มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ความจริงที่สุดขมขื่น

หมอพัตร


ทราบหรือไม่ว่า โลกเราทุกวันนี้แม้ความเจริญทางด้านวัตถุจะก้าวหน้าไปอย่างมากมาย แต่ในด้านศีลธรรมความป่าเถื่อน ในการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์ผู้ชาย (บางคน) ต่อมนุษย์หญิงมิได้ผิดแผกไปจากสมัยหินเท่าใดนัก สตรีเพศยังคงต้องอดทนกล้ำกลืน ต่อความจ้วงจาบหยาบช้าทารุณอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้ตามกฎหมายสากลสตรี จะมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมบุรุษ แต่สภาพความแข็งแรงของร่างกายเท่าเทียมบุรุษ แต่สภาพความแข็งแรงของร่างกายยังเทียบกันไม่ได้ สตรีจำนวนมาก จึงต้องทนความอมขมกลืนต่อไป

เมื่อไม่นานมานี้ได้อ่านพบการรวบรวมสถิติบางเรื่องในรอบสองปีที่ผ่านมา ได้พบสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับสตรี จึงขอนำเสนอท่านผู้อ่านต่อไป

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ไม่ได้บอกว่า เป็นของประเทศใด) เก็บรวบรวมสถิติ ในปี 1997 พบว่า สตรีถูกข่มขืนกระทำชำเราเฉลี่ยประมาณ 10 รายทุกวัน ในจำนวนนี้มีการฆาตกรรมร่วมด้วยเดือนละ 2 ราย เหยื่อที่อายุน้อยที่สุด เป็นเด็กทารกอายุเพียง 8 เดือน

  • องค์การอนามัยโลกรายงานว่า สตรีประมาณร้อยละ 20 ถึง 50 ถูกทำร้ายร่างกายโดยสามีหรือคู่ควง (ไม่อยากเรียกว่าคู่รักเพราะคงไม่รักกันเท่าใดนัก) หลายรายถูกข่มขืนอย่างทารุณด้วย

  • จากการสอบสวนอย่างละเอียด การกระทำอัตวินิบาตกรรมเกิดขึ้น ในสตรีที่มีภูมิหลังถูกทำร้ายทางเพศสูงเป็น 12 เท่าของรายเฉลี่ยการฆ่าตัวตายจากสาเหตุอื่น

  • ประมาณร้อยละ 15 ถึง 18 ของสตรีที่ถูกข่มขืนจะมีการตั้งครรภ์ สตรีเหล่านี้มีโอกาสเป็นโรคติดเชื้อ อันเป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ เป็นผลให้เด็กที่คลอดออกมามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ย เด็กเหล่านี้ต่อไปจะมีอุปนิสัยก้าวร้าวเป็นอันธพาลเมื่อโตขึ้น

  • สำหรับภริยาที่ถูกทำทารุณกรรมโดยสามีจนบาดเจ็บสาหัสมีประมาณร้อยละ 17, ที่ถูกปล่อยทิ้งให้หมดสติโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือมีร้อยละ 7, ถึงขั้นเสียชีวิตมีร้อยละ 2, เกิดโรคทางจิตประสาทร้อยละ 17, และร้อยละ 35 มีบาดแผลที่ไม่รุนแรงตามร่างกาย

  • ตามรายงานของมูลนิธิเพื่อนสตรี (ไม่ได้บอกอีกนั่นแหละว่าประเทศไหน) มีเหยื่อทารุณกรรมทางเพศโดยคู่สมรสมาขอรับความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นทุกที ในปี 1996 มี 700 รายเศษ ในปี 1997 เพิ่มเป็นกว่า 1000 ราย

  • จากการตรวจสอบรายงานจากศูนย์หลายแห่งพบว่า ร้อยละ 88 ของอาญากรรมเหล่านี้ เกิดขึ้นที่บ้าน มีส่วนน้อยที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาร่วมด้วย

  • สตรีบางคนก็มิได้งอมืองอเท้าให้บุรุษกระทำเอาแต่ฝ่ายเดียว มีการต่อสู้ขัดขืนร้อยละ 25 ในจำนวนนี้หลายรายลงเอยด้วยฝ่ายชายเสียท่าถูกปลิดชีวิต (ที่ปาดเจ้าโลกกระจุยไม่ได้แจ้งไว้)

  • สตรีที่ถูกทารุณกรรมบางรายจะปล่อยอารมณ์ที่ถูกเก็บกดสู่บุตร เป็นผลร้ายแก่เด็กต่อไป

  • เหยื่อทารุณกรรมส่วนใหญ่ ขั้นแรกมักเก็บเงียบ พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสามี เมื่อทนไม่ได้ขั้นต่อไปคือ ขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้องและผู้ที่สนิทชิดเชื้อ เมื่อสุดจะทนและแก้ปัญหาด้วยวิธีต่างๆ ไม่เป็นผลแล้วนั่นแหละ จึงจะไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจ

  • ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี (ไม่ทราบว่าประเทศไหน) ได้รับแจ้งและยื่นมือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมทางเพศที่บ้านถึง 4000 ราย

  • ตามสถิติพบว่า เมื่อสามีทุบตีภริยาได้ครั้งหนึ่ง เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นตามมาเรื่อยไป และบ่อยครั้งขึ้น

  • จากการศึกษาในเมืองไทยบ้านเรา พบสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงิน เพื่อจุดเจือครอบครัว พบว่าฝ่ายหญิงใช้จ่ายเงินที่หาได้ประมาณร้อยละ 90 เพื่อกิจกรรมในครอบครัว ส่วนฝ่ายชายจะจ่ายประมาณร้อยละ 50 ของที่หาได้เท่านั้น ดังนั้นการทำร้ายสตรีจึงไม่ต่างอะไรกับการทำอันตรายต่อความมั่นคงของครอบครัวนั่นเอง

ในดินแดนแคว้นภารตะอินเดีย การทำทารุณกรรมต่อเพศเมียเกิดขึ้น จนเกือบจะเป็นเรื่องธรรมดาไม่สู้จะมีใครเห็นเป็นเรื่องร้ายแรง ในบางแค้วนสตรียังต้องเป็นฝ่ายเสียสินสอดให้แก่บุรุษ ชายที่มีจิตใจเหี้ยมเกรียม เมื่อไม่ถูกใจภริยาก็หาวิธีกำจัดเพื่อหาภริยาใหม่ วิธีที่เกิดขึ้นบ่อยคือภริยาถูกไฟคลอก สตรีอินเดียแต่งกายรุ่มร่ามเวลาเข้าครัวทำอาหารจึงถูกเพลิงลุกลามติดเสื้อผ้าได้ง่าย และบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ชีวิตได้โดยง่าย เป็นที่รู้กันว่าเพลิงมิใช่ใครที่ไหน อาจเป็นตัวสามีเองหรือมารดาของสามีก็ได้ แต่ก็ไม่สู้จะมีใครเอาเรื่องเอาราวต้องตายฟรีไป ยังดีที่ปัจจุบันนี้ประเพณีโดดเข้ากองเพลิงตายตามสามีเลิกไปเกือบหมดแล้ว นอกจากในชนบทที่ห่างไกล

ซิกมัน ฟรอยด์ จิตแพทย์ผู้มีชื่อเสียงกล่าวว่า เซ็กซ์เท่านั้นที่ครองโลก คำกล่าวนี้เป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดว่า เป็นความจริงเพียงไหน จะว่าจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่เชิง เซ็กซ์หรือความต้องการทางเพศ เป็นสัญชาตญาณพื้นฐาน (Basic Instinct) เพื่อสืบพืชพันธุ์ของสัตว์โลก แต่ก็ยังมีสัญชาตญาณพื้นฐานอื่นที่รุนแรงกว่า เช่นสัญชาตญาณในการรักและคุ้มครองลูก และสัญชาตญาณความอยากอาหาร จากการทดลองพบว่า พลังแรงสุดคือความรักของแม่ ที่ยอมสละทุกอย่างแม้ชีวิตเพื่อปกป้องคุ้มครองลูก

แต่ที่พลังทางเพศมีอำนาจก็เพราะมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่เห็นเด่นชัดคือพลังกายที่แข็งแรงกว่าที่ทำให้สัตว์เพศเมียต้องยอมตกอยู่ใต้อำนาจของเพศผู้ แต่สำหรับสัตว์ที่ตัวเมียแข็งแรงและโตกว่าตัวผู้ เช่นแมงมุมเพศเมีย ก็มีอำนาจกว่าเพศผู้เหมือนกัน

สำหรับมนุษย์ พลังกายที่แข็งแรงอย่างเดียวแต่สมองทึบ ชักจะควบคุมเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ได้เสียแล้ว สตรีที่มีปัญญาหลักแหลมมากราย สามารถเป็นช้างเท้าหน้าในกิจการต่างๆ แม้กระทั่งเรื่องในครอบครัว ประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีที่เป็นหญิงก็มีแล้ว

ผู้ชายที่มีพลังกายแต่อย่างเดียวเห็นทีจะต้องไปเอาดีทางกีฬาเสียละกระมัง



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 23 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600