มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



การบริจาคอวัยวะ


ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ผลของความเจริญดังกล่าวทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวมากขึ้น วิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพอนามัยของมนุษย์ให้ปลอดภัยต่อโรคต่างๆ ในปัจจุบันได้มีการนำอวัยวะจากบุคคลอื่นมาเปลี่ยนให้กับผู้ป่วยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วย สามารถรอดชีวิตได้อีกด้วย

เนื่องจากการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นวิธีการที่สำคัญประการหนึ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคตับ ไจ และหัวใจ ประเทศต่างๆ จึงมีการรณรงค์ให้มีการบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์ดังกล่าว แต่ประสบปัญหาในด้านการขาดแคลนผู้บริจาคอวัยวะ ยกเว้นประเทศจีนและอินเดีย ที่มีปัญหาในด้านนี้น้อยมาก ในจีนมีการปลูกถ่ายอวัยวะปีละประมาณ 3,000 ราย อวัยวะที่ใช้ปลูกถ่ายจะได้จากนักโทษประหาร ส่วนในอินเดียนอกจากจะได้อวัยวะที่ใช้ปลูกถ่าย จากนักโทษประหารแล้ว ยังมีประชาชนบางกลุ่มลักลอบขายอวัยวะเพราะความยากจน แม้จะมีกฎหมายห้ามการซื้อขายอวัยวะแต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายไปได้เสมอ

เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประชุมสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะนานาชาติที่ประเทศสิงคโปร์ ที่ประชุมได้มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการ เช่น ในสิงคโปร์มีผู้ป่วยไตวายเพิ่มขึ้น ปีละประมาณ 400-500 คน มีผู้ป่วยที่รอการบริจาคไต การที่ประเทศต่างๆ ในเอเชียมีปัญหาเรื่องขาดแคลนผู้บริจาคอวัยวะเนื่องจากแนวคิดของชาวเอเชีย ส่วนมากมีความเชื่อว่าต้องการให้ผู้เสียชีวิตมีอวัยวะครบถ้วน เมื่อไปเกิดใหม่ในภพหน้า จะได้มีอวัยวะต่างๆ สมบูรณ์ ไม่เป็นผู้พิการ ความเชื่อนี้จึงขัดขวางแนวปฏิบัติในการรณรงค์ เพื่อการบริจาคอวัยวะด้วย

สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้มีการปลูกถ่ายอวัยวะมาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะได้มีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2532 จนปัจจุบันได้มีผู้เปลี่ยนหัวใจ แล้วประมาณ 90 ราย แต่ก็ยังมีผู้รอการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีกเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถทำได้ เพราะขาดแคลนผู้บริจาค นอกจากนี้ประเทศไทยได้มีกฎหมายห้ามการซื้อขายอวัยวะ ดังนั้นการเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้ป่วยจึงทำได้โดยการบริจาคเท่านั้น ในขณะนี้มีปัญหา เรื่องการบริจาคอวัยวะอย่างยิ่ง เพราะมีผู้บริจาคน้อยมาก ทำให้มีผู้ป่วยที่รอรับความช่วยเหลือเป็นจำนวนมากด้วย แม้จะมีการรณรงค์เพื่อการบริจาคอวัยวะแล้วก็ตามแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะคนไทยส่วนมาก ไม่เห็นความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ สำหรับอวัยวะที่นำไปใช้เปลี่ยนให้ป่วยนั้น จะได้จากบริจาคที่ประสบอุบัติเหตุและสมองตายแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการรณรงค์ ป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้น เช่น การสวมหมวกนิรภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์ การคาดเข็มขัดนิรภัยในการขับรถยนต์ ไม่ดื่มสุราในการขับขี่รถยนต์ ฯลฯ ทำให้การประสบอุบัติเหตุลดลง การได้อวัยวะจากผู้บริจาคก็ลดน้อยลงด้วย

การที่ต้องขาดแคลนอวัยวะจากผู้บริจาคดังกล่าวแล้ว ก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านจริยธรรมของแพทย์ มากขึ้นตามไปด้วย เช่น เมื่อได้อวัยวะที่บริจาคมา 1 ชิ้น แต่มีผู้ป่วยรอรับการเปลี่ยนอวัยวะนั้น อยู่หลายรายแพทย์จะเลือกให้ใครระหว่างคนจนกับคนรวย ระหว่างคนหนุ่มสาวกับคนชรา หรือระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ฯลฯ แพทย์จะนำเกณฑ์ใดมาใช้ว่าควรจะเปลี่ยนอวัยวะให้กับใคร ในเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์มาก่อน ดังนั้นแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข จะต้องดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วนด้วย เพื่อจะได้เป็นแนวทางปฏิบัติของแพทย์ต่อไป

เนื่องจากกรบริจาคอวัยวะให้กับผู้อื่นภายหลังที่ตนเองเสียชีวิตแล้วนั้นเป็นการกระทำ "ทานบารมี" ของตนเอง เพราะเป็นการช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย จึงขอเชิญการช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย จึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านได้ร่วมกัน บริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยติดต่อบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ตึกกองอาสากาชาด ชั้น 2 ภายในบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนราชดำริ โทรศัพท์ (02) 256-4045-6 ได้ทุกวันในเวลาราชการครับ

รศ.บัญญัติ สุขศรีงาม



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 24 ฉบับที่ 3-4 มีนาคม-เมษายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600