เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติประจำปี 2542 นี้ ถ้าถือตามปีปฏิทินฝรั่งคือ ค.ศ.1999 แล้ว
นับเป็นปีที่มีความหมายต่อพลโลกมาก เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ชาวโลกก็จะเข้าสู่ศตวรรษใหม่ (ปี ค.ศ.2000-2100) หรือสหัสวรรษใหม่ (ปี 2000-3000)
ซึ่งคงจะมีเรื่องน่าตื่นเต้นทางวิทยาศาสตร์มาให้เราได้รู้จักและใช้สอยอีกมากมาย
แต่ไม่ว่าโลกจะเจริญก้าวหน้าทางวัตถุเพียงใดก็ตาม มนุษย์คงต้องปฏิบัติตน
ตามที่ธรรมชาติกำหนดหรือเป็นไปตามสัจธรรมแห่งชีวิตนั่นคือ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย"
เมื่อพูดถึงการ "เกิด" แล้ว เราคงนึกถึงแต่เรื่องที่น่าชื่นชมยินดี
คือทำให้เราเห็นภาพการตั้งท้องของคู่สมรสที่กำลังจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่
มีการฝากท้อง, ประคบประหงมครรภ์มิให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีการคลอดของสมาชิกใหม่
ที่สร้างความสมบูรณ์ให้แก่คำว่า "ครอบครัว"
ความแตกต่างของการมีลูกในศตวรรษใหม่เมื่อเทียบกับศตวรรษที่ผ่านมาก็คือ
ขนาดของครอบครัวที่เล็กลงและพ่อแม่มีอายุยืนขึ้น
ขอขยายความให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าความพยายามของทุกประเทศในโลก
ที่ผลักดันโครงการวางแผนครอบครัว ทำให้คู่สมรสมมีลูกน้อยลงเหลือ 1-2 คน เท่านั้น
ขณะเดียวกันคู่สมรสก็ได้ประโยชน์จากการแพทย์การสาธารณสุขที่ก้าวหน้า
จนมีผลทำให้เจ็บป่วยน้อยลงและอายุขัยยาวออก เฉลี่ยแล้วจะมีอายุเกิน 70 ปี
อย่างนี้ก็หมายความว่าคู่สมรสแต่ละคู่จะใช้เวลาในการเลี้ยงดูลูกน้อยกว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของเรา
ที่ว่าน้อยกว่าในที่นี้หมายความว่า การที่เรามีลูกแค่ 1-2 คน ย่อมเสียเวลา
และเหน็ดเหนื่อยน้อยกว่าบรรพบุรุษ ซึ่งมีลูก 3-4 คนขึ้นไป
เมื่อเป็นอย่างนี้ โดยหลักการแล้วคนรุ่นใหม่น่าจะเลี้ยงลูกได้ดีกว่าในเชิงคุณภาพ
แต่ปรากฏว่ามันไม่ได้เป็นตามคาด ทั้งนี้คงเป็นด้วยเหตุปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้คู่สมรส
ตัดสินใจออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ต่างจากปู่ย่าตายายของเราซึ่งผู้หญิงจะอยู่กับบ้าน
เพื่อเลี้ยงลูกให้เติบใหญ่อย่างมีคุณภาพ ขณะที่คนรุ่นใหม่ฝากชีวิตและอนาคตของลูกน้อย
ไว้กับคนใช้หรือถ้าโชคดีก็ไว้กับญาติสนิท ซึ่งถึงอย่างไรก็ยังสู้คุณแม่ตัวจริงไม่ได้
จึงเป็นเรื่องน่าเสียดายที่คุณแม่สมัยใหม่ยอมเสียโอกาสทองของชีวิต (3 เดือนแรกของลูก)
ท่านผู้อ่านลองคิดดูว่าเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่เด็กๆ สมัยใหม่มีจิตใจก้าวร้าวและใฝ่ดีน้อยลง
เราจะนำสภาพครอบครัวที่อบอุ่นคืนมาได้อย่างไร
สายสัมพันธ์ในขวบปีแรก
วงการแพทย์ค้นพบความจริงว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่และลูกน้อยในเดือนแรกๆ หลังคลอด
มีความสำคัญขนาดต่อความเป็นความตายของลูกในโอกาสต่อไปก็ว่าได้
ยิ่งคุณแม่ดูแลประคบประหงมลูกน้อยใกล้ชิดเพียงใด สายสัมพันธ์ของแม่ลูกก็จะแนบแน่นเพียงนั้น
เพราะนั่นคือพื้นฐานของความรัก, ความผูกพัน, ความมั่นใจ, การปกป้อง, ความรู้สึกทั่วไปของแม่ต่อลูก
ทารกตัวน้อยๆ ต้องการการกระตุ้นด้วยการพูดคุยหรือเล่นหัว กอดจูบหรืออุ้มเดินเล่น
เพื่อทำให้พัฒนาการทางจิต, กายและอารมณ์เป็นไปตามปกติ
คุณแม่ทุกคนจึงควรหยุดกิจกรรมอื่นๆ ทุกอย่างเพื่อยู่เลี้ยงลูกอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือน
เพื่อให้แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ที่มีผลต่อพัฒนาการของลูกในเวลาต่อมานั้นจะได้รับการเสริสร้างขึ้น
การเตรียมตัวเป็นแม่
เมื่อท่านทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ขอให้ไปฝากท้องกับสูติแพทย์เจ้าประจำ
หรือหมอทำคลอดที่ญาติสนิทมิตรสหายแนะนำมา ข้อสำคัญคือขอให้ไปพบหมอตามนัด
หากเป็นไปได้พาพ่อคุณหวานใจไปด้วยเพื่อร่วมเตรียมตัวเตรียมใจเป็นพ่อแม่ด้วยกัน
ถ้ามีการเปิดชั้นเรียนสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ก็ควรจะให้ว่าที่คุณพ่อไปร่วมชั้นเรียน
อีกทั้งมีส่วนร่วมกับคุณแม่ในการเลือกข้าวของเครื่องใช้สำหรับเด็ก
และถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นคุณพ่ออาจขอเข้าไปอยู่ในห้องคลอดด้วยก็ได้
ในระหว่างการตั้งครรภ์นี้ ถ้าหากเป็นการตั้งท้องแรกและคุณอยากจะหยุดงานเพื่อเลี้ยงลูกเต็มเวลา
ก็คงต้องคิดคำนวณดูว่า รายได้ที่หดหายไปนั้นจะกระทบสถานภาพทางเศรษฐกิจของครอบครัวอย่างไรหรือไม่
บ่อยครั้งการที่ยืนอยู่บนขาตัวเองได้ มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง โดยไม่ต้องแบมือขอสามี
ก็เป็นความสุขใจอย่างหนึ่ง หากต้องเปลี่ยนมาแบมือขอจะทำใจได้หรือเปล่า
ปัญหาอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการมีสมาชิกใหม่ควรได้รับการพิจารณา
และพูดคุยกันในครอบครัวเสียก่อนสมาชิกใหม่จะมาถึงจริงๆ
แล้วยังปัญหางานบ้านอีก ถ้าทั้งสามีภริยาเคยช่วยกันทำงานบ้านก็คงไม่มีปัญหาในการทำต่อไป
แต่หลังคลอดแล้วสามีในฐานะคุณพ่อใหม่อาจต้องช่วยงานบ้านมากขึ้น เช่น
จ่ายตลาดและทำงานบ้าน
ในกรณีที่พ่อเจ้าประคุณเคยชินกับการไม่ช่วยงานบ้านมาตลอด
ก็คงจะเป็นข่าวร้ายหรือเป็นเรื่องลำบากที่ คุณแม่จะต้องมีความอดทนในการอ้อนวอน
ให้เขาช่วยงานบ้านบ้าง โดยเฉพาะในการร่วมเลี้ยงสมาชิกใหม่ ทั้งในการให้ความรักและการเล่นกับลูก
การป้อนลูกและอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก ตลอดจนการพาลูกเข้านอน
การปรับตัว
คุณแม่ในอนาคตมีเรื่องต้องเตรียมตัวเตรียมใจและปรับเปลี่ยนอยู่มากพอสมควร
ดังนั้นการได้รู้จักเพื่อนบ้านและเพื่อนใหม่มากๆ เข้าไว้จะเป็นประโยชน์
โดยเฉพาะในกรณีที่คุณแม่คิดจะอยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลา อย่างไรก็ตามอย่าหมกมุ่นกับลูก
จนลืมคนสำคัญของครอบครัวอีกคนหนึ่งคือคุณพ่อของลูก อย่าลืมออกไปทานข้าวนอกบ้านเป็นครั้งคราว
โดยหาทางฝากลูกให้คนอื่นในชุมชนช่วยดูเป็นครั้งคราว
มีคุณแม่หลายคนที่วิตกกังวลไปต่างๆ นานาว่า ตนจะกลายเป็นคนเข้มงวดจนเกินไป
หรือปล่อยปละละเลยจนเกินเหตุ วิธีแก้ไขคือขอให้ทำใจให้ผ่อนคลายและใช้สัญชาตญาณปกติ
ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกแล้วทุกอย่างจะดีตามธรรมชาติ ลองเอาใจลูกมาใส่ใจเรา
แล้วจินตนาการว่าลูกรู้สึกอย่างไร ก่อนการตัดสินใจวินิจฉัยสั่งการใดๆ ที่กระทบจิตใจลูก
เราคงต้องมองหาวิธีการที่จะสื่ออย่างสร้างสรรค์ด้วย
จุดใหญ่ใจความอยู่ที่การทุ่มเทความรักและความเอาใจใส่ให้แก่ลูก
แล้วลูกๆ ก็จะกลายเป็นคนเชื่อมั่นในตนเองเป็นตัวของตัวเอง ที่เป็นปัญหาอยู่ทุกวันนี้
ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ใช้สิ่งของเช่น ขนมหวานหรือของเล่น เข้าล่อแล้วหลอกตัวเองว่า
นั่นคือการแสดงความรักความเอาใจใส่เพราะตัวเองไม่ยอมปลีกเวลาจากงาน
ผลก็คือ เด็กๆ ใจแตก และความประพฤติเลวลงเพราะจิตใต้สำนึก
ที่เพรียกหาความรักความใส่ใจที่ยังไม่เคยได้จากคุณพ่อคุณแม่
การเรียกร้องไอศกรีมถ้วยต่อไปหมายถึงการเรียกร้องให้คุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติต่อเขา
ในฐานะคนๆ หนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การมีกรอบกติกา, แนวทางปฏิบัติ, ข้อพึงกระทำเป็นสิ่งจำเป็นที่จะสื่อกับลูกๆ
ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพ อีกทั้งเป็นการปลูกฝังให้เด็กมีมนุษยสัมพันธ์
และมีความรับผิดชอบ ขอให้เข้มงวดกับกฎกติกาที่ตั้งไว้โดยให้เหตุผล
ประกอบเมื่อเด็กโตพอที่จะเข้าใจแล้ว อย่าลืมว่าโลกเรานี้วุ่นวายมาก
การให้ข้อชี้แนะแก่เด็กจึงเป็นสิ่งดี เด็กจะรู้สึกสบายใจขึ้นและปฏิบัติตามด้วยดี
อย่างเช่นการแปรงฟันก่อนเข้านอน หรือทำการบ้านก่อนดูโทรทัศน์
เด็กแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ยิ่งคุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนบุคคล (ปัจเจกบุคคล)
คนหนึ่งเด็กก็จะมองเห็นคนรอบข้างเป็นบุคคลที่มีความรู้สึกของแต่ละคน
ยิ่งเด็กได้รับการปฏิบัติอย่างสุภาพและด้วยความนับถือก็จะตอบสนองในรูปแบบเดียวกัน
ขนาดของครอบครัว
ต่อไปนี้คงเป็นเรื่องของคู่สมรสแต่ละคู่ที่จะต้องพิจารณาตัดสินใจตามที่ตนเห็นว่าเหมาะสม
ในการกำหนดขนาดของครอบครัว วางแผนไว้ให้ดีว่าจะมีลูกกี่คน ถ้ามีมากกว่า 1 คน
จะให้เว้นห่างกันเท่าไร โดยการตัดสินใจจะมีลูกคนที่สองอาจยืดหยุ่นได้
หลังจากลองเลี้ยงคนแรกไปสักพักหนึ่ง เพื่อดูว่าจะไหวไม่ไหว ถ้าพอไหวก็สามารถเว้นช่วงหลายปีหน่อย
เพื่อให้ลูกคนแรกได้อานิสงค์ของเวลารักและเอาใจใส่จากคุณพ่อคุณแม่ได้อย่างเต็มที่
บางคู่สมรสอาจชอบให้ลูกออกมาติดๆ กันเพื่อจะได้เป็นเพื่อนกันก็นับเป็นข้อดี ข้อเสียของแต่ละอย่าง
ถ้ามีลูกโทนหรือ ลูก 2 คนที่อายุห่างกันมาก ต้องดูแลอย่าให้ไปอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่
หรือคนอายุมากกว่าตลอดเวลา การละเล่นกับเพื่อนจะทำให้เกิดการเรียนรู้ในส่วนของการแบ่งปันสิ่งของ
และปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ส่วนในกรณีที่ลูกอายุไล่เรี่ยกัน
ก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะต้องดูแลให้ความเอาใจใส่ทุกๆ คน
โปรดกำหนดลำดับความสำคัญก่อนหลัง
เอาเป็นว่าการละเล่นกับลูกหรือมีกิจกรรมร่วมกับลูกสำคัญกว่าความสะอาด
หรือความเป็นระเบียบเรียบร้อยภายในบ้าน เด็กที่ได้รับอนุญาตให้ไปขุดดินหรือวาดภาพอยู่ในครัว
จะมีความสุขและพอใจกว่าเด็กที่คุณแม่ห่วงหวงให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา
อาหารการกินก็เหมือนกัน ขอให้มีคุณค่าอาหารหลักครบทุกหมู่
ก็พอแล้วไม่ต้องบรรจงประดิษฐ์มากมาย
การทำงาน
ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ คุณแม่หลายครอบครัวต้องกลับไปทำงานเร็วขึ้น
หรือบางคนทนทหน้าที่คุณแม่ไม่ไหวจริงๆ การกลับไปทำงานนอกบ้าน
คงต้องจัดสรรทางออกที่ดีในการดูแลลูกน้อย คนที่จะมาทำหน้าที่แทน
ควรมีคุณลักษณะของความเป็นคนอบอุ่น, มีมิตรจิตมิตรใจ, ให้ความเอาใจใส่เด็กตลอดวัน
สามารถให้การกระตุ้นเด็กได้อย่างสม่ำเสมอ ด้วยการละเล่นเกมส์หรือของเล่น
เด็กในวัยเรียน ไม่ควรกลับมาถึงบ้านท่ามกลางความว่างเปล่า
เด็กๆ ควรได้พบกับใครสักคนหนึ่งซึ่งมาแทนคุณพ่อคุณแม่ และอยู่เป็นเพื่อน
จนคุณพ่อคุณแม่กลับถึงบ้าน หรือให้เด็กไปอยู่กับเพื่อนบ้านที่มีคุณแม่อยู่ที่บ้านนั้น
ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเหนื่อยจากการงานเพียงใดเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว
โปรดเจียดเวลาให้ลูก สัก 2-3 ชั่วโมงเพื่อเล่นด้วย หรือฟังการบอกเล่าของลูกด้วยความเอาใจใส่
การสละให้เวลาให้ลูกสำคัญมากในการสร้างความมั่นคงและมั่นใจให้แก่ลูก
นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์
|