มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
ถ้าที่นี่ขัดข้อง ไปที่นี่ก็ได้ครับ http://i.am/thaidoc หรือ http://hey.to/yimyam


ป่วยไข้ยามตั้งครรภ


ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ คนเราทุกคนก็อยากอยู่สุขสบายกันทั้งนั้นแหละครับ แต่คนก็คือคน ต้องมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย กันเป็นเรื่องธรรมดา จะไม่ป่วยไม่ไข้กันเลยในชีวิตนี้ หมออย่างผมคงต้องตกงานกันหมดแน่

บางทีความเจ็บป่วยนั้นก็มาของมันเอง ตอนไม่ตั้งครรภ์ก็เจ็บป่วยเป็นหวัด เป็นโน่นนี่ปีนึงตั้งหลายหน ตั้งครรภ์นานตั้ง 9 เดือนก็มีโอกาสเจ็บป่วยมากทีเดียว แต่โชคดีที่ความเจ็บป่วยพื้นๆ ที่เกิดขึ้นโดยมากก็ไม่มีผลใดๆ ต่อลูกในครรภ์...โล่งอกไป

หาหมอไว้ก่อน...แม่สอนไว้

หลักง่ายๆ เมื่อเจ็บป่วยก็คือ ควรไปหาหมอเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง อาจไปพบสูตินรีแพทย์ที่ฝากครรภ์ไว้ หรือหากไปพบหมออื่น ก็ต้องบอกให้ทราบด้วยทุกครั้งว่า ตั้งครรภ์อยู่ เพราะคุณหมอ จะได้สั่งยาที่ใช้ได้อย่างปลอดภัย ทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ โดยมากคุณหมอจะให้กินยา เท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อผลกระทบต่อลูกในครรภ์น้อยที่สุด... คนไข้บางคนก็ไม่เข้าใจนะครับ เห็นหมอสั่งยาให้กินแค่สองอย่าง หาว่าหมอขี้เหนียวบ้างล่ะ เลี้ยงไข้บ้างล่ะ คนไข้บางคนชอบยาเยอะๆ ดูแล้วมันขลังดี แค่กินยาก็อิ่มแล้ว ยาน้อยๆ กินแล้วไม่สบายใจ... กลัวไม่หายว่างั้นเถอะ

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ห้ามซื้อยามากินเองเด็ดขาด เพราะยาบางอย่าง อาจมีอันตรายร้ายแรงต่อลูกในครรภ์ได้

คุณแม่ตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ ที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย ก็มักจะมาจากโรคหวัด หรือไม่ก็ท้องเสียเป็นหลัก ทั้งสองโรคนี้พอ สังเกตอาการดูแลตัวเองได้ครับ ส่วนโรคอื่นๆ นอกเหนือจากนี้อย่าได้ วินิจฉัยเอาเอง

ถามหมอให้แน่ใจ

เวลาไปหาหมอ อยากให้คุณแม่ถามคุณหมอ ให้แน่ใจเสมอนะครับ ที่ต้องถามก็คือ
"เป็นอะไร... มีผลต่อลูกในครรภ์หรือเปล่า... ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร... จะมีภาวะแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือเปล่า... แล้วประมาณอีกกี่วันหาย"
ที่ต้องบอกให้ถาม เพราะหมอบางคนก็ช่างพูดเสียจริง ส่วนบางคนก็ไม่ค่อยพูด (ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ของคนเรียนเก่งบางคนนะครับ) คนไข้ไปหาหมอกลับมา... ถามว่าเป็นอะไรยังไม่รู้เลย เลยไม่รู้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร มีผลต่อลูกหรือเปล่า เสร็จแล้วก็มานั่งกังวล ยาก็ไม่ได้กินสักเม็ด ไม่รู้หาหมอทำไม เสียตังค์เปล่าๆ

มาพบหมอเพื่อความปลอดภัย

หวัดมาเยือน

บ้านเราอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ บางวันแดดก็ร้อนเปรี้ยง เดี๋ยวก็ฝนตก คนจึงเป็นหวัดกันง่ายๆเป็นทีก็เป็นกันทั้งบ้าน คุณแม่ตั้งครรภ์ แม้จะระวังเต็มที่ก็ไม่รอดติดหวัดซ้ำจนได้

ไข้หวัดเป็นโรคที่สูติ-นรีแพทย์ต้องตรวจรักษา ให้คำแนะนำกันมากที่สุด จนหมอเองยังพลอยติดหวัดตามไปด้วย อย่างผมก็โดนว่าอยู่เรื่อยๆ หมอเป็นได้ยังไง ตัวเองไม่สบายอยู่เรื่อยๆ...หมอก็เป็นคนเหมือนกันนี่ครับ ก็ต้องป่วยบ้างเป็นธรรมดา สงสัยเขาคงนึกว่า เป็นหมอแล้วเชื้อโรคกลัว ไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้มั้ง

หวัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายมาก เพราะสามารถติดต่อได้ทางการหายใจ หากมีใครสักคนเป็นหวัดอยู่ทั้งไอ ทั้งจาม ปล่อยละอองน้ำลาย ที่อุดมไปด้วยเชื้อโรคกระจายเต็มไปหมด แล้วเราเดินเข้ามาในบริเวณนั้นพอดี เลยหายใจเอาอากาศที่เต็มไปด้วยเจ้าเชื้อโรคตัวนี้ เข้าไป เชื้อเหล่านี้เมื่อล่องลอยผ่านโพรงจมูกเข้าไป ก็จะไปติดตรงบริเวณคอของเรา ซึ่งมีอาการให้เชื้อโรคอย่างสมบูรณ์ เชื้อโรคแพร่พันธุ์จนเต็มไปหมด ทำให้เกิดอาการอักเสบ มีไข้ ตัวร้อน เจ็บคอ พอคอมีการระคายเคือง ก็จะสร้างมูกออกมาเป็นเสมหะ มีน้ำมูกไหล คัดจมูก หายใจไม่ออก

ไข้หวัดเกือบครึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรงอะไร สามารถหายได้เองโดยไม่ต้องทานยาประเภทยาแก้อักเสบ หากมีอาการแค่คัดจมูก น้ำมูกไหลใสๆ มีไข้ตัวร้อนไม่มาก ไม่เจ็บคอมาก ไม่มีเสมหะเขียวๆ แค่กินยาพาราเซตามอล กินน้ำอุ่นเยอะๆ รักษาร่างกายให้อบอุ่น พักผ่อนเยอะ อาการก็มักจะมีขึ้นเองใน 2-3 วัน

แต่หากอาการไม่ดีขึ้น เจ็บคอมากขึ้น มีอาการไอ เสมหะข้นเหนียว อย่างนี้ควรไปหาคุณหมอได้แล้วครับ ไข้หวัดนั้นตัวมันเองเป็นแค่การอักเสบ ของทางเดินหายใจส่วนต้นเท่านั้น กินพื้นที่แค่ 1-2 นิ้ว เหนือกล่องเสียงของเราเท่านั้น หากการอักเสบลุกลามไปถึงกล่องเสียง ก็จะทำให้เสียงแหบ การอักเสบเฉพาะที่แค่นี้ ห่างไกลจากลูกในท้องของเราเยอะ...ที่ต้องระวังก็เรื่องยาที่กินนี่แหละครับ

ยาแก้อักเสบหากใช้ยากลุ่มเพนนิซิลลิน เช่น แอมพิซิลลิน อม็อกซีซิลลิน ก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยแต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่มีประวัติแพ้ยาเหล่านี้มาก่อน

ยาแก้ไอก็เป็นยาที่ต้องเลือกใช้ให้ดี เพราะยาบางอย่างอาจมีสารกดการไอ ที่มีฤทธิ์เป็นยาเสพย์ติดบางอย่างก็มีแอมโมเนีย แอลกอฮอล์ ซึ่งก็ควรหลีกเลี่ยงในระหว่างที่ตั้งครรภ์

สรุปก็คือ ต้องคุยกับคุณหมอจนมั่นใจเสมอว่ายาที่ใช้รักษาจะปลอดภัยต่อลูกในครรภ์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง

นอกจากกินยาตามที่คุณหมอให้มาแล้ว ก็ควรดื่มน้ำอุ่นมากๆ จะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็ว เพราะน้ำอุ่นๆ นี่แหละครับเป็นยาแก้ไอ และช่วยขับเสมหะที่ดีที่สุด เพราะเสมหะมีคุณสมบัติคล้ายๆ วุ้น ซึ่งเมื่อถูกความร้อนจะเหลวใส แต่ถ้าถูกความเย็นก็จะเหนียวข้น ดังนั้นยิ่งกินน้ำเย็นเสมหะก็จะยิ่งเหนียวติดแน่น คันในคอ จะยิ่งไอมากขึ้นอีกต่างหาก

และก็ควรอยู่ในที่ที่อากาศไม่เย็น ร้อนๆ นี่แหละดี ยิ่งร้อนจนเหงื่อแตกยิ่งหายเร็ว ยิ่งหนาวยิ่งกลับทำให้ไข้ขึ้น ถ้าต้องทำงานในห้องแอร์ต้องใส่เสื้อหนาๆ เข้าไว้


หลักนี้...จำให้มั่น

เมื่อมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ขณะตั้งครรภ์ ให้คุณแม่ถือหลักง่ายๆ ว่า โรคที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ ไม่มีผลต่อระบบอื่นๆ ของร่างกาย เช่น เป็นหวัดก็แค่อักเสบที่คอนิดเดียว เป็นฝีที่นิ้วก็เป็นแค่บริเวณนั้น ที่เดียวไม่มีผลกระทบต่อลูกในครรภ์ ใดๆ ทั้งสิ้น ที่ต้องระวังก็เรื่องการใช้ยา
โรคที่มีผลกระทบ ต่อลูกในครรภ์ก็มีมากมาย แต่จะเป็นโรค ที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงาน ของร่างกายหลายอย่าง เป็นโรคทั้งตัวไม่ได้เป็น แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคพวกนี้ ต้องมีการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกเกิดรอดปลอดภัย และแม่มีสุขภาพที่ดี สามารถควบคุมโรคได้

ไข้หวัดมักจะดีขึ้นใน 3 วันหลังจากเริ่มกินยา อย่าไปคาดหวังนะครับว่า กินยาปั๊บ ต้องหายปุ๊บ กินยาวันแรกก็ยังเฉยๆ วันที่ 2 ก็ดีขึ้นหน่อยนึง แต่วันที่ 3 นี่แหละ ที่เริ่มจะหาย เป็นอย่างนี้มึกคนแหละครับ แต่คนเรามักคาดหวังเอาไว้สูง คราวนี้ไปหาหมอ ค่ายาแพงต้องหายเร็ว กินยาไป 2 วันยังไม่หาย ก็เริ่มหมดความอดทน แล้วล่ะครับวันที่ 3 ก็เลยเปลี่ยนหมอกินยาทีเดียวก็หาย ที่จริงมันก็จะหายอยู่แล้วล่ะครับ ตามวงจรของโรค... หมอคนหลังเลยสบายไป

ท้องเสีย...จู๊ด...จู๊ด

อีกโรคที่เจอบ่อยคือ โรคท้องเสีย คนไทยเราสะดวกซื้อ สะดวกกินไม่มีมาตรฐาน ด้านความสะอาดเท่าไหร่หรอกครับ เลยเป็นโรคท้องเสียกันบ่อยๆ แต่ที่จริงก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะทำให้คนไทยเรา มีภูมิต้านทานโรคเยอะ กว่าชาติอื่นๆ พวกฝรั่งมาเมืองไทยนี่ กินได้เฉพาะน้ำขวดบรรจุเสร็จ เท่านั้นแหละ
ให้มากินน้ำลำใย น้ำเขียว น้ำแดงข้างทางรับรองจู๊ดๆ ทุกราย

คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดท้องเสีย ก็ใช่ว่าต้องกินยาทุกรายไป หากไม่มีไข้ตัวร้อน ไม่ปวดท้องรุนแรงมากถ่ายออกมาเป็นน้ำเหลืองๆ ไม่มีมูก ไม่มีเลือดปน รอดูอาการไปก่อน หากถ่ายน้อยลงๆ แล้วหาย ก็ไม่ต้องทานยาอะไร แต่ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่สูญเสียไป แต่หากมีอาการปวดท้องมากขึ้น ถ่ายเป็นมูกปนเลือดมีไข้ มีอาการอ่อนเพลีย เสียน้ำมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ อย่ารอช้า

ท้องเสียไม่ได้มีผลกระทบร้ายแรงต่อลูกในครรภ์หรอกครับ เชื้อโรคทั้งหลายอยู่เฉพาะในลำไส้เท่านั้น จะมีผลแค่ทำให้ลูกดิ้นมากผิดปกติเท่านั้นเอง ก็มดลูกถูกรายล้อมรอบด้วยลำไส้นี่ครับตอนท้องเสีย ลำไส้จะบีบตัวเสียงดังโครกคราก ลูกซึ่งอยู่ในมดลูก คงรู้สึกเหมือนมีฟ้าร้องโครกครากอยู่รอบตัวไปหมด ไม่เป็นอันหลับอันนอนเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ดี โรคต่างๆ ก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป เป็นมากเป็นน้อยแตกต่างกันไป ทางที่ดีควรสอบถามจากคุณหมอที่ฝากครรภ์ไว้เป็นดีที่สุด หากมีอาการมากก็รีบไปพบแพทย์เสีย อย่าได้นิ่งนอนใจ

ที่สำคัญอย่าได้ซื้อยากินเองเด็ดขาด...เดี๋ยวจะกลายเป็น "โรครู้เท่าไม่ถึงการณ์" ...โรคฮิตของคนไทย

น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์


[ที่มา..นิตยสารดวงใจพ่อแม่ ่ ปีที่ 4 ฉบับที่ 45 กรกฎาคม 2452]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600