีทันใด มีสาเหตุเดียว ข้อมูลทางการวิจัยสนับสนุนมีมากมาย และตอบสนองต่อการรักษาดีมาก การใช้ยาหรือผ่าตัด สามารถทำให้โรคหายขาดได้โดยง่าย (ถ้าแพทย์วินิจฉัยถูกโรค) และเมื่อมีอาการป่วยหายไป เราก็บอกว่าผู้ป่วยได้รับการรักษาแล้ว

ยกตัวอย่างเห็นง่ายเช่นโรคไส้ติ่งอักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ จากเชื้อแบคทีเรียสเต็ปโตคอคคัส โรคเฉียบพลันเหล่านี้มีอาการปรากฏชัดโดดเด่น เช่น ปวดท้องใต้สะดือด้านขวา หรือทอนซิลบวมโต เจ็บคอ และเมื่อผ่าตัดหรือได้รับยาปฏิชีวนะ อาการก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในโรคเรื้อรังอาการของโรคจะปรากฏอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดำเนินโรคช้าๆ จนอาจทำให้หลายคนวางใจ ไม่ไปรับการตรวจรักษา
การดำเนินโรคเรื้อรังอาจกินเวลาหลายปีหรือตลอดชีวิต เช่น บางคนแก่ตายตามอายุขัย ครั้งผ่าศพจึงพบเนื้อมะเร็ง แฝงตัวอยู่เงียบเชียบ

ในโรคเรื้อรังแพทย์มักพบปัญหาในการวินิจฉัยโรคระยะเริ่มแรก เพราะมันมักมีอาการนำคล้ายคลึงกับโรคอื่นๆ คาดเดาการเปลี่ยนแปลงโรคยาก คนเป็นหวัดจะสังเกตง่ายจากการไอ มีไข้ ตัวร้อน น้ำมูกไหล แต่คนเป็นมะเร็งระยะแรกอาจปวด หรือไม่ปวดบริเวณก้อนมะเร็งเลยก็ได้

นอกจากนี้ สาเหตุของโรคเรื้อรังมักจะเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ตั้งแต่กรรมพันธุ์ อายุ เชื้อชาติ เพศ อาหารการกิน การดำเนินชีวิต การพักผ่อน ความเครียด ฯลฯ

ดังนั้นในความหมายทั่วไป โรคเรื้อรังจึงหมายถึงโรคที่รักษาไม่หาย ไม่มีทางแก้แบบง่ายๆ เพราะมันไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว ผู้ป่วยไม่อาจหวังพึ่งยา หรือการผ่าตัดเพียงอย่างเดียว การปรับวิถีชีวิต อาหาร การออกกำลังกาย การลดความเครียด การมองโลกแง่ดี การเสริมสร้างทั้งกำลังกาย กำลังใจ และจิตวิญญาณ ล้วนมีส่วนส่งเสริมการรักษาทั้งสิ้น ผู้ป่วยโรคเรื้อรังจึงจำต้องมีความความรู้ความเข้าใจโรคของตนอย่างดี และพึ่งการรักษาหลายรูปแบบ

ขอยกตัวอย่างโรคเรื้อรังอย่างหอบหืด ซึ่งปรากฏเป็นข่าวมีคนฆ่าตัวตาย หนีโรคนี้เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โรคหอบหืดและข้ออักเสบแตกต่างอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีผลต่อชีวิตคล้ายคลึงกัน ผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่มจะทนทุกข์ทรมาน สุขภาพกาย และใจเสื่อมโทรม การทำงาน ขาดความมั่นใจในการทำกิจวัตรร่วมกับผู้อื่น รู้สึกเหมือนว่าตนเกิดมาเป็นภาระ ทำให้ไม่อยากมีกิจกรรมเช่นคนทั่วไป เกิดปัญหาในการอยู่ร่วมในสังคม

จะเห็นว่าโรคเรื้อรังทำลายมากกกว่าสุขภาพกาย การแพทย์แผนปัจจุบัน ที่มักมุ่งเน้นการรักษาทางกายเพียงอย่างเดียว จึงมิใช่คำตอบเบ็ดเสร็จที่ผู้ป่วยพอใจเพราะการแพทย์แผนโบราณ และทางเลือกอื่นๆ มักมีกลวิธีที่สามารถเสริมกำลังใจให้แก่ผู้ป่วย นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปในการแพทย์แผนปัจจุบัน

กระดูกและข้อ

โครงสร้างของมนุษย์ประกอบด้วย กระดูกมากกว่า 200 ชิ้น มีความแข็งแกร่งยืดหยุ่นได้ โดยจัดให้มีส่วนที่เป็นข้อต่อ เพื่อให้โครงสร้างกระดูกหักงอได้ในจุดที่ต้องการ ข้อนิ้วช่วยให้เราสามารถงอนิ้วจับดินสอ ปากกา เสยผม เย็บผ้า

ลองคิดว่า วันหนึ่งข้อนิ้วของคุณเกิดอักเสบ ข้อติดกัน งอนิ้วไม่ได้ ชีวิตจะลำบากแค่ไหน

การมีข้อเข่าช่วยให้เราขึ้นบันได วิ่ง คุกเข่า ปีนป่ายคล่องแคล่ว ข้อต่อทุกชิ้นของกระดูกสันหลัง ศอกนิ้วมือ ไหล่ แขน ล้วนมีส่วนช่วยให้เราเคลื่อนไหวนิ่มนวล มีชีวิตชีวา ไม่แข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์

แต่มนุษย์มักไม่เห็นคุณค่าของข้อต่อจนกว่ามันจะทำงานล้มเหลว

ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ โรคข้ออักเสบจะแสดงอาการอย่างช้าๆ ข้อสูญเสียความสามารถในการทำงานทีละข้อสองข้อ จนถึงขั้นทำลายการเคลื่อนไหว และเมื่อถึงเวลานั้น การออกกำลังกายหรือการทำกิจวัตรประจำวัน จะกลายเป็นเรื่องแสนสาหัส

คนที่เคยป่วยเป็นโรคข้อ จึงจะเข้าใจความรู้สึกตรงนี้ได้ดี

ตอนที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน 2542


โอย!! ปวดหลัง ปวดเอว ปวดตามข้อ นั่งลุกยืนเดินไม่ถนัด สงสัยจะเป็นโรคข้ออักเสบแล้วสิ

ข้อคืออะไร

การที่จะพูดถึงข้ออักเสบโดยที่ไม่รู้ว่าข้อคืออะไร จะก่ออาการที่เรียกตาบอดคลำช้างได้แน่นอน ดังนั้นอันดับแรกเราต้องรู้เสียก่อนว่าข้อคืออะไร มีส่วนประกอบอย่างไร และส่วนประกอบเหล่านั้น ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบได้อย่างไร

ลองหยิบข้อไก่ในตู้เย็นหรือซื้อไก่มาพิจารณา ตรงส่วนที่เรียกว่าข้อดู แล้วจะเห็นสัจจรรมว่า แท้ที่จริงข้อก็คือ จุดเชื่อมต่อระหว่างกระดูกสองชิ้นขึ้นไปนั่นเอง

คิดถึงประตูกกับวงกบ มันติดกันได้ด้วยบานพับ หมุนไปมาได้ก็ด้วยบานพับ หากบานพับไม่ลื่นก็ต้องหยอดน้ำมัน ข้อก็มีบทบาทคล้ายคลึงกับบานพับ เพียงแต่มีความซับซ้อนมากกว่า

ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่ากระดูก 2 ชิ้น เมื่อมาชนกัน ไม่จำเป็นว่ามันจะต้องขยับไปมาได้เหมือนประตูหน้าต่าง ยกตัวอย่างเช่น กะโหลกศีรษะที่ประกอบด้วย กระดูกหลายชิ้นเชื่อมประสานกัน เข้าเป็นลูกกลมกลวงโบ๋ เคาะดังโป๊กๆ จำไว้ให้ดีนั้น กระดูกแต่ละชิ้นไม่จำเป็นต้องขยับได้ ขืนกะโหลกใครขยับไปมาพับได้ละก้อ...บรื๋อ...

แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีกระดูกกลุ่มใหญ่ที่ต้องขยับเขยื้อน ได้มากบ้างน้อยบ้าง เช่น แขน ขา นิ้ว และสันหลัง ข้อต่อบางจุด อาจอนุญาตให้กระดูกขยับเขยื้อนได้ค่อนข้างมากเช่น ไหล่ สะโพก หรืออาจเขยื้อนเล็กน้อยพองาม เช่น กระดูกสันหลังสามารถโค้งไปมาได้ ไม่ถึงกับส่ายเป็นงูเลื้อย

ข้อต่อกระดูกที่เคลื่อนตัวได้เหล่านี้ จะต้องมีโครงสร้างพิเศษพิสดาร เพื่อรองรับปัญหาแรงเสียดทานระหว่างกระดูกสองชิ้น และข้อของกระดูกพวกนี้แหละ ที่ทำให้หลายคนร้องโอดโอย ยามที่มันสูญเสียหน้าที่ไป

ถ้าเอากระดูกสองชิ้นมาชนกันโดยมีน้ำหนักตัวกดทับ เวลาโยกกระดูกไปมา มันคงเสียดสีลุกเป็นไฟ เพราะกระดูกของมนุษย์แข็งกว่าเหล็กถึง 5 เท่า และคนเราเดินเหินกระโดดโลดเต้นทั้งวัน ดังนั้นธรรมชาติจึงต้องสร้างอุปกรณ์ ช่วยลดการเสียดสีหลายขั้นตอนเช่น สร้างน้ำเหลวข้นใส่ไว้ในช่องว่างระหว่างกระดูก เรียกว่าน้ำไขข้อหรือ Synovial fluid น้ำไขข้อนี้ทำหน้าที่เสมือนน้ำมันเครื่อง คอยหล่อลื่นที่ข้อ ลดความฝืดยามกระดูกเคลื่อนที่

แต่น้ำไขข้อเป็นของเหลว ไม่ยอมติดนิ่งที่ปลายกระดูก เหมือนน้ำจาระบี จำต้องมีกระเปาะหุ้มกันน้ำไขข้อไหลรั่วไปจากข้อ กระเปาะนี้หุ้มปลายกระดูกทั้งสองชิ้นไว้ ตัวมันเป็นเนื้อเยื่อเหนียว อย่างที่เราเรียกว่าพังผืด นอกจากทำหน้าที่กักน้ำไขข้อไว้ มันยังจับยึดกระดูกให้อยู่ใกล้ๆ กัน ด้านในของกระเปาะ มีเยื่อบุภายในอีกชั้นหนึ่ง เป็นเยื่อบุบางๆ เรียก Synovia membrane ทำหน้าที่ผลิตน้ำไขข้อให้เต็มร้อยเสมอ เพราะถ้าไขข้อแห้งละก้อ เป็นเรื่องแน่

แค่ตรงนี้เราก็จะเห็นแล้วว่า หากเยื่อบุภายในข้อ เกิดทำงานผิดพลาด หรือเนื้อเยื่อรอบกระเปาะหุ้นเกิดอักเสบ คุณได้น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัยเป็นแม่นมั่น
แต่ยังครับ ยังไม่หมดแค่นั้น ส่วนปลายกระดูกทั้ง 2 ชิ้น ที่มาชนกัน ธรรมชาติยังใส่วัสดุนุ่มคล้ายพลาสติกใส คอยช่วยซับน้ำหนักดกดทับอีกสิ่งนั้นเรียกว่ากระดูกอ่อน

กระดูกอ่อน เป็นโปรตีนพวกคลอลาเจนมีลักษณะพิเศษ คือ ด้านนอกจะใสแข็งเป็นมันลื่น ด้านในส่วนที่ติดกระดูก จะนุ่มคล้ายฟองน้ำ ใครที่ชอบกินน่องไก่คงสังเกตเห็น กระดูกอ่อนส่วนปลายดังกล่าว กระดูกอ่อนจะหนา และหุ้มหัวกระดูกไว้จนมิด ยามร่างกายเคลื่อนไหว ความมันลื่นของกระดูกอ่อนจะช่วยลดการเสียดสีระหว่างกระดูกจริง ได้เป็นอย่างดี

แต่หากวันดีคืนร้ายกระดูกอ่อนเกิดผิดปกติเสื่อมหาย เป็นรูพรุน เสียคุณสมบัติไป...ก็เป็นเรื่องอีกเช่นกัน

นอกจากที่กล่าวมา ธรรมชาติยังมอบถุงน้ำให้อีกใบหนึ่งอยู่นอกข้อ แต่ชิดกับข้อ ถุงน้ำนี้เรียก เบอร์ซ่า (Bursa) ทำหน้าที่ผลิตน้ำเหลว เหมือนไขข้อออกมาหล่อเลี้ยงรอบข้อ เอ็น พังผืด กระดูก และกล้ามให้ทำงานประสานกันโดยไม่ติด และเป็นตัวส่งอาหารให้กระดูกอ่อน ซึ่งไม่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยง

นี่แหละครับคือสิ่งที่เรียกข้อกระดูก

ยามที่อุปกรณ์ตามธรรมชาติทำงานประสานงานกันราบรื่น ก ารเคลื่อนไหวของเราจะเป็นไปอย่างคล่องแคล่ว โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว ครั้นร่างกายร่วงโรย ความเสื่อมมาเยือนการเคลื่อนไหวเริ่มมีปัญหา ส่วนประกอบต่างๆ ทั้งในและนอกข้อ อาจสร้างปัญหา ก่อโรคเกี่ยวกับข้อหรือที่เรียกรวมๆ ว่าข้ออักเสบได้มากมายดังนี้

การอักเสบของเยื่อบุภายในข้อ

โดยปกติ เยื่อบุภายในข้อจะมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ ทำหน้าที่ผลิตน้ำไขข้อออกมาหล่อลื่นข้อ

บางครั้งเยื่อบุภายในข้อเกิดอักเสบ มันจะบวมหนาร้อนแดง น้ำไขข้อที่มันผลิตช่วงนี้จะเต็มไปด้วยเซลล์เม็ดเลือดขาวออกันมากมาย เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมตามกลไกของระบบภูมิคุ้นกันโรค เซลล์เม็ดเลือดขาวมากมาย กัดกินทุกอย่างที่สงสัย มันอาจทำให้เกิดการสลายของผิวหน้ากระดูกอ่อน ส่งผลให้กระดูกอ่อนที่เคยเป็นมันวาวเริ่มมีหลุมมีบ่อ ก่อให้เกิดอาการปวดข้อยามเคลื่อนไหว ถ้ายังไม่ได้รับการรักษา กระดูกอ่อนอาจสลายไปจนหมด ทำให้กระดูกจริงชนกัน เรียกอาการข้ออักเสบแบบนี้ว่า Synovitis ซึ่งเป็นอาการเริ่มต้น ของโรครูมาตอยด์ อาร์ไทรทิส

การเสื่อมสลายของกระดูกอ่อน

อาการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อนซึ่งทำหน้าที่หุ้มกระดูกจริง คือลักษณะสำคัญของโรคข้อเสื่อมหรือข้ออักเสบชนิด Osteoarthritis ซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ เมื่อกระดูกอ่อนสลายตัว มันจะเกิดรอยแตกร้าวหรือมีหลุมบ่อที่ผิวหน้าลึก จนกระทั่งกระดูกจริงชนกัน กระดูกบริเวณนั้นจะหนาขึ้น อาจเกิดถุงน้ำ และข้อยุบตัวแคบลง โรคข้อเสื่อม ถือเป็นโรคที่มาพร้อมวัยชรา

ข้ออักเสบจากขบวนการเคมีที่ผิดปกติ

เม็ดทรายเข้าตารู้สึกอย่างไร เม็ดทรายเข้าไปอยู่ในข้อ ก็ให้ความรู้สึกคล้ายกัน
ในคนบางคน ร่างกายอาจผลิตสารบางชนิดมากเกินกว่าจะขจัดได้ทัน มันจึงเข้มข้นขึ้นและตกผลึกเป็นเม็ดทรายเล็กๆ ในข้อ ทำให้เกิดอาการปวดทรมานยามเคลื่อนไหว เรารู้จักดีในนามของโรคเกาต์ อันเกิดจากผลึกของกรดยูริก

การติดเชื้อ

เชื้อโรคบางชนิดเช่น โกโนเรีย รวมทั้งไวรัสอาจบุกเข้าไปในข้อ ทำให้เกิดข้ออักเสบ

การบาดเจ็บ

แรงกดบนข้ออย่างต่อเนื่อง หรือแรงกระแทกรุนแรง สามารถทำให้ข้อบาดเจ็บได้ ส่วนที่จะเสียหายอันดับต้น คือกล้ามเนื้อและเอ็น การกระแทกข้อเท้าบ่อยๆ ทำให้ข้อพลิก เอ็นอักเสบ กล้ามเนื้อรอบข้ออักเสบ พบได้เสมอในนักกีฬา คนอ้วน และกรรมกรยกของหนัก

ความผิดปกติของเนื้อเยื่อเกี่ยวกัน

เนื้อเยื่อเกี่ยวพันเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูก กระดูกอ่อน ผิวหนังและหลอดเลือด
โรคร้ายบางชนิด เช่น รูมาตอยด์ อาร์ไทรทิส และ S.L.E (ซึ่งคร่าชีวิตคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์) เป็นโรคที่ก่อให้เกิดความผิดปกติ ของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทั่วร่างกาย ซึ่งจะแสดงออกที่กระดูกและข้อได้

หลังแข็ง

มีโรคข้อชนิดหนึ่งเรียกว่า Ankylosing Spondylitis เกิดจากพังผิดและเอ็น ที่ยึดกระดูกสันหลังเกิดแข็ง หนา และมีแผลเป็น ส่งผลให้เกิดการหดรั้ง ดึงกระดูกสันหลังเข้าชนกันและเชื่อมเข้าหากัน ทำให้ผู้ป่วยก้มตัวไม่ได้ เคลื่อนไหวลำบาก

เหล่านี้ คือปัญหาที่สามารถเกิดได้กับข้อ

ตอนที่ 3 หนังสือพิมพ์มติชน วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม 2542


ปัจจัยที่มีผลต่อโรค

จากบทความที่ผ่านมา ท่านผู้อ่านคงได้เห็นแล้วว่า โรคข้ออักเสบมีความหมายกว้างขวางเกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อหลายชนิดตัวกระดูกเอง ทั้งกระดูกจริงและกระดูกอ่อน เอ็น พังผืด ตลอดจนน้ำเลี้ยงไขข้อ ดังนั้นจึงมีสาเหตุมากมายที่จะส่งผลต่อความผิดปกติของข้อได้
อย่าเพิ่งท้อครับ ถ้าคุณรู้ เข้าใจ ย่อมผ่อนหนักให้เป็นเบาได้

สาเหตุหลักๆ เท่าที่วงการแพทย์ค้นพบว่ามีส่วนทำให้เกิดโรคข้ออักเสบได้มีดังนี้

  • น้ำหนักเกินมาตรฐาน

โรคข้ออักเสบที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการกระดูกเสื่อม ข้อเสื่อม ซึ่งจะถูกกระตุ้นให้รุนแรงขึ้นหากคุณมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน เพราะข้อต้องรับแรงกดมากเกินปกติ การรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม จึงช่วยทั้งป้องกันไม่ให้โรคกำเริบรุนแรงและไม่กำเริบถี่

  • กรรมพันธุ์

รู้กันมานานแล้วว่า โรคไขข้ออักเสบมักเป็นในหมู่ญาติพี่น้อง หรือถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้นั่นเอง ถ้าปู่ย่าข้ออักเสบ พ่อหรือแม่ข้ออักเสบ เตรียมใจไว้ได้เลยว่าตัวคุณหรือพี่น้องมีโอกาสเสี่ยงต่อข้ออักเสบสูงกว่าคนที่ไม่มีประวัติทางครอบครัว
หลายสิบปีมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์พบว่าคนที่เป็นโรคข้ออักเสบธรรมดาบางชนิด จะมียีนพิเศษเรียก HLAs (Human leukocyte antigens) เช่นคนที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะมียีน HlA-DR4 ขณะที่คนเป็นข้ออักเสบชนิด ankylosing spondylitis มี HLA-B27
เชื่อว่าพันธุกรรมจะเป็นตัวไขปริศนาทางการแพทย์ และนำไปสู่การค้นพบยา หรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
ที่เล่ามามิใช่ต้องการให้รู้ลึกซึ้งมากมายอะไรหรอกครับ เพียงอยากยกตัวอย่างให้เห็นว่าการศึกษาทางการแพทย์ไม่เคยหยุดนิ่ง ขอผู้ป่วยอย่าเพิ่งหมดหวัง
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นการที่คุณมีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคข้ออักเสบ ก็มิใช่ว่าจะเป็นลางบอกเหตุร้ายเสียทีเดียว มันเป็นเพียงแนวโน้มเท่านั้น และนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การที่คุณมีลักษณะด้อยทางกรรมพันธุ์เพียงอย่างเดียว ยังไม่อาจก่อโรคขึ้นได้ ต้องมีตัวกระตุ้นอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อ การแพ้ การบาดเจ็บ การสัมผัสสารเคมีหรือปฏิกิริยาต่อต้านตัวเองซึ่งเป็นความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นแม้คุณจะมีแนวโน้มเป็นโรคข้ออักเสบจากพันธุกรรม แต่หากคุณพยายามหลีกเลี่ยง สิ่งกระตุ้นทั้งหลาย คุณก็อาจดำรงชีวิตแบบปลอดโรคข้ออักเสบได้

  • การบาดเจ็บ

พบว่าโรคข้ออักเสบหลายชนิด มักมีจุดเริ่มต้นจากการข้อแพลง เดินเตะขาตู้ หกล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุทำนองนี้จนข้ออักเสบเรื้อรังจึงตามมา ที่พบมาเป็นพิเศษ คือการทำให้ข้อชอกช้ำอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่น ชาวนาต้องก้มตัวจนกระดูกสันหลังอักเสบ กรรมกรที่ยกของหนักเกินกำลังทุกวัน พนักงานเคาะพิมพ์ดีดเช้าจรดเย็นจนเจ็บข้อนิ้วระบม การบาดเจ็บครั้งละน้อย แต่บ่อยครั้งนี้เองที่กระตุ้นให้เกิดข้ออักเสบชนิดเริ่มต้น ซึ่งหากยังไม่หยุดพฤติกรรมทำลายข้อ อาการข้ออักเสบจะทวีความรุนแรงขึ้น
แต่การบอกชาวนาให้หยุดเกี่ยวข้าว บอกกรรมกรให้เลิกแบกหาม ดูจะเป็นการแก้ปัญหาชนิดไม่มองสภาพความเป็นจริง ชาวนาจึงยังคงเกี่ยวข้าวต่อไป และบรรเทาอาการปวดข้อด้วยยาแก้ปวดชนิดซอง

  • ติดเชื้อ
เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา อาจก่อโรคข้ออักเสบได้ สังเกตว่าเวลาคุณเป็นหวัด คุณอาจครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดตามข้อ นั่นคือ โรคข้ออักเสบชนิดเฉียบพลัน ซึ่งจะหายไปเมื่อเชื้อถูกทำลาย
โรคที่มีชื่อเสียงในการทำลายข้อได้ดีที่สุดคือ กามโรค ชนิดที่เรียก โกโนเรีย แต่อันที่จริงเชื้อโรคในทางเดินอาหารสองชนิดคือ Salmonella - Shigella ก็ก่อโรคข้ออักเสบได้ไม่น้อยหน้ากัน

  • การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายอาจเป็นวิธีเดียวที่ช่วยบำรุงกระดูกข้อ เอ็น กล้ามเนื้อให้แข็งแรง เช่นเดียวกับช่วยหัวใจ สมอง ปอด และอวัยวะภายในทั้งหลายทั้งปวงให้ทำงานได้อย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพ
การออกกำลังกายที่ดีจะช่วยให้ข้อได้เคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม เกิดการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อรอบข้อ ถ่ายเทของเสียออกมา ทำให้สุขภาพข้อดีขึ้น
การออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนักจะช่วยให้กล้ามเนื้อกระชับ แข็งแรง กล้ามเนื้อเหล่านี้มีส่วนช่วยพยุงไม่ให้ข้อต้องทำงานหนักจนเกินไป ช่วยชะลอโรคข้อเสื่อม กระดูกเสื่อม กระดูกพรุน
แต่ในทางกลับกัน การออกกำลังกายแบบผิดวิธี กลับเป็นปัจจัยทำลายข้อได้ อย่างน่ากลัวโดยเฉพาะกีฬาที่ต้องกระทบกระแทกโดดทิ้งตัว

  • อาหาร

เป็นปัจจัยที่ช่วยทั้งป้องกันโรคและก่อโรคได้ การกินอาหารไขมันมาก กินจนอ้วน จะทำให้โรคข้ออักเสบรุนแรงขึ้น อาหารบางชนิดแสลงโรค เช่น เบียร์ กระตุ้นโรคเกาต์ ผลิตภัณฑ์จากนม ช็อกโกแลตอาจก่อโรคไขข้อจากการแพ้
การกินอาหารหลากหลาย อุดมวิตามินเกลือแร่ครบถ้วน อาหารแคลเซียมสูง ล้วนช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงตรงข้ามกับการกินเนื้อมาก กินโปรตีนสกัดที่ขายกันเกร่อในรูปอาหารเสริมสุขภาพจนเกินความต้องการของร่างกาย สามารถทำให้เกิดกระดูกพรุนตามมาได้
การกินหวานจัด แอลกอฮอล์ กาแฟ อาจทำลายสุขภาพข้อและกระดูกได้เช่นกัน

  • การแพ้

ความเชื่อมโยงระหว่างการแพ้อาหารที่เรากินกับโรคข้ออักเสบ เป็นที่สนใจของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกการแพ้เป็นผลจากการที่ระบบภูมิคุ้มกัน ถูกกระตุ้นจนทำงานผิดพลาด และกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งเม็ดโลหิตขาวออกมามากมายมหาศาล เม็ดเลือดขาวในน้ำไขข้อนี้เองที่เป็นตัวการก่อโรค ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วเมื่อฉบับที่แล้ว
ยังศึกษากันมากว่าอาหารใดบ้างที่กระตุ้นการแพ้จนมีผลก่อโรคข้ออักเสบ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังเพ่งเล็ง มะเขือ และมะเขือเทศ

  • ยา

มียาบางตัวที่สามารถกระตุ้นให้เกิดข้ออักเสบได้แม้จะพบไม่บ่อยนัก และเมื่อหยุดยาอาการข้ออักเสบก็จะหายไป หากคุณกินยาต่อไปนี้ แล้วเกิดข้ออักเสบ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • ไอโซไนอาซิด (Isoniazid) และอีแทมบูทอล (Ethambutol) สำหรับรักษาโรคปอดหรือวัณโรค
  • ไฮดราลาซีน (Hydralazine) ลดความดัน
  • โปรเคนาไมด์ (Procainamide) รักษาอาการเต้นผิดปกติของหัวใจ
  • คลอโปรมาซีน (Chlorpromazine) ใช้รักษาอาการหลายชนิด รวมทั้งอาการปวดหัวข้างเดียว และคลื่นไส้อาเจียน
  • แอสไพริน (Aspirin) ถ้ากินประจำจะกระตุ้นโรคเกาต์ได้

ตอนที่ 4 วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม 2542


เมื่อรู้สึกปวดหลัง ปวดตามข้อ สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ ยาหม่อง ทาถู...ทาถูก...บริเวณที่ปวด ถ้ายังไม่หาย ก็อาจปรึกษาร้านยา ลองรักษาตัวเองก่อนเพื่อความประหยัดทั้งเงินและเวลา

แต่ถ้ายังไม่หายอีก คุณก็ต้องไปให้แพทย์ตรวจวินิจฉัย ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่ไปหาหมอ คือคนที่เป็นหนักจนครางอ๋อยแล้ว หรือไม่ก็เป็นหลายเดือนจนเข้าขั้นเรื้อรัง

การตรวจวินิจฉัย

ดังที่ได้ทราบแล้วว่า ต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบนั้น มีมากมายหลายจุด ทั้งที่กระดูก กระดูกอ่อน เนื้อเยื่อรอข้าง เยื่อบุ ถุงน้ำ กล้ามเอ็น พังผืด

จนต้องยอมรับตรง ๆ ว่า บางครั้งเมื่อคนไข้มาหา ด้วยอาการปวดข้อเจ็บกระดูก หมอก็หมดปัญญาวินิจฉัยว่า สาเหตุที่แท้จริงเกิดเพราะเหตุใด จึงวินิจฉัยแบบเหมาโหลว่า "ข้ออักเสบ" หรือ "รูมาติสซึ่ม" และให้การรักษาตามอาการ คือปวดก็ให้ยาแก้ปวด อักเสบก็ให้ยาแก้อักเสบ มีอาการอย่างไรก็ให้ยาบรรเทาอาการนั้นไปพลางๆ รอให้โรคทุเลาเองตามธรรมชาติของโรค

แต่ถึงแม้ว่าในบางกรณีแพทย์จะวินิจฉัยหาสาเหตุโรคไม่ได้ คุณก็ควรไปพบแพทย์อยู่ดีเพราะยังมีโรคร้ายแรงบางชนิด ที่อาการเริ่มต้นหรืออาการส่วนหนึ่งปรากฏให้เห็น ในรูปของกระดูกหรือข้ออักเสบ เช่นโรคติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส โรคมะเร็งบางชนิด แพทย์สามารถวินิจฉัยจำแนกออกมาได้ ทำให้คุณได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามร้ายแรง

การวินิจฉัยเริ่มต้นโดยทั่วไป แพทย์จะซักประวัติสำคัญของคุณ เช่นว่าอาการเป็นอย่างไร เคยทำอะไรมาบ้าง ถามถึงอุบัติเหตุ ประวัติครอบครัว จนถึงรูปแบบการดำรงชีวิตของคุณ
หลังจากนั้น แพทย์จะตรวจสอบบริเวณกระดูกและข้อที่อักเสบ ให้คุณแสดงท่าที่ปวดมาก ท่าที่สบาย การเคลื่อนไหวแบบใด ทิศทางใดที่ทำให้คุณปวด ดูอาการบวมแดง แข็งตึงต่างๆ

หมออาจสั่งให้คุณไปตรวจเลือด ตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อนำผลที่ได้มาร่วมตัดสินใจให้การรักษาที่ดีที่สุด
การตรวจทางเคมีจะช่วยให้แพทย์ทราบปริมาณโปรตีน กรดยูริก และสารละลายในเลือดหากมีกรดยูริกสูง แพทย์จะนึกถึงโรคเกาต์เป็นอันดับแรก

การตรวจรูมาตอยด์แฟคเตอร์จะช่วยจำแนกว่า คุณเป็นโรครูมาติสซึ่มจริงหรือไม่ เพราะผู้ป่วยรูมาติสซึ่มร้อยละ 80 จะมีแอนติบอดีที่ชื่อรูมาตอยด์แฟคเตอร์

การเจาะข้อตรวจน้ำไขข้อก็เป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อการวินิจฉัย แต่คุณต้องทนเจ็บหน่อยหนึ่ง (เพราะเข็มใหญ่เป็นพิเศษ) ในคนปกติ น้ำไขข้อจะใส แต่หากมีเลือด เชื้อแบคทีเรีย เม็ดเลือด เชื้อแบคทีเรีย เม็ดเลือดขาว ฯลฯ แพทย์จะนำไปประกอบการวินิจฉัย

การเอ็กซเรย์กระดูกและข้อเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม ภาพบนฟิมล์ช่วยให้แพทย์เห็นการบวมของเนื้อเยื่ออ่อนรอบข้อ การคั่งยองน้ำไขข้อ ความผิดปกติของกระดูก กระดูกอ่อน ฯลฯ

การเอ็กซเรย์มีประโยชน์มากในการจำแนก โรคข้ออักเสบ 2 ชนิดคือ ถ้าเป็นโรคกระดูกและข้อเสื่อม จะมองเห็นระยะห่างระหว่างกระดูกทั้งสองแคบลงปลายกระดูกหนาขึ้น มีถุงน้ำเกิดใต้กระดูกอ่อน แต่ถ้าเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จะเห็นช่องว่างระหว่างกระดูกมีรูปแบบเฉพาะ กระดูกบริเวณนั้นบางลง กระดูกถูกทำลายและมีการบวมของเนื้อเยื่อโดยรอบ

ในโรงพยาบาลทันสมัยอาจมีกล้องเล็กๆ สอดเข้าไปในข้อ เรียก Arthoscope เพื่อตรวจดูว่าร่องรอยความเสียหายของข้อ แต่ไม่ใช่เรื่องจำเป็นนัก นิยมให้เพื่อช่วยในการผ่าตัดมากกว่า

การรักษาโดยทั่วไป

มี 2 แบบคือ การใช้ยา กับการผ่าตัด
ยาที่นิยมใช้ก็มี 2 กลุ่มอีกเช่นกัน กลุ่มแรกออกฤทธิ์ระงับปวดลดอักเสบ กลุ่มที่สองช่วยจำกัดมิให้โรคกำเริบรุนแรง

ยาตระกูลเอ็นเสดส์ (NSAIDS)

เป็นกลุ่มใหญ่ที่มีต้นกำเนิดจากแอสไพริน (ยาแก้ปวดที่เรารู้จักกันดี) คำว่าเอ็นเสดส์เป็นคำเรียกแบบย่อๆ มาจากคำเต็มว่า แปลว่า ยาต้านการอักเสบที่มิใช่เสตียรอยด์ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์ระงับปวด ได้รวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที และเมื่อกินยาในขนาดสูงเพียงพอ มันก็จะช่วยยับยั้งขบวนการอักเสบ

แพทย์ส่วนใหญ่นิยมจ่ายยากลุ่มเอ็นเสดส์ให้ผู้ป่วยกระดูก และข้ออักเสบ เพราะมันเป็นยาบรรเทาอาการที่ดี ทำให้คนไข้หยุดปวด ตราบใดที่ยังกินยาอยู่และทำให้การอักเสบถูกยับยั้งไว้ชั่วคราว จึงกล่าวได้ว่ายากลุ่มนี้เป็นเพียงยารักษาอาการ มิใช่รักษาต้นเหตุ หากหยุดยาแล้วต้นเหตุที่ก่อให้เกิดข้ออักเสบยังคงอยู่ คุณก็จะกลับมาปวดข้อดังเดิม

ยาเอ็นเสดส์ไม่ใช่ยาที่กินได้นานๆ เพราะมันก็มี ผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย (แต่โรคข้ออักเสบมักเรื้อรัง คนไข้ต้องกินยาโดยไม่รู้ตัว) ยาเอ็นเสดส์ออกฤทธิ์โดย ยับยั้งสารสำคัญในร่างกายตัวหนึ่งชื่อพรอสตาแกลนดินส์ เจ้าสารชื่อประหลาดตัวนี้เมื่อหลั่งออกมาจะทำให้เรารู้สึกปวด และเร่งการอักเสบ ดังนั้นการที่ยาเอ็นเสดส์ไปยับยั้งพรอสตาแกลนดินส์ มันจึงลดปวด แก้อักเสบได้ แต่ขณะเดียวกันพรอสตาแกลนดินส์ มีหน้าที่ช่วยปกป้องผนังกระเพาะลำไส้ เมื่อพรอสตาแกลนดินส์ถูกยับยั้ง กระเพาะของคุณจะบางลงและอ่อนแอเกิดเป็นแผลได้ง่าย คนกินยากลุ่มนี้จึงมักเป็นแผลในกระเพาะ หรือปวดท้อง ไม่สบายในท้อง มีเลือดออกในกระเพาะ ประมาณว่า มีผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อจำนวนไม่น้อยที่เกิดโรคกระเพาะตามมา เพราะกินยากลุ่มนี้

ยาเอ็นเสดส์ที่นิยมใช้ได้แก่ ซาลิซายเลตส์ ไอบูโพรเฟน ฟีนิลบูทาโซน อินโดเมทาซิน นาพร็อกเซ็น ไพร็อกซิแคม

ยาระงับโรคชนิดอื่นๆ

นอกจากกลุ่มเอ็นเสดส์ หมออาจให้ยาอื่นๆ อาทิ ยาช่วยระงับยับยั้งการทำงาน ของระบบภูมิคุ้มกันมิให้ทำงานมากเกินไป ยาพวกนี้ไม่ช่วยลดปวดหรืออักเสบ แต่จะออกฤทธิ์อย่างช้าๆ ที่นิยมคือยาจำพวกสเตียอรยด์ เช่น เพรดนิโซโลน และเด็กซาเมทาโซน (สเตียรอยด์เป็นสารจำพวกฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต มันช่วยยับยั้งการอักเสบ และยับยั้งภูมิคุ้มกันโรคจึงมีฤทธิ์กว้างขวาง รักษาการแพ้ หอบหืด และโรคภูมิคุ้มกันแทบทุกชนิด แต่อันตรายของยานี้มีมากจนถูกเลือกใช้เป็นอันดับสุดท้าย)

หมอบางท่านจ่ายารักษามาลาเรีย ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งระบบภูมิคุ้มกัน หรือให้สารประกอบของทองคำเพื่อลดการอักเสบ ในผู้ป่วยบางราย ยาเหล่านี้ได้ผลดี แต่บางรายกลับไม่ได้ผล โรคกระดูกและข้ออักเสบดูเหมือนจะอยู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากกับกระดูกและข้อไปตลอดชีวิต

การทำความเข้าใจโรค และปรับเปลี่ยนสุขนิสัยเตรียมรับมือกับโรค จึงเป็นเรื่องจำเป็น

ตอนที่ 5 วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2543


อาหารอาจทำให้โรคกระดูกและข้อทุเลาเบาบาง หรือในทางกลับกัน อาจทำให้โรคร้ายรุนแรงขึ้นได้เช่นกัน ลองดูกรณีต่อไปนี้

กรณีศึกษาที่ 1

จีนเป็นคนอ้วน น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน เธอรู้ว่าอาการข้อเข่าของเธอ จะบรรเทาได้หากเธอลดน้ำหนักตัวลงบ้าง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอจึงพยายามลดอาหารลง

ระหว่างนั้น จีนมีอาการปวดข้อทุกเช้า ยังผลให้เคลื่อนไหวตัวลำบากทั้งวัน หมอบอกว่าฟิล์มเอ๊กซเรย์ชุดล่าสุด แสดงผลว่าเข่าขวาอยู่ในภาวะข้ออักเสบ ซึ่งจะหายได้ด้วยการผ่าตัดเท่านั้น ยาที่เธอได้รับคือ เอ็นเสดส์ ซึ่งแก้ปวดลดอักเสบ รักษาเพียงแค่ปลายเหตุ และบัดนี้ยาตัวนี้กำลังทำลายเยื่อบุกระเพาะ ทำให้เธอปวดท้องคล้ายเป็นโรคกระเพาะ

ต่อมาจีนได้ไปพบนายแพทย์วิลเลียม คอฟมานน์ ซึ่งเชี่ยวชาญการบำบัดวิถีธรรมชาติ เขาได้แนะนำวิธีลดความอ้วน ด้วยอาหารธรรมชาติและไฟเบอร์ เธอมีโอกาสหารือข้อสงสัย และอุปสรรคที่ทำให้เธอลดความอ้วนไม่ได้ผล หมอเสนอทางเลือกอื่นๆ ที่เธอไม่เคยรู้ หมอให้จีนกินวิตามินเกลือแร่และสมุนไพรที่ไม่มีฤทธิ์ข้างเคียง ร้ายแรงเหมือนยาเอ็นเสดส์ที่เธอกินอยู่

หลายเดือนต่อมา จีนเปลี่ยนเป็นคนละคน อาการปวดข้อลดลง ข้อไม่แข็งไม่บวม เธอตื่นขึ้นมาพบกับเช้าที่สดใสที่ไม่ได้พบหลายปีแล้ว จีนออกกำลังกายด้วยการเดินเพื่อสุขภาพและว่ายน้ำ จัดเมนูอาหารแบบใหม่ที่ไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

บัดนี้ จีนกระฉับกระเฉงและร่าเริงสามารถเข้ากิจกรรมทางสังคมที่เธอชอบได้ นั่นคือการเต้นลีลาศ

กรณีศึกษาที่ 2

จูดี้ อายุ 38 ปี ได้รับการวินิจฉัยจาแพทย์ว่า ป่วยเป็นโรคไขข้อรูมาตอยด์ มานานถึง 11 ปี ข้อแขนขาและสะโพกมีอาการอักเสบรุนแรงและบวมโต การเคลื่อนไหวทำได้อย่างยากลำบากและเจ็บปวด จนต้องร้องโอย เธอใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งนิ่งๆ บนเก้าอี้ล้อเลื่อน

คิดดูสิครับ หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับคุณ ใครจะเลี้ยงดู อาชีพการงานจะเป็นอย่างไร
จูดี้พยายามรักษาตังเองทุกวิถีทาง แต่ไม่มีใครช่วยเธอได้เลย

แพทย์ใช้วิธีการสมัยใหม่ทุกชนิด ยาทุกตัว เช่น ซาลิซายเลตหรือแอสไพริน ยาแก้ปวด แก้อักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ สารประกอบทองคำ เพนิซิลลามีน เพรดซิโซโลน หรือแม้แต่การถ่ายเลือด
ยาทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ทำให้จูดี้อาการดีขึ้น แต่ตรงข้าม เธอกลับได้รับผลข้างเคียงจากยาอีกต่างหาก เช่น เป็นแผลในกระเพาะ คลื่นไส้ อาเจียน ฯลฯ

ต่อมาผู้เชี่ยวชาญด้านโรครูมาตอยด์ของโรงพยาบาลแฮมเมอร์สมิธ ในลอนดอน ได้สังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ บางประการของเธอเกี่ยวกับการรับประทานอาหาร
จูดี้กินเนยแข็งเป็นว่าเล่น
แพทย์ซักประวัติใหม่และพบว่า ผู้ป่วยเป็นคนติดเนยแข็ง เธอสารภาพว่า เมื่ออายุพ้นวัยยี่สิบ ตนเองติดเนยแข็ง บางครั้งกินถึงวันละครึ่งกิโล

นอกจากนี้แพทย์สังเกตพบว่า จูดี้แพ้ยาหลายตัว แม้แต่แอสไพรินก็ยังให้ความรู้สึกป่วนท้อง

"เป็นไปได้ไหมว่า โรคปวดข้อที่เธอเป็นนาน 11 ปี แท้ที่จริงเกิดจากการแพ้เนยแข็ง มิใช่โรครูมาตอยด์" แพทย์ผู้เชี่ยวชาญถามตัวเอง โรคข้ออักเสบที่เธอเป็นอยู่ อาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการแพ้อาหาร หรือบางทีอาการเจ็บข้อทั้งหมด เกิดเนื่องจากสารบางอย่างในเนยแข็ง ไปกระตุ้นให้ร่างกายหลงเข้าใจผิดว่าเนื้อเยื่อบริเวณข้อเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัด ดังนั้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจึงถูกกระตุ้น จนกลายเป็นการทำลายเนื้อเยื่อ ในกระดูกและข้อของตนเอง

เมื่อสงสัยก็ต้องพิสูจน์ และพิสูจน์ไม่ยากเลยครับ

คนไข้ถูกขอให้งดอาหารจำพวกเนยและนมทุกชนิด
สิ่งมหัศจรรย์บังเกิดในเวลา 2 เดือน อาการปวดข้อและบวมตอนเช้า พลันหายไปเป็นปลิดทิ้ง เธอสามารถกำมือได้อย่างสบาย การวิเคราะห์เลือดแสดงให้เห็นว่า ภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างมาแบบผิดๆ บัดนี้กลับคืนสู่สภาพปกติ

ลองคิดดูเถิดครับ อาชีพการงานเสียหายยับเยิน จากคนปกติกลายเป็นคนพิการเพราะเนยแข็งแท้ๆ

หลังจากนั้น 10 เดือน แพทย์ได้เชิญจูดี้มาทำการทดสอบ โดยให้เธอดื่มนมและเนยแข็งอย่างเต็มที่สมใจอยาก พบว่าเพียง 24 ชั่วโมง ร่างกายเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันทันที เธอมีอาการปวดข้อ ข้อบวมอีกครั้ง เมื่อทดสอบทางภูมิคุ้มกันก็ได้พบว่า IgE แอนติบอดี ให้ผลเป็นบวกทั้งกับนมและเนยแข็ง

ความสัมพันธ์ระหว่างกับโรคกระดูกและข้ออักเสบ เป็นเรื่องที่มีการศึกษาและโต้แย้งกันมาก เป็นไปได้เพียงไรว่าอาหารที่เรากินทุกวัน จะมีผลต่อสุขภาพของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ มีอาหารบำรุงกระดูกและข้อจริงไหม มีอาหารอะไรบรรเทาโรคกระดูกและข้อได้

เรามาเรียนรู้ร่วมกันครับ มันอาจเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้คุณต่อสู้กับโรคร้าย เพื่อช่วงชิงความสุขกลับคืนมา แม้สักนิดก็ยังดี

ในบทความต่อไปนี้ ผมจะแสดงความสัมพันธ์ของอาหารและข้ออักเสบในแง่มุมต่างๆ แต่อยากให้คุณผู้อ่านระลึกไว้เสมอว่า อาหารเป็นเพียงส่วนหนึ่ง การปรับปรุงบริโภคนิสัย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สร้างวิถีชีวิตที่ดีนั้น ไม่เพียงจะช่วยบรรเทาโรคข้ออักเสบแต่ยังนำความแจ่มใสร่าเริง และสังคมกลับคืนมาให้คุณด้วย และความบอบช้ำจากโรคเรื้อรัง พลอยได้รับการรักษาไปพร้อมๆ กัน

กระดูกและข้อเสื่อมเพราะน้ำหนักตัว

คุณเป็นคนหุ่นน้ำหนักมาตรฐานหรือว่าเจ้าเนื้อ เพื่อนบอกคุณยิ้มๆ ว่า อ้วนไปนิดหรือเปล่า ?
ถ้าคุณอ้วนเกินมาตรฐาน กระดูกและข้อบริเวณขาต้องแบกรับน้ำหนักส่วนเกินทุกวัน ก็เหมือนรถบรรทุกเกินน้ำหนักนั่นแหละ วิ่งไม่นานโช้คพังแหนบหย่อนเป็นธรรมดา

น้ำหนักส่วนเกินของคุณ จะกดกระดูกให้ต้องรับน้ำหนักมากกว่าคนทั่วไป วันแล้ววันเล่ามันสามารถกระตุ้นให้เกิดขบวนการทำลายกระดูกและข้อ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนพบตรงกันจากการศึกษาว่าน้ำหนักส่วนเกิน เป็นตัวกระตุ้นโรคกระดูกและข้อที่เห็นผลค่อนข้างชัดเจน

ทำไมคนสมัยใหม่จึงมักมีน้ำหนักเกินมาตรฐานส่วนหนึ่ง เกิดจากจิตใจของเราเองที่ไม่สามารถเอาชนะความอยากได้ กับอีกส่วนหนึ่งเกิดปัจจัยภายนอกคืออาหารการกินสมัยใหม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบมากขึ้น หรือมีส่วนผสมทีกระตุ้นความอยาก กระตุ้นความอร่อยเช่นใส่ผงชูรส ทำให้คนเรากินเกินความต้องการที่แท้จริง คือแทนที่จะกินให้หายหิว กลายเป็นกินจนหายอยาก ซึ่งตอนนั้นก็อิ่มแปล้แล้ว อย่างที่ชาวบ้านเรียก "กระเดือกไม่ลง"

นอกจากนี้กิจวัตรประจำวันของคนรุ่นใหม่ยังเปลี่ยนไป บางคนใช้เวลาหลายชั่วโมงกองอยู่หน้าจอโทรทัศน์ กินของขบเคี้ยว น้ำอัดลมขณะดูทีวี จนแทบไม่มีเวลาลุกเคลื่อนไหว หรือทำกิจกรรมสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือครอบครัว

ทางแก้นั้นไม่ต้องอธิบายมากความ รู้ๆ กันดี อยู่แต่ว่าคุณจะลุกขึ้น ออกกำลังกายลดความอ้วน จำกัดอาหารให้เหมาะสมเมื่อไรเท่านั้นเอง

อาหาร ความอ้วน โรคกระดูกและข้อจึงสัมพันธ์กันอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้เป็นปฐม

ตอนที่ 6 วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม 2543


มีหลายปัจจัยเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคกระดูกและข้อ อาหารก็เป็นส่วนหนึ่ง

อาหารอาจมีผลต่อสุขภาพกระดูกและข้อแบบตรงไปตรงมาคือ ทำให้คุณอ้วน น้ำหนักเกินมาตรฐาน กระดูกและข้อต้องรับน้ำหนักส่วนเกินจนเสื่อมสภาพ เช่นว่ามันมีสารบางชนิดที่สามารถตกผลึกในข้อ หรืออาจทำให้เกิดการแพ้แบบเฉพาะเจาะจง ออกอาการอักเสบที่ข้อ

ผมขอกล่าวถึงสารพิวรีนในอาหารกับโรคข้ออักเสบที่เรียก "เกาต์" ก่อนเป็นอันดับแรก

สารพิวรีน-โรคเกาต์

โรคเกาต์เป็นตัวอย่างอันดี ที่แสดงให้เห็นอิทธิพลของอาหารต่อสุขภาพกระดูกและข้อ

โรคเกาต์เป็นโรคปวดข้อ ข้อบวมอักเสบอันเป็นผลมาจากความผิดปกติ ของกระบวนการเผาผลาญสารพิษชนิดหนึ่งชื่อ "พิวรีน" ทำให้มีการสะสมของผลึกของกรดยูริกอยู่รอบข้อต่างๆ

ความสัมพันธ์ระหว่างพิวรีน กรดยูริกและการเกิดโรคเกาต์ค่อนข้างซับซ้อน ขออนุญาตอธิบายแบบง่ายๆ โดยให้คุณลองจินตนาการดูว่าตามปกติข้อมือข้อเท้าที่มาสัมผัสกัน มีน้ำไขข้อช่วยหล่อลื่น ช่วยลดแรงเสียดทาน ข้อขยับสะดวกไม่ติดขัด

แต่หากวันหนึ่ง ในน้ำเกิดมีเศษแก้วคมกริบขนาดเล็กเข้าไปผสมอยู่จำนวนมาก เวลาคุณยืดนิ้วให้ตรง เศษแก้วเล็กๆ เหล่านั้นก็จะกรีดเข้าไปในเนื้อเยื่อรอบข้อ เจ็บปวดแค่ไหนคงเดาได้
เศษแก้วเล็กๆ ที่เปรียบเทียบนี้ คือผลึกคมของกรดชนิดหนึ่งชื่อ กรดยูริกครับ เจ้ากรดตัวนี้หากสะสมจนมีปริมาณเข้มข้นในน้ำไขข้อ มันก็จะตกผลึกเป็นเม็ดทรายในข้อ ทำให้เกิดข้ออักเสบแบบเกาต์

กรดยูริกมาจากไหน?

กรดยูริกเกิดจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายเรานี่เอง ถ้าพูดให้ลึกอีกนิดก็ต้องบอกว่า สาเหตุของโรคข้ออักเสบนี้ เกิดจากความผิดปกติของกระบวนการเผาผลาญสารพิวรีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของกรดนิวคลีอิค (nucleic acid) ทำให้มีการสะสมของสารโมโนโซเดียมยูเรต หรือที่เรียกว่า ผลึกของกรดยูริกในเลือดสูงมากขึ้น

สรุปง่ายๆ ว่าข้ออักเสบแบบเกาต์เพราะมีกรดยูริกมาก กรดยูริกมาจากสารพิวรีน

ดังนั้นผู้ป่วยโรคเกาต์จึงต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่สารพิวรีน
คนธรรมดาต้องเลี่ยงสารพิวรีนหรือไม่ ?

สัตว์ส่วนใหญ่ร่างกายมีความสามารเปลี่ยนกรดยูริกให้เป็นอัลลันโทอิน (allantion) ซึ่งละลายน้ำได้ดีและขับออกจากร่างกายง่าย จึงไม่เคยป่วยเป็นโรคข้ออักเสบชนิดเกาต์
คนและลิงบางชนิดไม่มีความสามารถเช่นว่าทำให้การขับกรดยูริกมีขีดจำกัด คือจำกัดได้เพียงครั้งละเล็กน้อยทางปัสสาวะ แต่ถึงแม้จะกำจัดกรดยูริกได้น้อย คนปกติก็สร้างกรดยูริกขึ้นมาน้อย จึงอยู่ได้สบายดี

ดังนั้น คนทั่วไปหรือคนที่เป็นโรคกระดูกและข้อชนิดอื่น จึงไม่จำเป็นต้องระวังการบริโภคสารพิวรีน

มีเพียงบางคนเท่านั้น (เชื่อกันว่าเป็นพวกที่มีลักษณะพันธุกรรมบกพร่อง) ร่างกายจะเปลี่ยนพิวรีนให้เป็นกรดยูริกมากกว่าคนธรรมดา เมื่อคนพิเศษกลุ่มนี้กินอาหารที่มีพิวรีนสูงเข้าไปทุกวัน แต่ขับยูริกได้เพียงวันละเล็กน้อย ยิ่งอายุมากขึ้น กระแสเลือดยิ่งอิ่มเอมไปด้วยกรดยูริก รอวันตกผลึกโรคเกาต์เผยตัว

โรคเกาต์เริ่มที่ข้อนิ้วเท้า

โดยทั่วไป ความสามารถในการละลายของกรดยูริกในกระแสเลือด ที่อุณหภูมิร่างกายอยู่ราว 6.8 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แต่อุณหภูมิที่หัวแม่เท้า จะต่ำกว่าอุณหภูมิร่างกาย กรดยูริกจึงละลายได้น้อยกว่า คือเพียง 4 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

ดังนั้นกรดยูริกจึงพร้อมใจกันตกผลึกที่ข้อหัวแม่เท้าก่อนข้ออื่นๆ ทำให้มีอาการตึง ร้อนและบวมที่ข้อ และอาจมีไข้ต่ำร่วมด้วย
โรคเกาต์จัดว่าเป็นโรคทางพันธุ์กรรมชนิดหนึ่ง และจะเกิดในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ในเพศชายจะเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุมากกว่า 35 ปี ส่วนในเพศหญิงพบได้น้อยมาก แต่ถ้าเป็นโรคเกาต์ ปกติแล้วจะปรากฏอาการหลังหมดประจำเดือน

คนเป็นโรคเกาต์ จึงต้องระวังอาหารที่มีพิวรีนสูง

อาหารพิวรีนสูง

กรดยูริกจะเพิ่มมากหรือน้อย ส่วนหนึ่งขึ้นกับชนิดอาหารและปริมาณที่กิน
คนที่เป็นโรคเกาต์หรือมีแนวโน้มจะเป็นโรคเกาต์เพราะประวัติพ่อแม่ พี่น้องเป็นเกาต์จึงต้องเลือกอาหารให้ดี

สูง - อาหารที่มีพิวรีนสูง คือในระดับ 150 มิลลิกรัมขึ้นไป ต่อเนื้ออาหาร 100 กรัม ได้แก่ เครื่องในสัตว์ ปลาซาร์ดีน ตับ ไต น้ำสกัดจากเนื้อ น้ำต้มกระดูก

ปานกลาง - อาหารที่มีพิวรีนในระดับปานกลาง หรือ 50-150 มิลลิกรัมต่อเนื้ออาหาร 100 กรัมได้แก่ เนื้อไก่ ปลา อาหารทะเล หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม ถั่วต่างๆ เห็ด กะหล่ำดอก

ต่ำ - อาหารพิวรีนต่ำ ในระดับ 0-15 มิลลิกรัม ต่อเนื้ออาหาร 100 กรัมได้แก่ผักเกือบทุกชนิด ผลไม้ น้ำนม เนยแข็ง ไข่ เมล็ดข้าวต่างๆ ที่เอาเปลือกออก แป้งยกเว้นแป้งสาลี

ข้อมูลดังข้างต้นได้จากการศึกษาของสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลครับ มีประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบชนิดเกาต์ เพราะผู้ป่วยโรคข้ออักเสบชนิดเกาต์เพราะผู้ป่วยต้องควบคุมอาหาร โดยลดอาหารที่มีพิวรีนสูงลง เรียกว่าไม่จำเป็นอย่าทานโดยเด็ดขาด

มังสวิรัติ-ทางเลือกที่ดี

หากผู้ป่วยทานอาหารกึ่งมังสวิรัติ ทานไข่ นม เป็นแหล่งโปรตีน ทานผักผลไม้ให้มากร่วมกับทานยาขับกรดยูริกสม่ำเสมอ ท่านก็จะห่างไกลอาการปวดทุรนทราย เพราะอาหารมังสวิรัติมีพิวรีนค่อนข้างต่ำ หรือปานกลาง

เหล้าเบียร์ ทำให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้น คนที่ปวดข้อภายหลังดื่มเบียร์ ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าเป็นเกาต์ อาจเพราะมีการเพิ่มของสารแลคเตทในเลือด จึงไปยับยั้งการขับกรดยูริกทางไต

อาการปวดข้อแบบเกาต์นี้ จะไม่ร้ายแรงหากได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสม แพทย์อาจสั่งยาลดกรดยูริกในเลือดและยาป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบข้อ ก่อนที่จะมีอาการ ผู้ป่วยต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอ

ในผู้ป่วยโรคเกาต์ทุกระยะนั้น การควบคุมอาหารเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง แต่มิได้หมายความว่าจะต้องให้อดอาหาร เพราะการอดอาหารไม่ได้ ช่วยให้อาการของโรคลดลงแต่กลับทำให้มีความรุนแรงมากขึ้น

การจัดอาหารควรจัดให้หลากหลาย แต่เลือกชนิดที่มีพิวรีนต่ำเป็นหลัก คาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูงจะช่วยในการขับกรดยูริกออก ส่วนโปรตีนในปริมาณปายกลางจะไม่มีผล หรือมีผลน้อยมากต่อกรดยูริก แต่ถ้าทานอาหารไขมันสูงจะทำให้กรดยูริกถูกขับออกช้าลง ส่งเสริมให้เกิดอาการมากขึ้น ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงขาหมู หมูสามชั้น เสือร้องไห้ ฯลฯ

ชา กาแฟ และเครื่องดื่มรสโกโก้ มีสารกาเฟอีน ทีโอฟิลิน และทีโอโบรไมด์ ซึ่งจะถูกร่างกานเปลี่ยนแปลงเป็นสารจำพวกยูริก เรียก "เมธิลยูเรต" แต่จะไม่สะสมตามเนื้อเยื่อรอบข้อต่อ ดังนั้น เครื่องดื่มเหล่านี้จึงไม่ใช่สิ่งต้องห้าม สำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์

ข้ออักเสบชนิดเกาต์ เป็นโรคเรื้อรังที่ควบคุมได้ หากใส่ใจอาหารการกินครับ

ตอนที่ 7 วันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2543


บทความที่ผ่านมาได้กล่าวถึงโรคกระดูกและข้ออักเสบโดยรวม และนำเข้าสู่บทบาทของอาหารที่มีต่อข้อในแง่ลบหรือจัดเป็นอาหารแสลงคือ อาหารพิวรีนสูงซึ่งแสลงต่อโรคข้ออักเสบชนิดเกาต์หรือโรคเกาต์

นอกจากนี้ อาหารบางตัวอาจก่อโรคข้ออักเสบโดยกลไกการแพ้อาหาร ซึ่งถ้ารุนแรงอาจทำให้เกิดโรคคล้ายข้ออักเสบรูมาตอยด์

ถ้าอ่านบทความนี้ต่อเนื่องมา ท่านผู้อ่านคงจำได้ถึงกรณีผู้ป่วยหญิงคนหนึ่ง ที่ป่วยเป็นโรคข้ออักเสบถึงขนาดพิการเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น ต่อมาหมอพบว่าแท้ที่จริงเธอป่วยเพราะแพ้เนยแข็ง เมื่อให้หยุดนมเนย หรืออาหารที่มีนมเป็นส่วนประกอบ เธอก็หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง

จัดเป็นกรณีศึกษาที่ดี

ข้ออักเสบจากการแพ้อาหาร

กินอาหารบางชนิดเข้าไป ร่างกายไม่ยอมรับสารเคมีในนั้น มันต่อต้าน ต่อสู้กันแล้วผลที่ตามมาคือ ข้ออักเสบบวมแดง เจ็บจนร้องโอย!
แหม...เข้าใจเล่นกันจริง

ในคนบางคนน้ำผึ้งอาจกลายเป็นยาพิษดังคำว่า ลางเนื้อชอบลางยา
อาหารบางอย่างอาจทำให้เกิดการแพ้รุนแรงขณะที่คนทั่วไปกินได้กินดี อาการแพ้อาหารอาจออกมาในรูปคันคะเยอ หอบ หายใจไม่ออก หรือเกิดภาวะข้ออักเสบ วิธีแก้ปัญหาคือ งดอาหารชนิดนั้นโดยเด็ดขาด แล้วโรคร้ายจะหายไป

ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า ทำไมคนบางคนจึงมีอาการรุนแรงขึ้น เมื่อรับประทานอาหารบางชนิด มีสมมติฐานสองข้อคือ กระเพาะและลำไส้ของคนบางคนเกดอาการ "รั่ว" ยอมให้สารเคมีซึมผ่านเข้าไปออกฤทธิ์ได้ หรือสอง อาจมีสารสำคัญที่เป็นอาหารของแบคทีเรียในลำไส้ จึงผลิตสารพิษที่ทำให้เกิดอาการข้ออักเสบ

อาหารทำให้เกิดข้ออักเสบมาเพียงใด ?

ไม่มีใครรู้คำตอบว่าคนมากน้อยเพียงใดในโลกที่กำลังเป็นโรคข้ออักเสบ อันเป็นผลจากการรับประทานอาหารผิดสำแดง ผู้เชี่ยวชาญแต่ละท่าน ก็ใช้ตัวเลขที่แตกต่างกันมาก เช่น R.S. Panush ประมาณการไว้ที่ 5% ขณะที่ Dr.Robert Stroud ประมาณการที่ 20-30%

Dr.James C. Breneman แห่งศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยซินซินเนติ และเป็นประธานคณะกรรมการในวิทยาลัยแพทย์โรคข้ออักเสบ เชื่อว่าอาหารเป็นต้นเหตุหรือสัมพันธ์กับอาการข้ออักเสบมากกว่าร้อยละเจ็บสิบ

ดูแลตนเอง

จงสังเกตและทดสอบกับตัวเอง ค้นหาว่าอาหารจำเพาะเจาะจงบางชนิด อาจเป็นตัวกระตุ้นการแพ้ทำให้ท่านเกิดข้ออักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะอาหารพิเศษต่อไปนี้คือ ธัญพืช ข้าวโพด นมและผลิตภัณฑ์ของนม เนื้อสัตว์และเนื้อผ่านกรรมวิธี เช่นไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง ฮอตด๊อก

การแพ้อาหารยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ผู้ป่วยสามารถสังเกต และทดสอบได้โดยง่ายด้วยตนเอง

จงเริ่มต้นโดยการงดอาหาร หรือจำกัดชนิดของอาหารให้น้อยที่สุด หากสังเกตพบว่า อาการข้ออักเสบกลับดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นนั้นแล้วมีแนวโน้มว่า คุณอาจเป็นโรคข้ออักเสบที่มีสาเหตุจากการแพ้อาหาร

อาหารแสลงพึงระวัง

จากข้อมูลที่รวบรวม พบว่ามีอาหารหลายชนิดอยู่ในข่ายที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ เพราะมันเคยก่อโรคข้ออักเสบมาแล้วดังนี้

ข้าวโพด

ดร.โรนาลด์ วิลเลียมส์ รายงานใน British Medical Journal ว่า คนไข้หญิงถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์มานานถึง 25 ปี ได้รับยาอะซาไธโอพีน และแอสไพริน และต่อมาต้องถ่ายเลือด แม้กระนั้นอาการก็มีแต่ทรงกับทรุด ดร.โรนาลด์พบต่อมาว่าข้าวโพด หรือผลิตภัณฑ์ของข้าวโพด คือต้นเหตุโรคข้ออักเสบในคนไข้รายนี้
ที่น่าตกใจคือ แป้งข้าวโพดเป็นสารจำเป็นตัวหนึ่งที่ใช้ในการกระบวนการผลิตยา ดังนั้นทุกครั้งที่กินยารักษาโรคข้ออักเสบ เธอก็จะพลอยได้รับแป้งข้าวโพ ซึ่งจะไปกระตุ้นภูมิแพ้ให้เกิดมากขึ้น
ภายหลังเมื่องดข้าวโพดและอาหารที่ทำจากแป้งข้าวโพดทุกชนิด พบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ในเวลาไม่กี่อาทิตย์

ธัญพืช

คณะผู้วิจัยแห่งมหาวิทยาลัยเวอโรนา อิตาลี ได้พบคนไข้รายหนึ่ง ที่หายจากโรคข้ออักเสบทันทีที่หยุดบริโภคอาหารจำพวกซีเรียลหรืออาหารที่ทำจากธัญพืช ทั้งที่ก่อนหน้านั้นอาการของเธอทรุดหนักจนต้องให้ยาอันตรายจำพวกสเตียรอยด์ และสารประกอบทองคำ
อาหารจากธัญพืชอาจเป็นตัวการสำคัญในคนบางคน งานวิจัยของอังกฤษชิ้นหนึ่งระบุว่าธัยพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวโพดและข้าวสาลี เป็นตัวการอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคข้ออักเสบชนิดที่มีสาเหตุจากการแพ้อาหาร
เชื่อว่าสารกระตุ้นให้เกิดการแพ้ตัวสำคัญคือ GLUTEN
คนไทยอาจแพ้แตกต่างจากฝรั่ง แต่ทั้งนี้มันก็เป็นเครื่องเตือนใจ ให้ระวังอาหารที่กระตุ้นภูมิแพ้มากขึ้น

นม

หากคุณมีอาการข้ออักเสบเรื้อรัง ลองเลิกดื่มนมสักสองอาทิตย์ดูสิครับ มีการค้นพบว่านมคือต้นเหตุของอาการข้ออักเสบในคนจำนวนหนึ่ง และหากเป็นเช่นนั้นจริง อาการข้ออักเสบของคุณจะหายในเวลาหนึ่งอาทิตย์ เป็นการทดสอบอย่างง่าย และมีคนทำได้ผลกับตัวเอมาแล้ว
นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่า อาการข้ออักเสบอาจเป็นผลจากการแพ้นม หรือ "Milk Allergy" ในคนบางคน นักวิทยาศาสตร์อิสราเอลทำการศึกษาผู้ป่วยหญิง 15 คน ชาย 8 คน ที่มีอาการข้ออักเสบ พบว่า เมื่องดนม หญิง 7 คนหายจากโรค แต่ผู้ชายไม่หาย

เนื้อ

ลองงดเนื้อสัตว์ทุกชนิด รับประทานแต่ผักผลไม้สัก 5 วัน สังเกตอาการตนเอง หากพบว่าทุเลาโดยลำดับเช่นนี้ ย่อมเป็นไปได้มากว่า คุณแพ้อาหารจำพวกเนื้อ
นายแพทย์คอลลิน เช ดอง เป็นผู้ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างอาหารบางชนิดกับโรคข้ออักเสบ เขาแนะนำให้งดเนื้อ นมและผลิตภัณฑ์ของนม พริกไทย แอลกอฮอล์ อาหารรสเผ็ด วัตถุปรุงแต่งอาหารเช่นผงชูรส สารกันบูด ดินประสิว
เหตุผลที่นายแพทย์คอลลินแนะนำให้งดเนื้อสัตว์คือ เนื้อสัตว์มีไขมันที่กระตุ้นให้อาการข้ออักเสบรุนแรงขึ้นได้ในคนบางคน มันยังกระตุ้นภูมิแพ้และเป็นตัวต้นเหตุของโรคไขข้อ
เนื้อที่ผ่านการแปลงสภาพเช่นเนื้อเค็ม เนื้อสวรรค์ กุนเชียง หมูยอ แฮม เบคอน ไส้กรอก เป็นพาหะนำสารเคมีหลายชนิดที่เติมลงไปในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มรสหรือถนอมอาหาร เช่น ผงชูรส ดินประสิว สารตกค้าง สารกันเสีย ฯลฯ และสารเคมีเหล่านี้ไปกระตุ้นภูมิคุ้นอีกทีหนึ่ง

การศึกษาในนอร์เวย์เมื่อปี 1991 โดยนักวิจัยชุดนี้เป็นแพทย์ ในสถาบันศึกษาระบบภูมิคุ้มกันและรูมาตอยด์ในออสโล พบว่าเมื่อให้ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์รับประทานมังสวิรัติ เก้าในสิบคนมีอาการดีขึ้นอย่างชัดเจน
เช่นเดียวกับกรณีศึกษาที่รายงานโดนแพทย์จากนิวเจอร์ซี่ หญิงวัย 62 มีอาการข้ออักเสบรูมาตอยด์ขั้นรุนแรง กำมือไม่ได้

ผู้ป่วยหายจากอาการ ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือน หลังทานมังสวิรัติ

ตอนที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม 2543


ต่อเนื่องกันมาหลายฉบับ ที่เราคุยกันในหัวข้อโรคกระดูกและข้ออักเสบ และผ่านมาถึงเรื่องอาหารที่ก่อผลลบต่อกระดูกและข้อ หรืออาจเรียกอาหารแสลงโรคก็คงได้

อาทิตย์นี้เราจะคุยกันถึงอาหารที่มีผลต่อสุขภาพกระดูกและข้อ และอาจมีผลส่งเสริมการรักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบได้ แต่ต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนว่า อาหารที่จะแนะนำต่อไปนี้ มิใช่ยารักษาโรคกระดูกและข้อประเภทกินปุ๊บหายปั๊บ มิใช่สารสำคัญที่ท่านจะนำไปใช้แทนยาที่หมอสั่งจ่าย เป็นเพียงทางเลือกอีกทาง ที่ท่านอาจนำไปใช้เสริมการรักษา หรือสะกิดเตือนใจให้คิดถึงผลของอาหารที่มีต่อกระดูกและข้อ เพื่อการปรับปรุงบริโภคนิสัยให้ดีขึ้น

โรคกระดูกและข้อที่มีลักษณะเรื้อรัง บั่นทอนความเคลื่อนไหว ก่อความทุกข์ทรมานทั้งต่อร่างกายและจิตใจ จึงต้องมีการรักษาแบบผสมผสาน ทั้งการใช้ยาตามอาการ การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่เสริมการรักษาและหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นโรค การฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง พร้อมสู้กับความเจ็บปวดรวมถึงการเตรียมญาติพี่น้องบุคคลรอบข้าง ให้มีส่วนช่วยอย่างเหมาะสมเหล่านี้ล้วนจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับโรคเรื้อรัง ได้อย่างราบรื่น มีโอกาสยิ้มหัวเช่นคนธรรมดา

จากผลการศึกษาวิจัย พบว่า มีสารอาหารบางตัวที่มีบทบาทต่อกระดูกและข้อเป็นพิเศษ ผมขอทยอยเล่าให้ฟังดังนี้

แคลเซียมและแมกนีเซียม

เมื่อจะกล่าวถึงแคลเซียม ก็ต้องผูกเข้ากับแมกนีเซียมเพราะทั้งสองทำงานร่วมกัน โดยแคลเซียมเป็นตัวทำให้กระดูกคงรูป และแมกนีเซียมทำหน้าที่ ช่วยให้เนื้อเยื่อกระดูกดูดแคลเซียมเข้าตัว หากคุณกินแคลเซียมเพียงพอ แต่ขาดแมกนีเซียม แคลเซียมที่คุณกินเข้าไปจะไปสะสมในเนื้อเยื่ออ่อนและข้อ ทำให้ข้อบวมปวด

รายละเอียดของสารอาหารทั้งสองตัวเป็นดังนี้

  • แคลเซียม

เป็นแร่ธาตุสำคัญของมนุษย์และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่ เพราะแคลเซียมคือกระดูกขาวๆ ที่เราเห็น

แคลเซียมอาจไหลออกจากกระดูกอย่างรวดเร็วแทบไม่น่าเชื่อหากคุณดื่มกาแฟจัด อยู่ในวันหมดประจำเดือน กินยาบางชนิดเช่นสเตียรอยด์ อยู่ระหว่างคุมน้ำหนัก หรือไม่ออกกำลังกาย ผู้หญิงวัยทองร้อยคน มีกระดูกเปราะบาง เพราะขาดแคลเซียมราว 40 คน

เราสามารถชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ โดยการตั้ง ธนาคารกระดูก (Bone Banking) ไว้ ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว วิธีการตั้งธนาคารกระดูกคือ คุณต้องทำกระดูกของคุณให้หนาและแข็งแรงที่สุด ก่อนอายุถึงสามสิบปี ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารแคลเซียม และแมกนีเซียมเพียงพอ

กระดูกพรุนและแคลเซียม

โครงกระดูกร่างกายมนุษย์เป็นผลผลิตทางวิศวกรรมธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์ ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณเดินเร็ว กระดูกต้นขาของคุณจะรับแรงกด ราว 80-90 กิโลเมตรต่อตารางเซนติเมตร เมื่อเทียบการรับน้ำหนักกิโลต่อกิโล มันยังเหนือกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กเสียอีก

กระดูกมีสารสำคัญเป็นองค์ประกอบคือ แคลเซียมและฟอสฟอรัส จับเรียงตัวกันแน่นในรูปแบบเช่นเดียวกับผลึกของเพชรซึ่งถือว่า เป็นวัสดุที่แข็งที่สุดในโลก

ดังนั้นถ้าคุณขาดแคลเซียม ก็เหมือนบ้านที่ถูกปลวกแทะกินโครงคร่าวจนพรุน หากวันใดที่คุณสูญเสียเนื้อกระดูก กระดูกบาง ไม่หนาแน่นผลที่ตามมาคือ กระดูกแตกหักง่ายผิดปกติแม้แค่กระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย

กระดูกที่มักจะพรุนหรือถูกทำลายก่อนคือ ข้อมือ สะโพก และกระดูกสันหลัง ก่อโรคตามมาอีกเช่น การติดเชื้อ การอักเสบ เอมโบลิซึม ซึ่งเป็นก้อนเลือดขัดขวางการไหลเวียนของโลหิตไปยังปอด จนอาจทำให้ถึงตายได้

และนี่คืออันตรายของโรคกระดูกพรุนที่ผู้หญิงเกือบครึ่ง จะต้องเผชิญหลังหมดประจำเดือน

การขาดแคลเซียม

เมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่างเริ่มเสื่อมลง อาหารที่ทานก็เคี้ยวไม่แหลกและนอกจากนี้ ความจริงที่เถียงไม่ได้อีกอย่างคือ คนสูงอายุจะทานอาหารน้อยลงโดยธรรมชาติส่งผลให้แคลเซียมลดปริมาณลงด้วย
แต่ร่างกายจะยอมให้แคลเซียมในเซลล์ลดปริมาณลงไม่ได้ เพราะมันหมายถึงความตาย ร่างกายจึงแก้ปัญหาโดย "กิน" กระดูกของตัวเองคือ ดึงแคลเซียมในกระดูกออกมาชดเชยส่วนที่ขาดไป
ผลที่ตามมาคือกระดูกพรุน

สตีเวน เอ. อะบรามส์ แห่งศูนย์วิจัยโภชนาการเด็ก ในฮุสตัน กล่าวว่า เด็กหญิงต้องการแคลเซียมสูงมากในช่วงก่อนและหลังวัยเริ่มเจริญพันธุ์ (ประมาณช่วงอายุ 10-12 ปี) ดังนั้นควรฝึกให้เด็กทานอาหารและแคลเซียมแต่เนิ่นๆ
เมื่อวงการแพทย์ค้นพบอันตรายจากการขาดแคลเซียม จึงได้สนับสนุนให้ประชาชนทุกวัยดื่มนมเพื่อตั้งธนาคารกระดูก โดยมุ่งหวังให้กระดูกของคุณหนาและแข็งแรงที่สุด ก่อนอายุถึงสามสิบปี ผู้ผลิตอาหารเสริมต่างผลิตแคลเซียมชนิดเม็ดและน้ำในรูปแบบต่างๆ มากมาย มีการเติมรสส้ม กลิ่นสังเคราะห์ และฟองฟู่เพื่อให้น่ารับประทาน ราคาที่จับไม่ลงทีเดียว

ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายซื้อผลิตภัณฑ์ราคาแพง หรอกครับ แคลเซียมพบได้ในผักสีเขียวเข้ม คะน้า มะนาว ถั่วและในกระดูกสัตว์เป็นแห่งที่ดีเช่นกัน คุณควรทานปลาเล็ก ปลาแห้ง กระดูก กะปิ กุ้งแห้ง นมสด สลับกันไปเป็นประจำสม่ำเสมอ

แต่คนที่ไม่ได้หมออาจแนะนำให้ใช้แคลเซียมชนิดเม็ดเสริมในอัตรา วันละ 800-1,500 มิลลิกรัม ขึ้นกับวิถีชีวิตและบริโภคนิสัยของคุณ

  • แมกนีเซียม

มีประโยชน์ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยการส่งผ่านสัญญาณประสาท ช่วยการหดตัวของกล้ามเนื้อ สังเคราะห์โปรตีนและไขมันและช่วยผลิตพลังงาน อาหารที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยสงบประสาท

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผลจากการวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ซับซ้อน ทำให้ร่างกายพึ่งพิงแคลเซียมเป็นอย่างมาก จนทำให้แคลเซียมเข้าไปมีบทบาท ในการควบคุมการทำงานของร่างกายถึงระดับเซลล์เลยทีเดียว การเปลี่ยนแปลงปริมาณแคลเซียมในเซลล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยอาจก่อผลใหญ่หลวงเช่น เปลี่ยนแปลงจังหวะการเต้นของหัวใจได้ และหากปริมาณแคลเซียมเปลี่ยนมากกว่านั้น เซลล์อาจถูกทำลาย

ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีระบบควบคุมปริมาณแคลเซียมในเซลล์อีกทีหนึ่ง เพื่อไม่ให้มันเป็นใหญ่เกินไป สิ่งที่ควบคุมแคลเซียมคือแมกนีเซียมนี่เอง เจ้าแมกนีเซียมมีหน้าที่ควบคุมปริมาณแคลเซียมให้พอเหมาะพอควรเสมอ

หากคุณขาดแมกนีเซียมเกิน 3 เดือน คุณจะมีอาการอ่อนเปลี้ย คลื่นไส้ การทำงานของร่างกายไม่ประสานกัน สับสน ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน หากขาดนานกว่านั้น จะพบอาการไม่อยากอาหาร ผิวหนังแตกเป็นแผล การเคลื่อนไหวผิดปกติ ผมร่วง

คนเราควรได้รับแมกนีเซียม 600-800 มิลลิกรัมต่อวัน แต่น้อยคนจะขาดแมกนีเซียมเพราะมันมีเพียงพอในผักสีเขียวทุกชนิด ยิ่งเขียวยิ่งมีแมกนีเซียม เพราะแมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญในคลอโรฟิลด์

จะเห็นว่า การกินผักสีเขียวให้ทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียมพร้อมๆ กัน ดีอย่างนี้ จะเขี่ยทิ้งทำไมจ้ะ...? คุณหนูๆ

ตอนที่ 9 วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2543


มีการค้นพบเพิ่มเติมทุกขณะว่า อาหารสามารถกระตุ้นการแพ้ อันนำไปสู่การข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ จนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอเมริกาเสนอ ให้แยกโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

โรคเกาต์ และโรคกระดูกพรุน เป็นอีกสองโรคที่อาหารมีบทบาทโดดเด่นต่อการดำเนินโรค

สำหรับโรคกระดูกและข้อชนิดอื่นๆ เรายังไม่พบความเกี่ยวพัน ระหว่างอาหารกับโรคแบบตรงไปตรงมาถึงขนาดที่จะยอมรับเป็นมาตราฐาน ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

แต่สำหรับผู้นิยมการแพทย์ทางเลือกเมื่อมีการศึกษาพบหนทาง ที่น่าจะเป็นคุณกับการรักษา แม้การพิสูจน์ยังไม่ชัดเจน หากไม่เป็นอันตราย และไม่สิ้นเปลือง ก็มีผู้ทดลองปฏิบัติ

สารอาหารสำคัญที่มีค้นพบบทบาทเป็นพิเศษต่อสุขภากระดูกและข้อมีหลายตัว ดังนี้ครับ

วิตามินบี 3 (Niacinamide)

นายแพทย์วิเลียม คอฟแมน เป็นคนหนึ่งที่นิยมใช้ไนอาซินไมด์ปริมาณสูง เพื่อลดอาการกระดูกและข้ออักเสบมานานกว่า 50 ปี

บทความทางการแพทย์ตีพิมพ์ตั้งแต่ ค.ศ.1955 ในวารสาร American Geriatric Society เขาได้แสดงให้เห็นว่า คนไข้หลายร้อยคนที่ใช้สารอาหารตัวนี้ช่วยบำบัดโรค มีอาการโดยรวมดีขึ้น สามารถขยับเคลื่อนไหวข้อดีขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ไม่ได้รับวิตามินบี 3

คุณหมอยังพบว่า การรักษาแบบนี้ช่วยเพิ่มพลังข้อและลดอาการปวดข้อ

กรณีตัวอย่าง หญิงวัย 77 ปี มีอาการกระดูกและข้ออักเสบ ข้อติดกัน ทำให้เกิดปวดข้ออย่างรุนแรงเมื่อเคลื่อนไหว เธอไม่สามารถลุกจากเก้าอี้หรือเตียง ยืนแทบไม่ได้ การเดิน การทรงตัวทำได้ลำบาก

เธอเริ่มรับวิตามินบี ในขนาด 250 ม.ก. ทุกหนึ่งชั่วโมงครึ่งรวม 10 ครั้งต่อวัน และเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงภายใน 1 อาทิตย์ และเมื่อสิ้นสุดเดือนที่สาม เธอกลับแข็งแรงดังเดิม ไม่มีอาการอ่อนล้า ทรงตัวได้ดี ลุกนั่งเป็นปกติ เดินได้โดยไม่ต้องมีคนพยุง

สามปีต่อมา เธอแทบหายเป็นปกติ สามารถถักโครเชต์ได้

การใช้วิตามินบี 3 สำหรับแพทย์ทางเลือกถือหลักว่ายิ่งข้อใหญ่เท่าไร ยิ่งต้องใช้สารอาหารในขนาดสูงมากขึ้นเพื่อผลสูงสุด ขนาดที่นิยมใช้เริ่มจาก 150-250 ม.ก. ทุก 3 ชั่วโมง วันละ 6 ครั้ง จนถึง 250 ม.ก. ทุกชั่วโมง (วันละ 16 ครั้ง) ขึ้นกับความรุนแรงของข้ออักเสบ

ข้อควรพิจารณา วิตามินบี 3 ได้ผลเป็นพิเศษสำหรับข้อเข่า มันอาจทำให้เกิดคลื่นไส้และรบกวนการทำงานของตับ จึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์โดยใกล้ชิด โดยทั่วไปหากได้ผล ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นใน 1 อาทิตย์ถึง 1 เดือน

วิตามินซี อี และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ

สารต้านอนุมูลอิสระ มีบทบาทช่วยปกป้องเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย รวมทั้งเซลล์กล้ามเนื้อและข้อ

ความรู้สึกตึงเมื่อเคลื่อนไหว หรือออกกำลังกาย และอาการอักเสบหลังเล่นกีฬา อาจเป็นผลจากเซลล์ถูกทำลาย เพราะขณะที่ข้อทำงานหนักมีการผลิตอนุมูลอิสระสูงเกินปกติ อนุมูลอิสระเหล่านี้จะโจมตีส่วนที่เป็นไขมันในผนังเซลล์กล้ามเนื้อ ทำให้เซลล์เกิดบาดแผล ที่อาจลุกลามอักเสบได้ในอนาคต

ด้วยการเพิ่มอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระให้สูงขึ้นได้แก่ วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน และอื่นๆ ที่มีมากในพืชผักผลไม้ คุณจึงอาจปกป้องกล้ามเนื้อ เอ็นและข้อจากการบาดเจ็บปอดบวม

ยังไม่ชัดเจนว่า วิตามินซีช่วยรักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบได้อย่างไร แต่ก็มีการศึกษาพบว่ามันช่วยยับยั้งการอักเสบ มิให้ลุกลามในหนูทดลอง และเรารู้ว่าวิตามินซีขนาดสูง ช่วยกระตุ้นความเจริญของกระดูกอ่อน

เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อควรกินวิตามินซีสูงเป็นพิเศษ เพราะยาแก้ปวดแก้อักเสบจะลดระดับวิตามินซีในกระแสเลือด ทำให้ผู้ป่วยต้องการวิตามินซึสูงกว่าคนทั่วไป

นิยมใช้วิตามินซีในขนาดไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน

วิตามินซีขนาดสูงอาจทำให้บางคนปวดมวนท้องเพราะความเป็นกรด หากเป็นเช่นนั้นลองเปลี่ยนไปใช้วิตามินซีชนิดที่เรียก แอสคอร์เบท (Ascorbate)

สำหรับวิตามินอีนั้น มีการศึกษาชนิด Double blind หลายชิ้น ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า วิตามินอีช่วยบรรเทาอาการปวดกระดูกและข้อแต่ในแง่ยับยั้งความรุนแรงของโรค ยังไม่มีการพิสูจน์

เรายังต้องเรียนรู้อีกมากเกี่ยวกับวิตามินอีและบทบาทต่อสุขภาพ เท่าที่ทราบขณะนี้ บทบาทในการยับยั้งอาการปวดในโรคไขข้อ เป็นเพราะมันมีขั้นตอนการออกฤทธิ์คล้ายยาแก้ปวดข้อจำพวก NSAIDS คือทำหน้าที่ยับยั้งสารพรอสตาแกลนดินส์ ซึ่งเร่งการอักเสบ

ขนาดที่ใช้คือวิตามินอี 400 หน่วยสากลวันละ 1-2 ครั้ง

โบรอน

มีการศึกษาในหลายประเทศพบว่า ที่ใดมีโบรอนในดินต่ำ ประชาชนจะป่วยเป็นโรคกระดูกและข้อสูง รายงานจากแพทย์ท่านหนึ่งระบุว่า เมื่อให้เกลือแร่เสริมที่มีโบรอนเป็นส่วนประกอบ อาการกระดูกและข้ออักเสบ จะดีขึ้นถึงร้อยละ 90 ยิ่งกว่านั้น จากการศึกษาแบบ Double blind พบว่าผู้ป่วย 5 ใน 10 ราย อาการดีขึ้นเมื่อใช้โบรอนเทียบกับยาหลอก และไม่พบผลข้างเคียง

ยังไม่ทราบแน่ว่ามนุษย์ต้องการโบรอนวันละเท่าไร แต่การได้รับโบรอนสูงเกินไปอาจก่อพิษต่อร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม วิตามินเกลือแร่ชนิดเม็ดที่มีโบรอนเป็นส่วนประกอบนับว่าปลอดภัยเพียงพอต่อการบริโภค หรือแนะนำปริมาณที่ 3-6 มิลลิรัมต่อวัน

ซัลเฟอร์

ซัลเฟอร์หรือกำมะถัน เป็นแร่ธาตุจำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะในการสร้างกระดูกอ่อน คนโบราณรู้จักอาบน้ำแร่ซึ่งมีกำมะถันเป็นส่วนประกอบเพื่อบรรเทาโรคกระดูกและข้อ ถึงแม้วงการแพทย์ปัจจุบันจะไม่ใส่ใจกำมะถัน การศึกษาในช่วงปี 1920-1930 ก็ยังมียืนยันผลที่มีต่อโรคกระดูกและข้อในบางแง่มุม เช่น ผู้ป่วยข้ออักเสบมักมีระดับซัลเฟอร์ในเนื้อเยื่อต่ำกว่าคนธรรมดา และพบว่าการอาบน้ำแร่สามารถเพิ่มระดับซัลเฟอร์ในเนื้อเยื่อได้ และการฉีดกำมะถันเข้าร่างกายก็ช่วยบรรเทาโรคไขข้อได้ระดับหนึ่ง แต่ยังไม่มีการประเมินประสิทธิภาพอย่างจริงจังจนบัดนี้

ระวังอย่าทดลองใช้กำมะถันกับตัวเองเพราะมีพิษสูงหากใช้ผิดวิธี

วิตามินบี 5

เรียกอีกอย่างว่ากรดแพนโทเธนิก (Pantothenic acid) เป็นวิตามินที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการเผาผลาญพลังงาน และยังมีส่วนช่วยการสร้างกระดูกอ่อน นอกจากนี้ยังมีความจำเป็น สำหรับสร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์ในร่างกาย ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเข้มแข็ง
ไข่แดง ตับ ไต ข้าวกล้อง เป็นแหล่งอาหารที่ดีสำหรับวิตามิน บี 5

ซิลิเนียม

ซิลิเนียมเป็นแร่ธาตุที่มีเพียงน้อยนิดในดินคือ เพียง 0.000009% ในเปลือกโลก จนไม่น่าเชื่อว่าร่างกายมนุษย์ต้องการใช้ มันทำงานร่วมกับวิตามินอีในการต้านอนุมูลอิสระ เพียงกินซิลีเนียมในอัตราวันละ 200 ไมโครกรัมทุกวัน จะช่วยปกป้องการเสื่อมของเซลล์และอวัยวะโดยรวม รวมทั้งกระดูกและข้อ

ตอนจบ วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2543


แนวคิดการแพทย์ทางเลือก มองว่าโรคเรื้อรังทั้งหลาย มีเหตุปัจจัยที่ก่อโรคหลายประการ เกี่ยวพันกันซับซ้อน ทั้งอาหารการกิน การพักผ่อน วิถีชีวิต สุขภาพจิต สิ่งแวดล้อม

ดังนั้นการต่อสู้กับโรคเรื้อรัง หรือทำให้โรคไม่กำเริบรุนแรงนั้น จำต้องเพ่งเล็งทุกปัจจัยที่สงสัย ผู้ป่วยจะต้องหลีกปัจจัยก่อโรค เพิ่มปัจจัยเสริมการรักษา และพยายามปฏิบัติตนให้อยู่ในสมดุล ใกล้เคียงวิถีธรรมชาติ

สำหรับโรคกระดูกและข้ออักเสบ อาการก็อีกเป็นปัจจัยที่ควรระลึกถึง อาหารเช่นเครื่องในสัตว์ เหล้า เบียร์ สามารถทำให้โรคข้ออักเสบแบบเกาต์กำเริบได้รุนแรง ขณะที่มีผู้สังเกตเห็นบทบาทเสริมสุขภาพกระดูกและข้อของวิตามินเกลือแร่บางตัว

กลุ่มวิตามินบีรวม

ประกอบด้วยวิตามินย่อยหลายชนิด อามิ วิตามินบีหนึ่ง บีสอง บีสาม บีห้า บีหก บีสิบสอง ทุกตัวทำงานสอดคล้องสัมพันธฺกันช่วยเสริมขบวนการผลิตพลังงาน และการทำงานของสมอง ซึ่งนับเป็นบทบาทสำคัญสำหรับมนุษย์ทุกคน

การขาดวิตามินกลุ่มนี้ จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะทั่วร่างกายรวมทั้งกระดูกและข้อ

นอกจากนี้วิตามินบี 1 บี 3 และบี 6 ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความวิตกกังวล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในผู้ป่วยโรคเรื้อรังส่วนใหญ่ที่มักเครียดและกังวลกับปัญหาสุขภาพของตัวเอง
เป็นที่รู้กันว่า วิตามินบี 6 ช่วยบรรเทาอาการปวดเส้นเอ็นเส้นประสาทที่ข้อแขน และไหล่ที่เรียก Carpal tunnel syndrome จึงเชื่อว่ามันอาจมีคุณต่ออาการปวดข้อโดยรวม
ตับสัตว์เนแหล่งที่มีวิตามินบีรวมหลากหลายชนิดที่สุด และยังพบวิตามินกลุ่มนี้ ในข้าวและธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่ว ลูกนัท กะหล่ำดอก ผักใบเขียว ไข่และนม

กลูโคซามีน ซัลเฟต (Glucosamine sulfate)

กลูโคซามีนเป็นสารที่เกิดเองตามธรรมชาติและพบรวมตัวกันปริมาณสูงบริเวณข้อ จากการศึกษาพบว่า มันมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และกระดูกอ่อนใหม่ๆ บริเวณข้อ โดยเฉพาะเมื่อข้อเกิดการเสื่อมสภาพ

เมื่อเราแก่ตัวลง ร่างกายจะสร้างกูลโคซามีนได้น้อยลง ผลที่ตามมาคือ กระดูกอ่อนบริเวณข้ออ่อนแอลง ไม่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ลดความสามารถในการดูดซับแรงกระแทก

มีการทดลองให้อาสาสมัครกินกลูโคซามีนเสริมในอาหาร พบว่าสามารถช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมข้อ โดยมันทำหน้าที่เป็นตัวต้นแบบ ของกระดูกอ่อนเรียกว่า Proteoglycans ยาแก้ปวดข้อ ลดการอักเสบของกระดูก และข้อหลายตัวยับยั้งการสังเคราะห์เจ้า Proteglycans แต่กลูโคซามีนช่วยไม่ให้ Proteoglycans สลายตัวก่อนเวลา การศึกษาที่เชื่อถือได้อย่างน้อย 2 ชิ้น แสดงให้เห็นว่า มันช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ลดอาการบวมตึงข้อรัด ช่วยให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีขึ้นโดยไม่มีผลข้างเคียงเหมือนยาลดข้อส่วนใหญ่

น้ำมันปลาทะเล

น้ำมันปลามิใช่น้ำมันตับปลา แต่เป็นน้ำมันที่มีอยู่ในเนื้อปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทะเลลึก
น้ำมันปลาทะเลไม่เหมือนน้ำมันหมูหรือน้ำมันพืช เพราะมีกรดไขมันสองตัวที่น่าสนใจคือ EPA และ DHA (Eicosopentaenoic acid Docosahexaenoic acid)

รายงานการศึกษาชิ้นหนึ่ง ใช้น้ำมันปลาในขนาด 1.8 กรัมต่อวัน ในผู้ป่วยไขข้อรูมาตอยด์พบว่าช่วยยับยั้งอาการได้ไม่เด่นชัดนัก
มีการทดลองต่อมา พบผลลัพธ์ดีพอควรเมื่อเพิ่มน้ำมันปลาขนาดสูงเป็น 2.7 กรัม นาน 14 สัปดาห์ และได้ผลในบางรายเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบผลที่ไม่พึงปรารถนาบ้าง เช่น ปวดท้อง แต่หายเมื่อหยุดน้ำมันปลา

ต้องขอเน้นนะครับว่า แม้จะแสดงผลที่ดีต่อโรคปวดข้อรูมาตอยด์ แต่น้ำมันปลาก็ไม่อาจนับเป็นยารักษารูมาตอยด์ ผู้ป่วยยังต้องทานยาสม้ำเสมอ
สิ่งที่ควรระวัง น้ำมันปลาในขนาดสูงมากๆ อาจทำให้เลือดไม่แข็งตัว คนที่มีเลือดออกง่ายควรระวัง และปรึกษาแพทย์หากต้องการรับประทานขนาดสูง
น้ำมันปลาเป็นอันตรายต่อคนไข้เบาหวานเพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูง และลดการหลั่งอินซูลิน

ทางเลือก

หากอาการข้ออักเสบปรากฏเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุแม้จะได้รับการวินิจฉัย โดยผู้เชี่ยวชาญแล้ว การทดลองจำกัดอาหารบางชนิดก็เป็นสิ่งที่น่ากระทำด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่า โรคกระดูกและข้ออักเสบของคุณมิใช่รูปแบบหนึ่งของการแพ้อาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่อาการข้ออักเสบกำเริบเป็นพักๆ หาความแน่นอนไม่ได้
การทดลองกินเกลือแร่เสริมโบรอนก็เป็นอีกทางเลือกไม่เป็นอันตราย และไม่สิ้นเปลืองเช่น เดียวการกินอาหารธรรมชาติที่มีวิตามินซีสูง

การออกกำลังกายบำรุงกระดูกและข้อ

โดยทั่วไป ผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระดูกและข้อจะเคลื่อนไหวไม่สะดวกอยู่แล้ว การออกกำลังกายจึงเหมือนจะเป็นเรื่องใกล้ตัว บางคนยังคิดว่าผู้ป่วยโรคนี้ไม่น่าออกกำลังกาย เพราะจะพลอยให้อาการกำเริบหรือเลวร้ายลงอีก ความคิดเช่นนี้ยังไม่ถูกต้องครับ
การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อสุขภาพของกระดูกและข้อ เพียงแต่วิธีออกกำลังกายในคนกลุ่มต่างๆ อาจแตกต่างกัน กล่าวคือ

- คนปกติ ควรเสริมสร้างกระดูกและข้อให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารแคลเซียมให้มากไว้ เพื่อตั้ง "ธนาคารกระดูก" ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว คือสร้างกระดูกให้หน้า มีมวลกระดูกมาก เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหายามแก่ตัวลง การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นให้กระดูกเติบโตแข็งแรง และยังทำให้กล้ามเนื้อ เอ็นและเนื้อเยื่อรอบข้อกระชับมีพลัง

- คนที่เสี่ยงต่อโรคกระดูกและข้อ เช่น น้ำหนักเกินมาตรฐาน ครอบครัวมีประวัติป่วยโรคกระดูกและข้อ หญิงวัยทอง ควรเลือกวิธีออกกำลังกาย ที่ไม่เสี่ยงต่อการกระทบกระแทก เช่น การว่ายน้ำ การเดินเพื่อสุขภาพ การใช้อุปกรณ์สมัยใหม่ช่วยบริหารร่างกาย
- ผู้ป่วยจำเป็นต้องบริหารข้อสม้ำเสมอและให้ข้อได้พักอย่างถูกวิธี มิฉะนั้นอาจเกิดอาการข้อแข็ง ข้อติดกัน เคลื่อนไหวน้อยลง อาการทรุดลงไปอีก แต่ขณะเดียวกัน การออกกำลังกายที่ผิดพลาดก็จะเป็นอันตรายได้เช่นกัน

นักกายภาพบำบัดจะช่วยออกแบบท่าออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนไข้ โรคกระดูกและข้อแต่รายได้

ส่งท้าย

ดังที่กล่าวแล้วว่า โรคกระดูกและข้ออักเสบเรื้อรัง มีเหตุปัจจัยก่อโรคซับซ้อน เป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่แสดงอาการเสื่อมของระบบหนึ่งหรือหลาบระบบประกอบกัน ผู้ป่วยต้องทำความคุ้นเคยกับโรคที่ตนกำลังเผชิญอย่างมีสติ ศึกษาให้เข้าใจธรรมชาติของโรคและธรรมชาติของร่างกายและจิตใจของตัวเอง ยามโรคกำเริบ ปรับปรุงอาหารการกิน การพักผ่อน การออกกำลังกาย เรียนรู้การต่อสู้อาการปวดข้อด้วยการทำสมาธิ การใช้สมุนไพร การประคบ ฯลฯ

อย่าหวังพึ่งยาอันตรายเพียงอย่างเดียวเพราะคุณยังมีทางเลือกมากกว่าหนึ่งครับ

เภสัชกรสรจักร ศิริบริรักษ์


[ ที่มา... หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21]resolution 800x600