มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



มีลูกตอนแก่


วันก่อนดูข่าวต่างประเทศทางทีวี มีข่าวของพ่อแม่ลูก ลูกอายุ 2 ขวบ ภาพข่าวแสดงให้เห็นถึงความสุขของครอบครัวนี้สามคนพ่อแม่ลูก ที่กำลังเดินเล่นอยู่ในส่วนสาธารณะ คุณแม่เดินไปเข็นรถที่มีลูกนอนหลับไป พร้อมๆ กับคุณพ่อที่เดินตามหลังมาติดๆ
ทั้งคุณพ่อคุณแม่มีหน้าตาอิ่มเอิบเบิกบาน แสดงให้รับรู้ถึงความสุข ที่มีอยู่ในจิตใจของคนทั้งสอง

ฟังดูแล้วมันก็ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้น มันก็น่าจะเหมือนกับอีกหลายๆ ครอบครัวที่มีลูกเล็กๆ ก็ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดาแต่ครอบครัวนี้ไม่ธรรมดาครับ เพราะอะไร

ก็เพราะว่า...
มันไม่ธรรมดาในเรื่องของอายุของผู้เป็นแม่และผู้เป็นพ่อ
เอาละฝ่ายพ่อนั้นพอทำเนา เพราะผู้ชายเสียอย่าง
หากยังเตะปี๊บดังก็ทำให้ผู้หญิงท้องได้ทั้งนั้นแหละ
ความไม่ธรรมดาจึงตกอยู่ที่ฝ่ายแม่เพียงคนเดียว
เพราะคุณเธออายุปาเข้าไปตั้ง 65 ปี แล้ว
ย้ำ!!...หกสิบห้าปี

นั่นก็หมายความว่า คุณเธอเริ่มมีลูกกันเมื่ออายุ 63 และเริ่มตั้งครรภ์เมื่ออายุ 62 ปี จึงไม่ใช่ของธรรมดา หากจะเป็นได้ก็น่าจะเป็นคุณย่าคุณยายเสียละมากกกว่าที่จะเป็นแม่
แต่รายนี้เธอเป็นแม่จริงๆ ของเด็กอายุ 2 ขวบ แน่นอนหละครับว่า กว่าที่เธอจะตั้งท้องและมีลูกออกมาได้นั้นคงต้องอาศัยเทคโนโลยี สมัยใหม่ช่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นับตั้งแต่การกระตุ้นรังไข่ที่เลิกทำงานไปนานแล้วนั้น ให้มันกลับมาทำงานอีกครั้ง แล้วคงจบลงด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว โชคดีที่คุณเธอวัย 62 เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาได้ ซึ่งโอกาสคุณผู้หญิงวัยนี้ จะตั้งครรภ์ได้ถึงแม้จะเป็นการทำเด็กหลอดแก้วก็ตาม มันมิใช่ของง่ายเลยแม้แต่น้อย

แต่เอาละ คุณเธอก็สามารถมีลูกได้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน และคุณเธอก็มีความสุข คุณเธอยอมรับว่าการมีลูกออกมานั้นมันทำให้คุณเธอรู้สึกตัวว่า เป็นสาวขึ้นมาหลายปีในความรู้สึกเหมือนกับสาวๆ วัยเจริญพันธุ์อะไรทำนองนั้น มันเลยทำให้เธอปรับปรุงตัวเธอเองให้เหมือนแม่ทั่วๆ ไป ทั้งการแต่งกายที่ย้อนวัย การปฏิบัติตัวที่กระฉับกระเฉงไม่เหมือนผู้หญิงวัย 65

คุณเธอทำงานบ้านและเลี้ยงลูกด้วยตนเอง ผมดูจากหนังข่าวที่ถ่าย ทำให้เห็นชีวิตประจำวันของเธอและครอบครัวแล้วต้องยอมรับว่า คุณเธอมีความสุขและสาวกว่ากันเยอะ

ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังมีคนออกมาวิจารณ์ไม่เห็นด้วยกับการมีลูกกันตอนแก่ โดยให้เหตุผลหนักไปทางเด็กเสียมากกว่า แน่ละพ่อแม่มีลูกก็ต้องดีใจสนุกตื่นเต้น เป็นการสนองตัณหาของตนเอง แล้วเด็กล่ะ ?

ถ้ามองไปถึงตัวเด็ก ตอนนี้เด็กอายุ 2 ขวบ แม่อายุ 65 พ่ออายุ 63 ครับ พ่ออายุน้อยกว่าแม่สองปี เมื่อเด็กอายุ 7 ขวบ ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการศึกษา คุณแม่ก็จะอายุ 70 เมื่อเด็กจบชั้นอนุบาล เริ่มเข้าเรียนชั้นประถม คุณแม่อายุ 73 เด็กจบชั้นประถมเข้าต่อระดับมัธยมศึกษา คุณแม่ก็จะอายุเกือบ 80 เรียนมัธยมอีก 6 ปี เมื่อจบชั้นมัธยม จะเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา หรือระดับมหาวิทยาลัยคุณแม่ก็อายุ 86 เรียนมหาวิทยาลัยอีก 4-5 ปี จบปริญญาตรี คุณแม่ก็อายุปาเข้าไป 90 เมื่อเขามองก็ตรงประเด็นนี้

ดูเหมือนว่า สถาบันครอบครัวที่คุณแม่อายุมากๆ แบบที่เป็นข่าว จะเป็นสถาบันครอบครัวที่ปกติสุขคงเป็นไปได้ยาก ทางหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ คงอยากจะเป็นห่วงเอามากๆ กับเหตุการณ์ทำนองนี้ แม้แต่ทางการแพทย์เอง ก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ถึงกับได้ออกมาสะกิดเตือนๆ กันบ้างเหมือนกัน ให้พิจารณาดูดีๆ หน่อยกับการรักษาผู้มีบุตรยาก

ควรจะนึกถึงอะไรหลายๆ อย่าง สักใช่แต่ว่าตั้งหน้าตั้งตาทำลูกให้โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ใครจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ยิ่งในสมัยนี้เป็นสมัยของยุคเด็กหลอดแก้ว เทคโนโลยีการทำเด็กหลอดแก้วยังคงวิวัฒนาการกันไปเรื่อยๆ

ความสำเร็จดูเหมือนจะดีขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไร ที่นักวิทยาศาสตร์บวกกับแพทย์บวกกับนักพันธุศาสตร์จะทำอะไรไม่ได้

ทำได้หมดและคิดจะทำลูกเดียว

ครับ บางครั้งบางคราวทำไปเพื่อหวังผลเพียงด้านเดียว ไม่คิดให้รอบคอบหลายๆ ด้าน ผลเสียอาจเกิดขึ้นมาได้

อย่างไรก็ตาม ผมก็เชื่อว่าคุณๆ ทั้งหลายที่อยากมีลูกและปล้ำจะให้มีลูก แม้จะต้องพยายามเสียเงินเสียทองมากมายแค่ไหนก็ยอมนั้น คงคิดสะระตะมาอย่างดีแล้วแน่นอน

น.พ.พนิตย์ จิวะนันทประวัติ



[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 334 ธันวาคม 2542 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600