นิสัยการรับประทานที่ถูกต้องของลูกน้อยควรเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกเกิด ซึ่งหมายความว่าคุณแม่ควรต้องทราบว่าเมื่อใดที่ลูกน้อยอิ่ม
และเมื่อใดที่ลูกน้อยหิว หรือเมื่อใดที่ลูกน้อยพร้อมสำหรับอาหาร
รสชาติใหม่ๆ ฟังแล้ว ไม่ยากสำหรับอาหารรสชาติใหม่ๆ ฟังแล้ว ไม่ยากอย่างที่คิดเพียงแต่คุณแม่คอยเฝ้าสังเกตการเจริญเติบโตของลูกน้อย และพฤติกรรมต่างๆ
ในช่วง 2 ปีแรกของชีวิตน้อยๆ ทารกทุกคน
ต้องการอาหารที่มีประโยชน์ และมีสารอาหารที่ครบถ้วนเพื่อ
- พัฒนาการเจริญเติบโตให้สมวัย
- เรียนรู้ในการรับประทานอาหารที่มีสุขลักษณะ
และไม่เป็นเด็กเลือกทานเมื่อโตขึ้น
นมแม่ดีที่สุด
ในช่วงเดือนแรกของการถือกำเนิด น้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุด (โดยเฉพาะน้ำนมเหลืองหยดแรก) โดยเฉลี่ยแล้วคุณแม่จะมีน้ำนม
ประมาณ 1 ลิตร หรือ 32 ออนซ์ต่อวัน ให้ 680 แคลอรี
ซึ่งปริมาณน้ำนมที่คุณแม่มี เพียงพอกับความต้องการของทารก
ธรรมชาติได้สร้างอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก
ซึ่งไม่ต้องไปขวนขวายจากไหนเลย ได้จากคุณแม่นั่นเอง ดังนั้นถ้าคุณแม่มีเวลาและมีน้ำนมเพียงอย่างเดียวในช่วง
4-6 เดือนแรกของชีวิต
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทารก
การเริ่มให้อาหารเสริมกับลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้น และอาจเป็นที่หวั่นใจสำหรับคุณแม่ไม่มากก็น้อย เพราะคุณแม่จะรู้สึกดีใจว่าลูกน้อยได้มีพัฒนาการเจริญเติบโต แต่คุณแม่บางคนรู้สึกกังวลว่าจะเริ่มให้อาหารเสริมลูกน้อยเมื่อไหร่ดี
และจะยุ่งยากหรือไม่ ถ้าคุณแม่เรียนรู้ถึงพัฒนาการของลูกน้อย
และสังเกตถึงความพร้อม การเปลี่ยนแปลงในการเริ่มให้อาหารเสริม
จากเดิมที่เคยให้แต่นมแม่นั้น ก็ไม่เป็นเรื่องยากเลย
เริ่มอาหารเสริม
ความพร้อมสำหรับอาหารเสริมของทารกขึ้นอยู่กับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ความต้องการด้านโภชนาการ อัตราการเจริญเติบโต ทั้งทางด้านร่างกาย
และทักษะต่างๆ (คุณแม่สามารถเช็คได้จากตารางการพัฒนาของทารกแรกเกิด
ถึง 3 ปี ในฉบับที่แล้ว)
ความต้องการด้านโภชนาการรวมถึงแคลอรีที่เพิ่มขึ้น
สำหรับการเจริญเติบโต และความต้องการสารอาหารที่สำคัญ
เช่น ธาตุเหล็กและสังกะสี เป็นต้น น้ำหนักของทารกเป็นปัจจัยหนึ่ง
ซึ่งคุณแม่จะทราบว่าลูกน้อยพร้อมสำหรับอาหารเสริมหรือไม่
เมื่อลูกน้อยมีน้ำหนักเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิดหรืออย่างน้อย 6 กิโลกรัม รวมทั้งการพัฒนาการทางร่างกาย เช่น สามารถพลิกคว่ำพลิกหงายได้เอง สามารถนั่งได้โดยมีการช่วยประคอง นั่นก็เป็นสัญญาณว่า
ลูกน้อยพร้อมที่จะเริ่มทานอาหารเสริมได้แล้ว
อาหารเสริมที่มีส่วนประกอบชนิดเดียว เช่น ผักบด หรือผลไม้บด เป็นอาหารเสริมเริ่มแรกที่ดี ลักษณะเนื้ออาหารควรจะเหลว เนียนนุ่มเพราะระบบการย่อยของทารกยังพัฒนาได้ไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ และทารกเองก็ยังไม่มีฟันที่จะบดเคี้ยวและที่สำคัญ
อาหารของทารกไม่ควรใส่ผงชูรส วัตถุกันเสีย เกลือ หรือน้ำตาล
ควรเน้นเป็นรสชาติตามธรรมชาติ
ลองของใหม่
เมื่อลูกน้อยเริ่มคุ้นกับอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบชนิดเดียว
ในระยะเวลาหนึ่ง ควรเพิ่มส่วนประกอบอาหารหลายๆ
อย่างให้ลูกน้อยได้เรียนรู้รสชาติใหม่ๆ ลักษณะเนื้ออาหารที่หยาบขึ้น
เช่น ข้าวต้มหมูบด บะหมี่ไก่บด ผักและแฮมบดเป็นต้น
ถ้าลูกน้อยอายุประมาณ 6 เดือนหรือสามารถนั่งทรงตัวได้ชั่วครู่
ขยับปากอย่างคล่องแคล่ว สามารเปลี่ยนสลับมือถือสิ่งของได้ นั่นก็เป็นสัญญาณที่ลูกน้อยควรจะรับประทานอาหาร
ที่มีความหลายหลากมากขึ้นอาหารก็ยังเป็นอาหารบด
แต่มีลักษณะเนื้ออาหารที่หยาบขึ้น แต่ไม่ควรเติมผงชูรส
วัตถุกันเสีย หรือใส่สีในอาหารสำหรับลูกน้อย
และเมื่อลูกน้อยอายุประมาณ 9 เดือน ลูกน้อยสามารถรับประทานอาหารที่ประกอบด้วยชิ้นเนื้อ
ชิ้นผักชิ้นเล็กๆ ได้แล้วเพื่อฝึกในการเคี้ยวอาหาร ในระยะเวลานี้เอง คุณแม่สามารถฝึกให้ลูกน้อยทานอาหารร่วมโต๊ะกับสมาชิกในครอบครัว
เพื่อฝึกในการเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อยๆ ที่พร้อมจะทานอาหารเหมือนๆ
กับสมาชิกในครอบครัว แต่สิ่งที่สำคัญในการรับประทานอาหารของลูกน้อย
คุณแม่ไม่ควรดุ หรือเอ็ดลูกน้อยเมื่อลูกน้อยไม่ยอมลองอาหารแปลกใหม่
เพราะความที่ยังไม่คุ้นเคย คุณแม่ต้องใจเย็น ค่อยๆ ฝึก และที่สำคัญอาหารของลูกน้อยควรมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่
เพื่อที่จะพัฒนาการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมองของลูกน้อย เพื่อเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรงและสมบูรณ์ในอนาคต สำหรับคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารให้ลูกน้อย อาหารเสริมสำเร็จรูปสำหรับทารกและเด็กเล็กชนิดบรรจุขวด
ก็เป็นอีกทางเลือกที่ให้ความสะดวก ซึ่งคุณแม่สามารถมั่นใจในความสะอาด อีกทั้งสารอาหารที่ครบตามความต้องการของทารกในแต่ละวัย ก่อนซื้อควรดูวันหมดอายุบนฝาขวดและฉลากโภชนาการข้างขวด เพื่อให้ได้อาหารเสริมที่ที่มีคุณภาพสำหรับลูกน้อย
|