ต่อเนื่องกันมาหลายฉบับ ที่เราคุยกันในหัวข้อโรคกระดูกและข้ออักเสบ
และผ่านมาถึงเรื่องอาหารที่ก่อผลลบต่อกระดูกและข้อ
หรืออาจเรียกอาหารแสลงโรคก็คงได้
อาทิตย์นี้เราจะคุยกันถึงอาหารที่มีผลต่อสุขภาพกระดูกและข้อ
และอาจมีผลส่งเสริมการรักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบได้
แต่ต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นร่วมกันก่อนว่า อาหารที่จะแนะนำต่อไปนี้
มิใช่ยารักษาโรคกระดูกและข้อประเภทกินปุ๊บหายปั๊บ
มิใช่สารสำคัญที่ท่านจะนำไปใช้แทนยาที่หมอสั่งจ่าย เป็นเพียงทางเลือกอีกทาง
ที่ท่านอาจนำไปใช้เสริมการรักษา หรือสะกิดเตือนใจให้คิดถึงผลของอาหารที่มีต่อกระดูกและข้อ
เพื่อการปรับปรุงบริโภคนิสัยให้ดีขึ้น
โรคกระดูกและข้อที่มีลักษณะเรื้อรัง บั่นทอนความเคลื่อนไหว
ก่อความทุกข์ทรมานทั้งต่อร่างกายและจิตใจ จึงต้องมีการรักษาแบบผสมผสาน
ทั้งการใช้ยาตามอาการ การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย
การเลือกรับประทานอาหารที่เสริมการรักษาและหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นโรค
การฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง พร้อมสู้กับความเจ็บปวดรวมถึงการเตรียมญาติพี่น้องบุคคลรอบข้าง
ให้มีส่วนช่วยอย่างเหมาะสมเหล่านี้ล้วนจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับโรคเรื้อรัง
ได้อย่างราบรื่น มีโอกาสยิ้มหัวเช่นคนธรรมดา
จากผลการศึกษาวิจัย พบว่า มีสารอาหารบางตัวที่มีบทบาทต่อกระดูกและข้อเป็นพิเศษ
ผมขอทยอยเล่าให้ฟังดังนี้
แคลเซียมและแมกนีเซียม
เมื่อจะกล่าวถึงแคลเซียม ก็ต้องผูกเข้ากับแมกนีเซียมเพราะทั้งสองทำงานร่วมกัน
โดยแคลเซียมเป็นตัวทำให้กระดูกคงรูป และแมกนีเซียมทำหน้าที่
ช่วยให้เนื้อเยื่อกระดูกดูดแคลเซียมเข้าตัว หากคุณกินแคลเซียมเพียงพอ
แต่ขาดแมกนีเซียม แคลเซียมที่คุณกินเข้าไปจะไปสะสมในเนื้อเยื่ออ่อนและข้อ
ทำให้ข้อบวมปวด
รายละเอียดของสารอาหารทั้งสองตัวเป็นดังนี้
เป็นแร่ธาตุสำคัญของมนุษย์และสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังส่วนใหญ่
เพราะแคลเซียมคือกระดูกขาวๆ ที่เราเห็น
แคลเซียมอาจไหลออกจากกระดูกอย่างรวดเร็วแทบไม่น่าเชื่อหากคุณดื่มกาแฟจัด
อยู่ในวันหมดประจำเดือน กินยาบางชนิดเช่นสเตียรอยด์ อยู่ระหว่างคุมน้ำหนัก
หรือไม่ออกกำลังกาย ผู้หญิงวัยทองร้อยคน มีกระดูกเปราะบาง
เพราะขาดแคลเซียมราว 40 คน
เราสามารถชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนได้ โดยการตั้ง
ธนาคารกระดูก (Bone Banking) ไว้ ตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว
วิธีการตั้งธนาคารกระดูกคือ คุณต้องทำกระดูกของคุณให้หนาและแข็งแรงที่สุด
ก่อนอายุถึงสามสิบปี ด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารแคลเซียม
และแมกนีเซียมเพียงพอ
กระดูกพรุนและแคลเซียม
โครงกระดูกร่างกายมนุษย์เป็นผลผลิตทางวิศวกรรมธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์
ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณเดินเร็ว กระดูกต้นขาของคุณจะรับแรงกด
ราว 80-90 กิโลเมตรต่อตารางเซนติเมตร เมื่อเทียบการรับน้ำหนักกิโลต่อกิโล
มันยังเหนือกว่าคอนกรีตเสริมเหล็กเสียอีก
กระดูกมีสารสำคัญเป็นองค์ประกอบคือ แคลเซียมและฟอสฟอรัส
จับเรียงตัวกันแน่นในรูปแบบเช่นเดียวกับผลึกของเพชรซึ่งถือว่า
เป็นวัสดุที่แข็งที่สุดในโลก
ดังนั้นถ้าคุณขาดแคลเซียม ก็เหมือนบ้านที่ถูกปลวกแทะกินโครงคร่าวจนพรุน
หากวันใดที่คุณสูญเสียเนื้อกระดูก กระดูกบาง ไม่หนาแน่นผลที่ตามมาคือ
กระดูกแตกหักง่ายผิดปกติแม้แค่กระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย
กระดูกที่มักจะพรุนหรือถูกทำลายก่อนคือ ข้อมือ สะโพก
และกระดูกสันหลัง ก่อโรคตามมาอีกเช่น การติดเชื้อ การอักเสบ เอมโบลิซึม
ซึ่งเป็นก้อนเลือดขัดขวางการไหลเวียนของโลหิตไปยังปอด
จนอาจทำให้ถึงตายได้
และนี่คืออันตรายของโรคกระดูกพรุนที่ผู้หญิงเกือบครึ่ง
จะต้องเผชิญหลังหมดประจำเดือน
การขาดแคลเซียม
เมื่อเราอายุมากขึ้น การทำงานของระบบต่างเริ่มเสื่อมลง
อาหารที่ทานก็เคี้ยวไม่แหลกและนอกจากนี้ ความจริงที่เถียงไม่ได้อีกอย่างคือ
คนสูงอายุจะทานอาหารน้อยลงโดยธรรมชาติส่งผลให้แคลเซียมลดปริมาณลงด้วย
แต่ร่างกายจะยอมให้แคลเซียมในเซลล์ลดปริมาณลงไม่ได้
เพราะมันหมายถึงความตาย ร่างกายจึงแก้ปัญหาโดย "กิน" กระดูกของตัวเองคือ
ดึงแคลเซียมในกระดูกออกมาชดเชยส่วนที่ขาดไป
ผลที่ตามมาคือกระดูกพรุน
สตีเวน เอ. อะบรามส์ แห่งศูนย์วิจัยโภชนาการเด็ก ในฮุสตัน กล่าวว่า
เด็กหญิงต้องการแคลเซียมสูงมากในช่วงก่อนและหลังวัยเริ่มเจริญพันธุ์
(ประมาณช่วงอายุ 10-12 ปี) ดังนั้นควรฝึกให้เด็กทานอาหารและแคลเซียมแต่เนิ่นๆ
เมื่อวงการแพทย์ค้นพบอันตรายจากการขาดแคลเซียม
จึงได้สนับสนุนให้ประชาชนทุกวัยดื่มนมเพื่อตั้งธนาคารกระดูก
โดยมุ่งหวังให้กระดูกของคุณหนาและแข็งแรงที่สุด ก่อนอายุถึงสามสิบปี
ผู้ผลิตอาหารเสริมต่างผลิตแคลเซียมชนิดเม็ดและน้ำในรูปแบบต่างๆ มากมาย
มีการเติมรสส้ม กลิ่นสังเคราะห์ และฟองฟู่เพื่อให้น่ารับประทาน ราคาที่จับไม่ลงทีเดียว
ไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายซื้อผลิตภัณฑ์ราคาแพง หรอกครับ
แคลเซียมพบได้ในผักสีเขียวเข้ม คะน้า มะนาว ถั่วและในกระดูกสัตว์เป็นแห่งที่ดีเช่นกัน
คุณควรทานปลาเล็ก ปลาแห้ง กระดูก กะปิ กุ้งแห้ง นมสด สลับกันไปเป็นประจำสม่ำเสมอ
แต่คนที่ไม่ได้หมออาจแนะนำให้ใช้แคลเซียมชนิดเม็ดเสริมในอัตรา
วันละ 800-1,500 มิลลิกรัม ขึ้นกับวิถีชีวิตและบริโภคนิสัยของคุณ
มีประโยชน์ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยการส่งผ่านสัญญาณประสาท
ช่วยการหดตัวของกล้ามเนื้อ สังเคราะห์โปรตีนและไขมันและช่วยผลิตพลังงาน
อาหารที่มีแมกนีเซียมสูง ช่วยสงบประสาท
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ผลจากการวิวัฒนาการของมนุษย์ที่ซับซ้อน
ทำให้ร่างกายพึ่งพิงแคลเซียมเป็นอย่างมาก จนทำให้แคลเซียมเข้าไปมีบทบาท
ในการควบคุมการทำงานของร่างกายถึงระดับเซลล์เลยทีเดียว
การเปลี่ยนแปลงปริมาณแคลเซียมในเซลล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยอาจก่อผลใหญ่หลวงเช่น
เปลี่ยนแปลงจังหวะการเต้นของหัวใจได้ และหากปริมาณแคลเซียมเปลี่ยนมากกว่านั้น
เซลล์อาจถูกทำลาย
ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีระบบควบคุมปริมาณแคลเซียมในเซลล์อีกทีหนึ่ง
เพื่อไม่ให้มันเป็นใหญ่เกินไป สิ่งที่ควบคุมแคลเซียมคือแมกนีเซียมนี่เอง
เจ้าแมกนีเซียมมีหน้าที่ควบคุมปริมาณแคลเซียมให้พอเหมาะพอควรเสมอ
หากคุณขาดแมกนีเซียมเกิน 3 เดือน คุณจะมีอาการอ่อนเปลี้ย คลื่นไส้
การทำงานของร่างกายไม่ประสานกัน สับสน ระบบทางเดินอาหารแปรปรวน
หากขาดนานกว่านั้น จะพบอาการไม่อยากอาหาร ผิวหนังแตกเป็นแผล
การเคลื่อนไหวผิดปกติ ผมร่วง
คนเราควรได้รับแมกนีเซียม 600-800 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่น้อยคนจะขาดแมกนีเซียมเพราะมันมีเพียงพอในผักสีเขียวทุกชนิด
ยิ่งเขียวยิ่งมีแมกนีเซียม เพราะแมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญในคลอโรฟิลด์
จะเห็นว่า การกินผักสีเขียวให้ทั้งแคลเซียมและแมกนีเซียมพร้อมๆ กัน
ดีอย่างนี้ จะเขี่ยทิ้งทำไมจ้ะ...? คุณหนูๆ
|