มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



แก้ปัญหาให้ถูกจุด


เมื่อวันก่อนผมได้รับทราบเรื่องราวของรายการวิทยุรายการหนึ่ง ซึ่งมีเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมให้คนทำความดีด้วยการช่วยเหลือกันในสังคม
วันหนึ่งมีสมาชิกโทศัพท์ไปแจ้งว่า พบหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ใต้สะพานลอยคนข้าม เป็นเวลา 3 วัน 3 คืนแล้ว หญิงคนนี้ไม่ยอมนอนเอาแต่เดินไปเดินมา สมาชิกผู้นั้นพยายามชักจูงเธอให้กลับบ้าน ก็ไม่ยอมกลับ ผู้ดำเนินรายการจึงบอกว่า จะประสานงานกับรัฐมนตรีหญิงท่านหนึ่งให้ช่วยจัดการ

เรื่องนี้หากมองในแง่ของเจตนาที่จะช่วยเหลือผู้อื่น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่หากพิจารณารายละเอียดของกระบวนการในการแก้ปัญหาแล้วก็มีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายประเด็น

ประเด็นแรก คือ เป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่สมาชิกผู้เป็นชาย จะพยายามนำหญิงผู้นั้นไปส่งบ้านโดยลำพัง ถึงแม้จะมีเจตนาดี แต่พฤติกรรมแบบเดียวกันก็อาจเกิดขึ้นได้โดยคนที่มีเจตนาไม่ดี หรือประสงค์ร้าย

ประเด็นที่สอง คือ เป็นการเหมาะสมหรือไม่ที่จะไปนำรัฐมนตรี เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ รัฐมนตรีของเราไม่มีงานอื่นที่สำคัญกว่านี้ จะทำแล้วหรือจึงต้องมาจัดการเรื่องเล็กน้อยซึ่งควรแก้ไขได้โดยเจ้าหน้าที่ระดับอื่น ซึ่งหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรง หรือว่ารัฐมนตรีของเราชอบทำงานประเภทนี้เป็นงานหลัก เพื่อจะได้มีข่าวและเป็นการสร้างผลงานที่ภาคภูมิใจ

ประเด็นที่สาม คือ ใครเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการจัดการเรื่องนี้ เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์หรือใครกันแน่

มีหลายเรื่องที่เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง แต่เนื่องจากมีงานมาก จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิบางแห่งจัดการแทน นานเข้าก็เลยทำให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิเกิดความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงไปเลย และบางครั้งอาจกระทำการบางอย่างเกินขอบเขตไปได้ เรื่องทำนองนี้พบบ่อยในบ้านเรา ซึ่งเป็นลักษณะของการแก้ปัญหา โดยสร้างปัญหาใหม่ให้ตามแก้ไปในอนาคต

ในกรณีของหญิงสาวในเรื่องนี้ หากวิเคราะห์ตามข้อมูลของพฤติกรรมแล้ว ก็มีแนวโน้มว่าจะมีความผิดปกติทางจิตบางอย่าง ซึ่งอาจถึงเป็นโรคจิตก็ได้ เพราะคงไม่มีคนปกติคนใดไปอยู่ริมถนน เป็นเวลาหลายวันโดยไม่ยอมนอน

การพิจารณาเพียงว่า เขาพูดคุยรู้เรื่องหรือความจำยังดี แล้วก็เป็นคนปกติ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะคนเป็นโรคจิตไม่ใช่สมองเสื่อมหรือปัญญาอ่อน จึงต้องพูดไม่รู้เรื่องหรือจำอะไรไม่ได้ เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิดของคนจำนวนมาก
ผู้ที่พบเห็นพฤติกรรมแบบหญิงผู้นี้ จึงควรแจ้งเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เพื่อนำส่งสถานรักษาพยาบาลทางจิตเวชจะเป็นการเหมาะสมกว่า

การกระทำการใดๆ โดยพลการ และไม่มีอำนาจหน้าที่ อาจก่อให้เกิดความสับสน วุ่นวาย ดังตัวอย่างที่เคยเกิดมาแล้ว เช่น ได้รับแจ้งว่ามีมีคนฉุดหญิงสาวไปข่มขืน ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โดยไม่ทราบแหล่งข่าวชัดเจน ก็ยกกำลังไปขอตรวจค้นตามห้องต่างๆ ในโรงแรมนั้น ซึ่งเรื่องนี้ควรเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า คนที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ ไม่มีสิทธิ์ไปขอตรวจค้นตามที่ต่างๆ ถ้าหากประสบเหตุฉุดคร่ากันซึ่งหน้า แล้วทำการช่วยเหลือในฐานะพลเมืองดี จึงเป็นเรื่องน่าสรรเสริญ

กรณีของการช่วยเหลือผู้พยายามฆ่าตัวตายโดยขาดความรู้ เช่น เห็นหญิงสาวมีอาการมึนเมา ขึ้นไปเดินอยู่บนดาดฟ้า และปีนขึ้นไปบนขอบตึก ผู้ช่วยเหลือต้องเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่และมีความรู้ความเข้าใจในสถานการณ์ จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าบุคคลนั้นมีเจตนาจะฆ่าตัวตายจริงหรือเปล่า กระทำไปเพราะความมึนเมา หรือเรียกร้องความสนใจ หรือต้องการอะไรกันแน่ ต้องประเมินความเสี่ยงว่ามีโอกาสฆ่าตัวตายมากน้อยเพียงใด การตัดสินใจจู่โจมโดยขาดความรู้และประสบการณ์ อาจกลายเป็นการทำให้เขาตกใจ และต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง พลาดพลั้งอาจถึงแก่ชีวิตและกลายเป็นโศกนาฏกรรมไปได้

กรณีตำรวจพยายามเข้าไปแย่งปืนที่มีผู้ก่อเหตุหยิบฉวยไปจากลิ้นชักของตำรวจผู้นั้นบนโรงพัก จนเป็นเหตุให้ตำรวจถูกยิงตาย ก็เป็นตัวอย่างของความตั้งใจดีในการปฏิบัติหน้าที่ แต่มีความผิดพลาดในการตัดสินใจ

พฤติกรรมของชายที่มีประวัติยาเสพย์ติดเป็นประจำ และเล่าให้ใครต่อใครฟังว่า กำลังถูกตำรวจที่ค้ายาเสพย์ติดตามล่า อาจเป็นเรื่องจริงหรือเป็นอาการหลงผิด ในผู้ป่วยที่เป็นโรคจิตจากสารเสพย์ติดก็เป็นได้ ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วบุกไปขโมยปืนตำรวจ จากโรงพักอย่างนั้น ก็คงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไม่เหมาะสม แต่หากเป็นอาการหลงผิด ก็ไม่น่าจะต้องไปแย่งปืนจากเขาในสถานการณ์เช่นนั้น เมื่อเกิดเรื่องขึ้นก็นำความเศร้าโศกเสียใจมาให้ทุกคน และควรใช้เป็นบทเรียนในการตัดสินใจปฏิบัติการในกรณีคล้ายคลึงกับเรื่องนี้

ปัญหาบางอย่างในบ้านเมืองเราขณะนี้ ยังคาราคาซังอยู่ มิใช่เพราะผู้มีอำนาจหน้าที่ขาดความรู้ความสามารถในการแก้ปัญหา แต่เป็นเพราะไม่ยอมทำตามบทบาทหน้าที่ที่ควรปฏิบัติ

กรณีมีผู้ตั้งลัทธิใหม่ เผยแพร่ไวรัสเข้าสู่พุทธศาสนา และยังหลอกลวงคนให้หลงเชื่อ ถูกดูดทรัพย์จนหมดตัว บางรายต้องกู้หนี้ยืมสินมาผ่อนส่งค่าขึ้นสวรรค์ เพราะผู้ดำเนินการแก้ปัญหา แสดงเจตนาชัดเจนว่าต้องการโอบอุ้มฝ่ายที่มีความผูกพันกัน เช่นเดียวกับที่เคยโอบอุ้มอลัชชีสีเขียวมาแล้ว

การที่จะหวังให้คนเกิดความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนา และใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาให้เกิดการดับทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลสคงเป็นเรื่องยากมาก และคนที่มีความสามารถทางปัญญาระดับนี้ยังมีน้อย คนส่วนใหญ่ยังนับถือพุทธ แต่บูชาผี ซึ่งเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในระดับจิตไร้สำนึกมานานแล้ว การเปลี่ยนแปลงความเชื่อแบบนี้ต้องใช้เวลานาน ต้องวางแผนอย่างเป็นระบบ หลังผลในระยะยาวมากว่าระยะสั้น

การแก้ปัญหาทุกอย่าง ต้องวิเคราะห์ประเด็นปัญหา ค้นหาสาเหตุ และคิดหาวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ และมีขั้นตอน ปัญหาทั้งปวงต้องแก้ด้วยปัญญา มิใช่แก้ด้วยสิ่งก่อสร้างใหญ่โต และไม่ต้องใช้ความสวยงามของร่างกายมาช่วยแต่อย่างใด

นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 23 ฉบับที่ 7 กรกฎาคม 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600