มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 มือถือ

นพ.นริศ เจนวิริยะ


ทุกวันนี้ถ้าใครไม่รู้จัก มือถือ ต้องถือว่าเขาเชยแหลก หลายคนที่ไม่เชยก็อาจจะยังไม่รู้ว่ามือถือ นั้นที่จริงในวงการในอุตสาหกรรมมือถือแล้ว เขาเรียกมันว่าโทรศัพท์ที่เคลื่อนที่หรือ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า mobile phone การที่เขาเรียกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่นี้ไม่ใช่ เพราะมันไม่มีสายอย่างเดียว แต่หมายความว่ามันสามารถเคลื่อนที่ไปได้ไกล การที่เป็นอย่างนั้น เพราะเขามีสถาบันรับส่งคลื่นสัญญาณ โทรศัพท์ติดตั้งอยู่มากมายเป็นเครือข่ายเข้าลักษณะรังผึ้ง ที่คอยรับส่งสัญญาณถ่ายทอดกันไปในขณะที่โทรศัพท์เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ การที่สถานีรับส่งมีลักษณะเป็นรังผึ้ง (มีลักษณะคล้าย CELL) ทำให้มีคำเรียก เป็นภาษาอังกฤษอีกคำหนึ่งว่า Cellular phone และคำนี้เป็นคำที่ฝรั่งเขาใช้ย่อว่า Cellphone ซึ่งเป็นคำที่ติดปากมากที่สุดพอๆ กับคำว่า มือถือในเมืองไทย

แม้คำว่ามือถือจะเป็นคำที่มีความหมายไม่เข้าท่าแต่เนื่องจากคนใช้ภาษา เขาชอบเขาสื่อสารกันเข้าใจมิไยที่ครูภาษาไทยจะว่าอย่างไรก็คงจะไม่มีทางไปเปลี่ยนแปลงคำนี้ ไปจากภาษาไทยไปได้แล้ว และถ้าหากราชบัณฑิตไทยว่ากันแฟร์ๆ ไม่มีอคติมีใจกว้างตามแบบของนักเขียนพจนานุกรมฝรั่งอีก 10 ปีคำว่า "มือถือ" นี้ ก็คงจะเข้าไปอยู่ในพจนานุกรมภาษาไทยแน่นอน

โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งที่ได้มีการพัฒนามามากมาย ในช่วง 10 กว่าปีมานี้ ตอนแรกก็เป็นโทรศัพท์ที่ต้องหิ้วแบตเตอรี่หนักอึ้งพ่วงไปด้วย ใครที่นิยมใช้ก็ต้องหิ้วมันจนแขนโต สมัยนั้นเคยเห็นนักรักโทรศัพท์หิ้วมัน พร้อมแบตเตอรี่ขึ้นการบินไทยบินจากขอนแก่น เนื่องจากผมมีโอกาสวาสนาดี ได้นั่งใกล้ๆ มือถือรุ่นแรกๆ ผมจึงพยายามแอบเงี่ยหูฟังดูซิว่า จะมีเรื่องสำมะคัญอะไรในการใช้มือถืออย่างนั้นบ้าง รอฟังอยู่ตั้งนานจนเครื่องบินจะลงแล้ว จึงได้ยินหมุนไปถึงที่บ้านว่า "ตอนนี้อยู่บนเครื่องเดี๋ยวจะลงดอนเมืองแล้ว แล้วเจอกันนะ" ฟังแล้วรู้สึกว่าแหมคนๆ คนนั้นต้องรักมือถือจริงๆ มิฉะนั้นคงไม่หิวจนไหล่ลู่ไปไหนมาไหน เพื่อจะพูดจาไม่กี่คำแค่นั้นเป็นแน่ นอกจากนี้ยังเคยเห็นหัวหน้าสหภาพแรงงาน เดินหิ้วมือถืออย่างว่านั้น ในขณะประท้วงรัฐบาล ในสมัยนั้น มือถือจริงมีความสำคัญ ระดับชาติตั้งแต่ไหนๆ มาแล้ว

ต่อมามือถือก็แปรสภาพจากแบตเตอรี่หลายกิโลเป็นแท่งอิฐ ซึ่งสามารถใช้ถือไปถือมาเป็นอาวุธประจำกายคล้าย ป.ล.ย.บ.88 (ย่อมาจาก ปืนเล็กยาวแบบ พ.ศ.2488) ที่ผมเคยใช้เรียน รด. หนีการเกณฑ์ทหาร สมัยเป็นนักเรียนมหาลัย ที่ว่าคล้ายกันเพราะมันใช้เป็นกระบองทุบหัวฝ่ายตรงข้ามได้ ต่อมามือถือก็ได้รับการพัฒนาให้เล็กลงๆ จนสามารถตกลงในช่องระบายน้ำเน่าของกทม.ได้

ราคาของมือถือตอนแรกๆ ก็แพงมากเมื่อเจ็ดแปดปีก่อน เครื่องที่เล็กและเบาที่สุด แถมพับได้ด้วยคือ โมโตโรล่า ไมโครแทค 2 ซึ่งตอนเข้ามาใหม่ๆ ราคาเรือนแสน ซึ่งผมยังจำราคาได้ดีเพราะเคยหลงไปติดเบ็ดเป็นลูกค้าแล้วก็ยังคงติดเบ็ดใช้มา จนถึงปัจจุบันนี้ (และจนกระทั่งพังกันไปข้างหนึ่ง) ปัจจุบันนี้ราคามือถือลดลง และขนาดก็เล็กลงเรื่อยๆ ที่จริงแล้วราคามือถือไม่ควรแพงอย่างนั้น แต่รัฐบาลไทยยอมให้บริษัทมือถือโก่งราคา ถอนทุนคืนจนกลายเป็นกำไรล้นเหลือ ที่สหรัฐเขามีบริษัทมือถือแข่งขันกันมากจนแจกมือถือให้ผู้ใช้ฟรีๆ เพื่อหวังเอากำไร จากค่าใช้มือถือเท่านั้น ซึ่งก็มากพอที่จะอยู่ได้แล้ว บริษัทมือถือไทย โกยเงินกำไรมหาศาลมานานแล้วจนรวยไม่รู้เรื่อง บางเจ้ารวยจนทนไม่ไหว ต้องทำบุญกันแบบสุดฤทธิ์สุดเดชเพื่อหวังอายตนนิพพาน บางเจ้าก็เข้าเล่นการเมือง เอาเงินต่ออำนาจและต่อเงินต่อไป มือถือจึงมีความดีหลายสถาน

ปัจจุบันนี้ตลาดมือถือเมืองไทยเริ่มตื่น เริ่มจะเหมือนต่างประเทศที่เขาเจริญกันบ้างแล้ว มีบริษัทมือถือมากขึ้น เช่น บริษัทแท็ค บริษัทแอดวานซ์อินโฟเซอร์วิส บริษัทดิจิตอลโฟน และบริษัทตะวันโมไบล์เทเลคอม ทำให้มีแรงของตลาดเข้ามาบังคับราคา ลดราคาค่าเช่าใช้เวลามากมาย และทุกวันนี้ธุรกิจมือถือสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจไอเอ็มเอฟอย่างไม่น่าเชื่อ สมาชิกมือถือมีจำนวนมากขึ้นแทนที่จะลดลง จากการสำรวจตลาดพบว่า ในคน 900 คน อายุระหว่าง 15 ถึง 45 ปีมีถึง 12% ที่คิดว่ากำลังจะซื้อมือถือใหม่ภายในไม่กี่เดือนนี้ ตัวเลขอย่างนี้ถ้าไม่ให้วิเคราะห์ว่าคนไทยชอบพูดหรือพูดมากก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร

การใช้มือถือนับวันยิ่งมากขึ้น ทำให้มีอุบัติการณ์ทางร้ายๆ ที่เนื่องกับการใช้มือถือเกิดขึ้นได้มาก ผมเคยเห็นรถยนต์ชนสันกำแพงกั้นทางลงทางด่วนแบบผ่าหมาก เนื่องจากคนขับมัวแต่โทรมือถือ อีกรายชนบานประตูรถที่เปิดอ้าหลุดกระเด็นบนไหล่ทางขณะคนขับรถตู้ลงไปเช็ครถ แต่การบอกเล่าอย่างนี้ไม่มีใครเชื่อ บริษัทมือถือก็ออกมาเถียงตามฟอร์มว่าไม่มีหลักฐาน แต่ตอนหลังมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จากแคนาดาพบว่า มันทำให้เกิดอุบัติเหตุ เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า ตัวเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เขาห้ามใช้มือถือพูดคุย (ใช้ทำอย่างอื่นคงไม่ห้าม) ในขณะขับรถยนต์ในหลายประเทศเขามีกฎหมายห้าม เช่น บราซิล อิสราเอล ออสเตรเลีย และสวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น

หลายรายอ้างว่าคลื่นมือถือทำให้เกิดมะเร็งในสมองถึงกับฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย แค่ศาลยกฟ้อง เมื่อไม่นานมานี้ที่ประเทศหนึ่ง มีการฟ้องร้องบริษัทมือถือเรียกค่าเสียหายที่ทำให้เขาหลงลืม สมองเสื่อมเพราะการใช้มือถือมาก เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่านายคนนั้น เข้าไปชอปปิ้งแล้วใช้โทรศัทพ์มือถือด้วย เมื่อซื้อเสร็จก็ได้ลืมเอาของกลับ พอมาถึงบ้านแล้วจึงนึกได้ว่า ลืมของที่ซื้อไว้ พอกลับไปเอาของๆ ก็หายหมดแล้ว ทำให้เขาเสียหายมากทั้งนี้และทั้งนั้นก็เนื่องจากการใช้มือถือจนสมองเสื่อม (เขาบรรยายฟ้องว่าอย่างนั้น) คณะลูกขุนจะฟังแล้วเชื่อหรือไม่ก็ไม่รู้

การอ้างว่าคลื่นมือถือทำลายสุขภาพนี้มีทำกันมากแต่ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เจ่งๆ ออกมาแน่ชัด ในขณะนี้เมืองไทยก็มีการอ้างแบบนี้ โดยบริษัทมือถือบริษัทหนึ่งอ้างว่า การใช้มือถือที่มีกำลังสูง 2 วัตต์ ทำให้มีผลเสียต่อสมอง อีกบริษัทหนึ่งที่ขายเครื่องความแรง 2 วัตต์ ก็เดือดร้อนถึงขนาดมีการฟ้องร้องกันขึ้นแล้วขณะนี้เรื่องยังไม่จบ

และล่าสุดที่บันดาลใจให้ผมเขียนเรื่องมือถือนี้ก็คือเรื่องมือถือทำให้เกิดการระเบิดขึ้น ที่ปั๊มน้ำมัน เรื่องนี้เกิดขึ้นที่อินโดนีเซียในขณะที่แขกอินโดคนหนึ่งกำลังเติมน้ำมันรถ พลางปากก็พูดใส่มือถือพลาง ตาก็ก้มลงมองดูว่าน้ำมันเต็มถังหรือยังพลางก็เกิดระเบิดขึ้น สนั่นหวั่นไหวทำให้ไฟไหม้ บาดเจ็บ รถพัง (และต้องหยุดพูดด้วย) ที่เป็นอย่างนั้นเขารายงานว่าเกิดเพราะประกายไฟฟ้าจากมือถือ ทำให้ไอน้ำมันจากถังรถสันดาประเบิดขึ้น หนังสือพิมพ์ไซน่าโพสต์ในฮ่องกงลงข่าวว่า ขณะนี้บริษัทน้ำมันไซนีสปิโตรเลียมคอร์ปอเรชั่นได้สั่งห้ามลูกค้าเติมน้ำมันใช้มือถือในปั๊ม ทั้งนี้ไม่ใช่บริษัทในฮ่องกงที่เกิดจากอาการบ้าจี้ กระตู้ฮู้ไปบริษัทเดียว บริษัทน้ำมันในอังกฤษ ออสเตรเลีย ก็เอาด้วยและถึงตอนนี้บริษัทคาลเท็กซ์ไทย กำลังจะออกคำสั่งห้ามลูกค้าใช้มือถือในปั๊มแล้ว

ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องมือถือก็กำลังเถียงกันคอเป็นเอ็นว่า มือถือไม่น่าจะทำให้เกิดการระเบิดอย่างนั้น กว่าเรื่องนี้จะมีการลงเอยอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านผู้อ่านที่ไปเติมน้ำมันก็ควรจะงดใช้มือถือกันไว้ก่อน รอให้ใครทำรีเสิร์ตเรื่องนี้ จนได้เป็นศาสตราจารย์แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ ในขณะที่รอนี้มือถือก็ค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ที่คนไทยต้องถือไปถือมาเหมือนที่รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคกิจสังคมทำอยู่เป็นประจำนั่นแหละครับ



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 23 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600