คงไม่มีใครอยากเจ็บไข้ได้ป่วยประเภทสามวันดีสี่วันไข้ ชีวิตต้องแวะเวียนเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
คงไม่สร้างความสุขให้กับชีวิตแน่ๆ ถ้าไม่อยากเป็นคนขี้โรค
ที่ต้องอาศัยโรงพยาบาลเป็นที่พักพิง ก็คงต้องดูแลสุขภาพกันหน่อย
หลายๆ คนต่างก็พยายามหาวิธีบำรุงรักษาสุขภาพตนเองด้วยรูปแบบต่างๆ ซึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจกันมากในปัจจุบันก็คือ การบำรุงด้วยวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนานาชนิด จนแทบจะบริโภคกันแทนอาหารหลักในแต่ละวันเลยทีเดียว
จริงๆ แล้วการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง
ของการมีสุขภาพที่ดี วิธีที่ดีที่สุดก็คือ รู้จักดูแลตัวคุณเอง เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบหมวดหมู่และสมดุลตามหลักโภชนาการ ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอสักวันละ 20-30 นาที นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส แต่ขณะเดียวกันก็ต้องหลีกเลี่ยง
สิ่งบั่นทอนสุขภาพทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาหารที่ปนเปื้อนสารพิษ ฯลฯ
เมื่อไม่นานมานี้ นักวิจัยพบอาหารจากพืชมีสารพฤษเคมี (phytochemical) ที่ให้ผลในการรักษาสุขภาพ ทำให้อาหารสมุนไพรได้รับความสนใจ กลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเสริมสุขภาพ
ชาวจีนเป็นชาติที่ใช้สมุนไพรในการปรุงอาหาร เช่น ในรูปของซุปไก่ หรือเป็นยาบำรุงที่นิยมกันแพร่หลาย ช่วยฟื้นฟูพละกำลังในยามเจ็บไข้
หรือเป็นยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
สมุนไพรจีนที่ชาวจีนนิยมบริโภคในชีวิตประจำวันมีหลากหลายชนิด
อาทิ บักคี้ เซ็กตี่ ดังเซียม แปะเจียก ชวงเกียง ฮกซิ่ง แปะตุ๊ก กำเช่า เฉ็กฉง ฯลฯ แต่ถ้าจะกล่าวถึงสุดยอดของสมุนไพรที่มีสรรพคุณ ก็ต้องยกให้ โสม ตังกุย
ถั่งเฉ้า และเห็ดหลินจือ ซึ่งชาวจีนเชื่อว่ามีสรรพคุณ
ในการช่วยบำบัดรักษาป้องกันโรคภัยต่างๆ แล้วยังมีประโยชน์ต่อการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย สรรพคุณที่ระบุไว้ในตำราสมุนไพรมีดังนี้
โสม - จัดว่าเป็นสุดยอดของสมุนไพรจีน
ที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย สารสำคัญในโสมคือ
จินเซนโนไซด์ และฮอร์โมนเอสโตรเจน
มีสรรพคุณต่อกล้ามเนื้อหัวใจ หลอดเลือดหัวใจ บำรุงอวัยวะภายใน
บำรุงประสาท บำรุงสมอง ทั้งในแง่ของการเสริมและสร้าง ชาวจีนเชื่อกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ว่าถ้ารับประทานเป็นประจำ
จะทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืนยาวขึ้น ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ชาวจีนเชื่อมั่นว่าโสมมีส่วนช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของคุณผู้ชายทั้งหลาย โสมมีสรรพคุณที่ติดปากชาวจีนมานาน
ตังกุย - อุดมด้วยวิตามินบี 12 มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตทำให้ประจำเดือน
มาเป็นปกติและสม่ำเสมอ ช่วยขจัดน้ำคาวปลาตกค้างหลังคลอดบุตร
รวมถึงการสร้างกล้ามเนื้อต่างๆ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ร่างกายแข็งแรง โดยแพทย์จีนโบราณได้ยกให้ตังกุย
เป็นสมุนไพรขนานเอกสำหรับสตรี
ถั่งเฉ้า - มีคุณประโยชน์ต่ออวัยวะภายใน
เช่น ปอด ตับ ไต เสริมสร้างสุขภาพ เพิ่มพลังงาน บำบัดอาการไอ
ไอเลือด และโรคปอด นอกจากนี้ถั่งเฉ้ายังสามารถบำบัดอาการหืดหอบ ทำให้การเต้นของหัวใจปกติและทำให้นอนหลับสบาย
เห็ดหลินจือ - หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
"เห็ดหมื่นปี" หรือ "เห็ดมหัศจรรย์" ชาวจีนนิยมใช้กันมากว่า 2000 ปี ปัจจุบันได้มีการค้นคว้าทดลองหาสรรพคุณของเห็ดหลินจือ
กันอย่างแพร่หลายในหลายๆ ประเทศ นักวิจัยพบว่า เห็ดหลินจือมีสรรพคุณโดยตรงต่อระบบการทำงานของหัวใจ
ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา
คอเลสเตอรอลสูง เส้นเลือดอุดตัน หลอดเลือดแข็งตัว
ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเส้นเลือดสูง
ส่วนประกอบสำคัญของเห็ดหลินจือ ที่นักวิจัยค้นพบ คือ
โพลีแซคคาไรด์ (Polysaccharide) ซึ่งเป็นน้ำตาลที่มีโครงสร้างโมเลกุลเชื่อมต่อกันเป็นลูกโซ่ ที่สำคัญคือ โพลีแซคคาไรด์ที่มีอยู่ในเห็ดหลินจือตามธรรมชาติ จะมีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างจากโพลีแซคคาไรด์ที่ได้จากแหล่งอื่นๆ ซึ่งมีประโยชน์ต่อการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
จะเห็นได้ว่าสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาแต่โบราณนั้น
มีคุณประโยชน์ต่อการบำรุงรักษาร่างกายไม่แพ้ยาแผนปัจจุบัน และการใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในรูปของอาหาร
ยังไม่พบว่าชนิดใดที่เกิดการสะสมหรือตกค้างในร่างกาย
เหมือนกับในรูปของยา
การบริโภคสมุนไพรตามแบบฉบับของไทยนิยมรับประทานกัน
ในรูปของยาเม็ดลูกกลอนดำๆ อาจจะไม่ปลอดภัยเสมอไป แต่ถ้าจะรับประทานในรูปของอาหารสมุนไพรตามแบบของชาวจีน เช่น ซุปไก่สกัดที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ซึ่งนอกจากจะได้คุณค่าทั้งจากสมุนไพรแล้ว ยังได้รับคุณค่าอาหารในรูปของโปรตีนและวิตามินต่างๆ ซึ่งมีประโยชน์ในการบำรุงเสริมสร้างร่างกายควบคู่กันไป ที่สำคัญคือยังคงไว้ในรูปของอาหารธรรมชาติ
การใช้สมุนไพรในรูปของอาหารในชีวิตประจำวัน
จะทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดปราศจากโทษ เพราะสมุนไพรเป็นพืชที่มีสารอาหารมากมายหลายชนิด
ที่จะเสริมการทำงานของสารต่างๆ ในร่างกาย
และร่างกายยังได้รับประโยชน์จากอาหารอื่นๆ
เป็นส่วนประกอบอาหารที่ปรุงด้วย
ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรไทยหรือจีน หากรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะสม ร่างกายย่อมจะได้ประโยชน์ในการรักษาสุขภาพแน่นอน
อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช
Registered Dietitian (U.S.A.)
|