เคยสังเกตตัวเองกันบ้างไหมว่า อาหารบางอย่าง เมื่อกินแล้วจะรู้สึกกระชุ่มกระชวย คึกคัก 
อาหารบางอย่างกินแล้วรู้สึกง่วงเหงาหาวนอน บางคนบอกว่า กินหวานมากแล้วอารมณ์ร้าย กินช็อกโกแลตแล้วอารมณ์โรแมนติก 
อาหารมีอิทธิพลต่ออารมณ์ ได้ขนาดนั้นจริงๆ หรือ 
 คำตอบคือ อาหารที่กินกันอยู่ทุกวันนี้มีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของเราได้จริง เหตุที่อาหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์ 
ซึ่งเป็นเรื่องของสมองแท้ๆ ก็เพราะสารอาหารสามารถเข้าไปปรับสมดุลของฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์
หรือพฤติกรรมแสดงออกต่างๆ ได้ เรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์เขารู้กันมานานแล้วล่ะครับ 
 การศึกษาวิจัยของ ดร.จูดิธ เวิร์ตแมน แห่งสถาบันเทคโนโลยีแมสสาชูเซ็ตต์หรือ MIT ได้ข้อมูลว่า
การรับประทานคาร์โบไฮเดรตหรือแป้ง จะมีผลทำให้สารเคมีหรือสารสื่อประสาทบางตัว (Neurotransmitter) มีปริมาณสูงขึ้น 
ทำให้สมองสงบลง สารเคมีตัวที่ว่านี้คือสารสื่อประสาทที่มีชื่อว่า เซโรโทนิน  แป้งหรือน้ำตาล 
เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะส่งผลให้กรดอะมิโนทริปโตฟานสูงขึ้นในสมอง กรดอะมิโนตัวที่ว่านี้ 
เป็นสารต้นกำเนิดของสารเซโรโทนิน ทำให้ระดับสารตัวนี้สูงขึ้นในสมอง ซึ่งจะออกฤทธิ์ทำให้สมองสงบลง 
เหตุนี้เองคนที่กินอาหารประเภทแป้งจึงค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ตึงเครียดหรือเอะอะโวยวาย 
 หากรับประทานอาหารประเภทโปรตีนหรือกรดอะมิโน สารอีกตัวหนึ่งในสมองคือ โดปามีน
และ นอร์อิพิเนฟริน จะมีระดับสูงขึ้น สารสื่อประสาทกลุ่มนี้ สร้างความกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่าให้กับสมอง 
คนที่กินโปรตีนจึงรู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ดูเหมือนจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในที 
 อาหารโปรตีนและแป้ง ส่งผลต่ออารมณ์ตรงกันข้ามกันอย่างนี้นี่เอง จึงทำให้มีการนำเอาอาหารทั้งสองกลุ่มนี้
ไปใช้แก้ปัญหาบางปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ในฤดูหนาวแถบยุโรปและอเมริกาเหนือ อากาศครึ้ม กลางวันสั้น 
กลางคืนยาว ผู้คนโดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะเกิดอาการเครียดและซึมเศร้าได้ง่ายๆ เรียกอาการกลุ่มนี้ว่า
 "ความซึมเศร้าที่เป็นผลมาจากฤดูกาล"  หรือ  Seasonal Affected Depression 
มีคำเรียกย่อว่า SAD  
 ความรู้สึกซึมเศร้าประเภทนี้แก้ไขได้โดยการให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลมากขึ้น 
ซึ่งมีผลทำให้ระดับเซโรโทนินในสมองสูงขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการสงบลง แต่หากรับประทานแป้งมากเกินไป 
ก็จะทำให้ง่วงเหงาหาวนอนเอาได้ง่ายๆ คนที่รับประทานอาหารประเภทแป้งมากๆ ในมื้อกลางวัน 
พอตกบ่ายจึงมักง่วงเหงาอย่างที่ชอบพูดกันว่า หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนนั่นแหละ  หากไม่อยากง่วงตอนบ่าย 
วิธีการง่ายๆ คือ เลือกรับประทานอาหารโปรตีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะโปรตีนประเภทย่อยง่าย 
ซึ่งจะทำให้ระดับฮอร์โมนโดปามีนสูงขึ้นในสมอง ช่วยให้รู้สึกตื่นตัวสดชื่นขึ้น ในทำนองเดียวกันหากรู้สึกเครียดขึ้น 
การรับประทานแป้งหรือดื่มน้ำหวานสักแก้ว จะช่วยเพิ่มเซโรโทนินในสมอง ความเครียดจะลดลงได้เอง 
 ใครที่เคยเลี้ยงเด็กอ่อน คงเคยสังเกตเห็นนะครับว่าเวลาให้เด็กดื่มน้ำหวานหรือนมรสหวานไปสักพัก 
เด็กจะสงบลงและอาจจะหลับสบายไม่ลุกขึ้นมากวนให้เป็นที่รำคาญใจ เราอาจจะลองกับตัวเองก็ได้ 
 วิธีการคือ หากชอบรับประทานหัวมันฝรั่งต้มหรือเผา ลองเอาครีมหรือเนยทามันฝรั่ง 
อารมณ์จะไม่สงบเหมือนกับการรับประทานมันฝรั่งเปล่าๆ ไม่ใส่ครีม ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะการเอาครีมหรือไขมันทามันฝรั่ง 
จะทำให้การย่อยมันฝรั่งช้าลง น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดช้าลง ขณะที่การรับประทานมันฝรั่งเปล่าๆ 
ร่างกายดูดซึมน้ำตาลจากมันฝรั่งได้ดีกว่า 
 ทีนี้ลองมาดูที่ช็อกโกแลตหรือโกโก้ ซึ่งมีสารเคมีหลายชนิดที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอารมณ์ 
ฝรั่งเขาจึงยกให้ช็อกโกแลตเป็นตัวแทนของความรัก เพราะการรับประทานช็อกโกแลตจะทำให้อารมณ์ครื้นเครง 
ขณะเดียวกันก็ทำให้มีเรี่ยวมีแรงทำงานได้นานๆ ซึ่งอารมณ์อย่างนี้ว่ากันว่าช่วยส่งเสริมกิจกรรมการทำรักได้ดีนัก 
 น้ำตาลในช็อกโกแลต ทำให้ระดับเซโรโทนินในสมอง มีระดับสูงขึ้น คนกินช็อกโกแลตจึงสงบลง 
ขณะเดียวกันสารกาเฟอีนในช็อกโกแลต ยังช่วยทำให้สมองตื่นตัว ไม่ง่วง สารไขมันในช็อกโกแลต
ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเอนโดนฟีนในสมอง ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุข   
 สารธีโอโบรมีน และ สารฟีนิลเอธิลอะมีน ในช็อกโกแลตช่วยทำให้มีอารมณ์ครื้นเครงมากขึ้น 
แต่ทั้งนี้อย่ารับประทานช็อกโกแลตให้มากเกินไปก็แล้วกันเพราะน้ำตาลในช็อกโกแลตหากเข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูง 
อารมณ์สงบจะกลายเป็นอารมณ์ง่วงเหงาหาวนอน แทนที่จะเป็นผลดีต่ออารมณ์รักอาจจะกลายเป็นผลเสีย 
พลาดสิ่งดีๆ ไปก็ได้ 
 สรุปก็คือ หากต้องการที่จะหายเครียด อารมณ์สงบลง ให้เลือกอาหารประเภทแป้ง 
หากต้องการให้สมองกระปรี้กระเปร่า สดชื่น ให้เลือกอาหารประเภทโปรตีน 
ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องรับประทานในปริมาณพอเหมาะ หากรับประทานมากเกินไป แทนที่อาหารจะช่วยทำให้เกิดอาการสงบ 
น้ำตาลที่มากไปอาจจะทำให้เกิดอาการเฉื่อย ให้ผลตรงกันข้ามไปได้ ระวังหน่อยก็แล้วกันครับ 
 
ดร.วินัย ดะห์ลัน
  |