ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ผลของความเจริญดังกล่าวทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาวมากขึ้น
วิทยาศาสตร์การแพทย์จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพอนามัยของมนุษย์ให้ปลอดภัยต่อโรคต่างๆ
ในปัจจุบันได้มีการนำอวัยวะจากบุคคลอื่นมาเปลี่ยนให้กับผู้ป่วยเพื่อช่วยให้ผู้ป่วย
สามารถรอดชีวิตได้อีกด้วย
เนื่องจากการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นวิธีการที่สำคัญประการหนึ่งในการช่วยชีวิตผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคตับ
ไจ และหัวใจ ประเทศต่างๆ จึงมีการรณรงค์ให้มีการบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์ดังกล่าว
แต่ประสบปัญหาในด้านการขาดแคลนผู้บริจาคอวัยวะ ยกเว้นประเทศจีนและอินเดีย
ที่มีปัญหาในด้านนี้น้อยมาก ในจีนมีการปลูกถ่ายอวัยวะปีละประมาณ 3,000 ราย
อวัยวะที่ใช้ปลูกถ่ายจะได้จากนักโทษประหาร ส่วนในอินเดียนอกจากจะได้อวัยวะที่ใช้ปลูกถ่าย
จากนักโทษประหารแล้ว ยังมีประชาชนบางกลุ่มลักลอบขายอวัยวะเพราะความยากจน
แม้จะมีกฎหมายห้ามการซื้อขายอวัยวะแต่ก็สามารถหลีกเลี่ยงกฎหมายไปได้เสมอ
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประชุมสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะนานาชาติที่ประเทศสิงคโปร์
ที่ประชุมได้มีข้อมูลที่น่าสนใจหลายประการ เช่น ในสิงคโปร์มีผู้ป่วยไตวายเพิ่มขึ้น
ปีละประมาณ 400-500 คน มีผู้ป่วยที่รอการบริจาคไต การที่ประเทศต่างๆ
ในเอเชียมีปัญหาเรื่องขาดแคลนผู้บริจาคอวัยวะเนื่องจากแนวคิดของชาวเอเชีย
ส่วนมากมีความเชื่อว่าต้องการให้ผู้เสียชีวิตมีอวัยวะครบถ้วน เมื่อไปเกิดใหม่ในภพหน้า
จะได้มีอวัยวะต่างๆ สมบูรณ์ ไม่เป็นผู้พิการ ความเชื่อนี้จึงขัดขวางแนวปฏิบัติในการรณรงค์
เพื่อการบริจาคอวัยวะด้วย
สำหรับในประเทศไทยนั้น ได้มีการปลูกถ่ายอวัยวะมาเป็นเวลานานแล้วเช่นกัน
โดยเฉพาะได้มีการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ.2532 จนปัจจุบันได้มีผู้เปลี่ยนหัวใจ
แล้วประมาณ 90 ราย แต่ก็ยังมีผู้รอการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจอีกเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถทำได้
เพราะขาดแคลนผู้บริจาค นอกจากนี้ประเทศไทยได้มีกฎหมายห้ามการซื้อขายอวัยวะ
ดังนั้นการเปลี่ยนอวัยวะให้กับผู้ป่วยจึงทำได้โดยการบริจาคเท่านั้น ในขณะนี้มีปัญหา
เรื่องการบริจาคอวัยวะอย่างยิ่ง เพราะมีผู้บริจาคน้อยมาก ทำให้มีผู้ป่วยที่รอรับความช่วยเหลือเป็นจำนวนมากด้วย
แม้จะมีการรณรงค์เพื่อการบริจาคอวัยวะแล้วก็ตามแต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะคนไทยส่วนมาก
ไม่เห็นความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ สำหรับอวัยวะที่นำไปใช้เปลี่ยนให้ป่วยนั้น
จะได้จากบริจาคที่ประสบอุบัติเหตุและสมองตายแล้ว แต่ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการรณรงค์
ป้องกันอุบัติเหตุจากการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้น เช่น การสวมหมวกนิรภัยในการขับขี่รถจักรยานยนต์
การคาดเข็มขัดนิรภัยในการขับรถยนต์ ไม่ดื่มสุราในการขับขี่รถยนต์ ฯลฯ ทำให้การประสบอุบัติเหตุลดลง
การได้อวัยวะจากผู้บริจาคก็ลดน้อยลงด้วย
การที่ต้องขาดแคลนอวัยวะจากผู้บริจาคดังกล่าวแล้ว ก็อาจทำให้เกิดปัญหาด้านจริยธรรมของแพทย์
มากขึ้นตามไปด้วย เช่น เมื่อได้อวัยวะที่บริจาคมา 1 ชิ้น แต่มีผู้ป่วยรอรับการเปลี่ยนอวัยวะนั้น
อยู่หลายรายแพทย์จะเลือกให้ใครระหว่างคนจนกับคนรวย ระหว่างคนหนุ่มสาวกับคนชรา
หรือระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย ฯลฯ แพทย์จะนำเกณฑ์ใดมาใช้ว่าควรจะเปลี่ยนอวัยวะให้กับใคร
ในเรื่องนี้ยังไม่ได้มีการเตรียมรับสถานการณ์มาก่อน ดังนั้นแพทยสภาและกระทรวงสาธารณสุข
จะต้องดำเนินการในเรื่องนี้โดยด่วนด้วย เพื่อจะได้เป็นแนวทางปฏิบัติของแพทย์ต่อไป
เนื่องจากกรบริจาคอวัยวะให้กับผู้อื่นภายหลังที่ตนเองเสียชีวิตแล้วนั้นเป็นการกระทำ
"ทานบารมี" ของตนเอง เพราะเป็นการช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย
จึงขอเชิญการช่วยต่อชีวิตให้กับผู้ป่วย จึงขอเชิญชวนท่านผู้อ่านทุกท่านได้ร่วมกัน
บริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทยเพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว
โดยติดต่อบริจาคได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ตึกกองอาสากาชาด
ชั้น 2 ภายในบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ถนนราชดำริ โทรศัพท์ (02) 256-4045-6
ได้ทุกวันในเวลาราชการครับ
รศ.บัญญัติ สุขศรีงาม
|