"เชิญค่ะเชิญ มีปัญหาภายในหย่อนยาน เชิญรับบริการที่คลินิกรีแพร์"
ผู้รับบริการคนที่หนึ่ง :
ยายผ่องอายุ 70 ปี มีลูก 11 คน มาตรวจกับข้าพเจ้าที่คลินิกรีแพร์
ด้วยเรื่องปวดถ่วงท้องน้อย ยายบ่นว่า
"หมอเอ๋ย อะไรของยายมันมาจุกช่อง ฉี่ไม่คล่อง ถ่ายไม่คล่อง
ลำบากเหลือเกินแหละหมอเอ๋ย ช่วยยายหน่อยเถิด"
เมื่อข้าพเจ้าตรวจภายในยายผ่อง ข้าพเจ้าบอกยายว่า "ยายผ่อง
เห็นทียายต้องตัดมดลูกทิ้งและทำสาวใหม่เสียกระมัง เพราะมดลูกนี้ไม่เรียกว่า
หย่อนแล้วละจ้ะ เรียกว่ามดลูกไหลเลยล่ะยาย"
"ตัดมดลูกเหรอ ถ้าตัดแล้วหาย ตัดก็ตัด แต่ทำสาวเห็นทีฉันจะไม่เอาด้วยกับหมอหรอกนะ
อายุปูนนี้ช่องเชิ่งอะไรก็ไม่ได้ใช้ กิเลสตัณหาอะไรก็หมดไปแล้ว
คงไม่ต้องทำสงทำสาวหรอกนะหมอ" ยายผ่องแกว่าท่าทางอายๆ
ทำสาวนั้นก็คือ ตัดกระบังลมช่องคลอดที่หย่อนยานทิ้ง
เย็บกล้ามเนื้อและเยื่อช่องคลอดเสียใหม่ไงจ๊ะยาย ที่ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกทับศัพท์ว่า
รีแพร์นะจ๊ะยาย ถ้ายายไม่ทำสาวต่อไปก็จะบ่นจุกกระบังลมที่ห้อยย้อยออกมาอีก
เดี๋ยวก็จะว่าทำไมตัดมดลูกไปแล้วยังฉี่ไม่คล่องถ่ายไม่คล่องอีก" ข้าพเจ้าอธิบาย
"เอาทำก็ทำ แก่ป่านนี้ ผ่าตัดจะเป็นอะไรไปไหมหมอ" ยายผ่องยังกังวล
"หมอจะตรวจร่างกาย เอกซเรย์ เจาะเลือดยายดูก่อนว่ามีโรคร้ายแรงอะไร
ที่เป็นข้อห้ามของการผ่าตัดนะจ๊ะยาย จริงๆ แล้วหมอว่ายายเป็นตั้งนานแล้วล่ะ
คงเป็นตั้งแต่คลอดลูกคนสุดท้อง คนที่ 11 นะจ๊ะยาย ยายน่าจะคิดผ่าตัดซ่อมแซมตั้งนานแล้ว"
ข้าพเจ้าบอกตามเหตุผลทางการแพทย์ว่ามดลูกไหล กะบังลมหย่อนนี้
มักจะเกิดจากการเบ่งคลอดลูกหลายๆ คน และไม่ได้เย็บซ่อมแซมช่องคลอด
"ใช่ละหมอ" ยายผ่องยอมรับเสียงอ่อยๆ "ฉันคลอดที่บ้าน
ตอนคลอดก็ให้คนมาช่วย ข่ม ดันหน้าท้องอย่างแรงเลยล่ะหมอ
พอคลอดคนสุดท้ายมดลูกก็ปลิ้นออกมา หมอตำแยแกจับยัดเข้าไปตั้งแต่นั้นมา
ก็ฉี่ไม่ค่อยคล่องมาตลอด แต่หมอเอ๋ยคนเราตอนสาวๆ มันก็อาย
พอแก่ตัวมาเลยคิดไม่อายไม่เอยมันแล้ว ก็มันลำบากทรมานใครไม่เป็นไม่รู้
บางทีปวดท้องอย่างกับอะไรจะหลุดจะไหลออกจากช่องเลยละ หมอเอ๋ย"
"ตกลงยายผ่องอยากให้หมอผ่าตัดแก้ไขนะยาย งั้นประเดี๋ยวยายเชิญหน้าห้องเลยนะจ๊ะ
พยาบาลจะพายายไปตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเอกซเรย์"
พูดจบ ผู้ช่วยพยาบาลจูงมือยายไปหาพยาบาลหน้าห้องตรวจเพื่อทำตามขั้นตอนต่อไป
ผู้รับบริการคนที่สอง :
หญิงวัยกลางคนอายุ 51 ปี หน้าตาเต็มไปด้วยความทุกข์
เดินเข้ามาหาข้าเพเจ้าเช้าวันเดียวกันเธอบอกข้าพเจ้าว่า
"หมอช่วยทำรีแพร์ให้ฉันหน่อยเถอะ มันน่าอายไหมหมอที่ต้องทำรีแพร์เมื่ออายุปูนนี้"
พูดเสร็จเธอทำตาแดงๆ ราวจะร้องไห้
"คุณมาลีวัลย์ ใจเย็นๆ ค่ะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" ข้าพเจ้าแตะแขนเธอเบาๆ
เธอพรั่งพรูออกมา
"สามีของฉันนะหมอ รักลูกรักเมียมาตลอด ลูกตั้งสามคน
คนโตก็เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเขาไปหลงรักเด็กอายุคราวลูก
อีเด็กนั้นมันก็ไม่จริงจังหรอก คนนึกสนุกด้วยอยากได้เงินได้ทองด้วย
ตอนนี้ติดกันนัวเนียไม่กลับบ้านกลับช่อง ฉันจึงอยากมาทำรีแพร์เรียกสามีกลับบ้าน"
"คุณมาลีวัลย์ รีแพร์ก็อาจแก้ปัญหาได้ส่วนหนึ่งเท่านั้น คนเราต่างพ่อต่างแม่ต่างนิสัย
เมื่อมาอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวก็อาจเกิดปัญหาได้ แล้วแต่จะเกิดช้า/เกิดเร็ว
มาก/น้อย แก้ได้/แก้ไม่ได้เท่านั้น คุณมาลีวัลย์ต้องกลับไปทบทวนดูว่า
สามีมีปัญหาที่ไหน เราเองมีปัญหาตรงไหน การแก้ปัญหาเรื่องเซ็กซ์เรื่องเดียว
อาจเป็นการแก้ที่ไม่ตรงจุดนัก"
"อย่างไรฉันก็เชื่อว่าสามีลุ่มหลงผู้หญิงก็เรี่องพรรค์นั้นอย่างเดียว
นังผู้หญิง มันเด็ก มันสาว มันสวย ฉันจึงอยากให้หมอช่วยทำรีแพร์"
"คุณมาลีวัลย์" ข้าพเจ้าแปลงกายเป็นหมอธรรมะ "เรื่องรีแพร์น่ะหมอทำให้ได้
ไม่ใช่เรื่องยาก แต่หมอว่าสังขารของคนเราแปรเปลี่ยนไปทุกขณะจิต
คุณมาลีวัลย์สามารถรีแพร์แข่งความสาวได้นั้นเป็นความคิดหนึ่ง แต่เป็นจริงหรือไม่
เพราะร่างกายอวัยวะส่วนอื่นๆ กระทั่งความคิดตนเอง ก็เปลี่ยนไปตามวัยและเวลา
คุณจะแปลงให้มันสาวสดเสมอเพื่อแข่งกับสาวๆ วัยรุ่นตลอดเวลาได้หรือไม่"
"อย่างไรฉันก็จะแก้ปัญหาโดยการรีแพร์ก่อนเรื่องอื่นๆ ก็ค่อยๆ แก้กันไป
แก้เอาสามีกลับคืนมาไม่ได้ก็ถือว่าทำรีแพร์ให้ตนเองสบายใจก็แล้วกัน"
คุณมาลีวัลย์ดูปลงตกขึ้นหลังจากคุยกันสักครู่
"ตกลงค่ะ หมอจะทำรีแพร์ให้คุณมาลีวัลย์" ข้าพเจ้าบอกหลังตรวจภายในแล้วเห็นสมควรทำ
ผู้ช่วยพยาบาลเชิญคุณมาลีวัลย์ พบพยาบาลหน้าห้องตรวจเพื่อเขียนใบนัดมาผ่าตัด
ผู้รับบริการคนที่สาม :
"หมอฉันอยากทำสาว" ผู้หญิงอายุ 32 คนหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีการอรัมภบท
เมื่อมาหาข้าพเจ้าตอนสายๆ ของเช้าวันเดียวกัน สมมุติว่าเธอชื่อคุณก.
"อยากทำสาว" ข้าพเจ้าย้ำ แอบตกใจในใจนิดๆ "ทำไมล่ะ ทำไม คุณก.
จึงอยากทำสาว"
"หมอ สามีฉันไม่กลับบ้านหลายเดือนแล้ว เข้าใจว่าเขาไปติดนักร้อง"
คุณก. พูด ตาแห้งผาก
"ติดนักร้องก็ช่างเขาสิ คุณก. คุณก็รู้ว่าคุณกับเขามีโรคอะไรอยู่"
ข้าพเจ้ารู้จักคุณก. และสามีมาก่อน
"ช่างมันไม่ได้หมอ สามีฉันเป็นคนกุมเงินทั้งหมด ฉันอยากให้เขากลับมาหาฉัน
จะได้มีเงินมีทองไว้เลี้ยงลูก ให้ลูกได้เรียนหนังสือสูงๆ" คุณก.สบตาข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าพยักหน้าช้าๆ อย่างเห็นใจ
"คุณก. ถึงหมอเห็นใจคุณแค่ไหน หมอก็คงไม่ทำสาวให้คุณก. คุณก็รู้ว่าโรคของคุณนั้น
ไม่อนุญาตให้คุณมีชีวิตยืนยาวเท่าใดนัก โดยเฉพาะถ้ามีอาการของการติดเชื้อขึ้นมา
สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ พยายามประคับประคองชีวิตให้ยืนยาว อยู่เป็นหลักให้ลูกให้นานที่สุด
เท่าที่จะทำได้ ต้องไม่โกรธ ไม่เครียด ไม่คับแค้น พยายามปลงให้ตกโดยเฉพาะเรื่องสามี
เพราะอารมณ์โกรธเครียดจะบั่นทอนให้คุณเกิดอาการของโรคเร็วขึ้น"
คุณก. เงียบฟังข้าพเจ้าพูด นัยน์ตาเธอเหม่อมองออกนอกห้องไปอย่างไร้จุดหมาย
"คุณก. สามีคุณเองถึงรู้ว่าตนเองมีเชื้อไวรัสเอชไอวีก็ยังทะนงตน ใช้ชีวิตอย่างสำส่อน
ไร้จุดหมายชีวิตเขาก็คงไม่ยืนยาวสักเท่าใด คุณคงต้องปล่อยเขาไป เรื่องเงินเรื่องทองนั้น
คุณอาจต้องหาทางเรียกร้องกลับคืนมาเพื่อเลี้ยงลูก ญาติมิตรพ่อแม่คุณหรือทนายความ
อาจเป็นที่ปรึกษาได้ดีกว่าหมอ"
คุณก. ไม่ได้ออกความเห็นใดๆ ข้าพเจ้ากับไปอย่างเงียบๆ
ผู้บริการคนที่สี่ :
"หมอ สามีหนูอยากให้หนูทำรีแพร์" สาวน้อยวัย 19 คนหนึ่งมาหาข้าพเจ้า
ด้วยเสียงสดใสในบ่ายวันเดียวกัน
"สามีอยากให้ทำรีแพร์" ข้าพเจ้าถามซ้ำด้วยความไม่แน่ใจ
สาวน้อยในวัยนี้ควรจะอยู่ในสถานการศึกษา มากกว่าจะมีสามีและมาขอทำรีแพร์
"จริงสิหมอ ไม่มีปัญหา ไม่รำคาญสามี หนูไม่มาหาหมอหรอ
ผัวหนูเขาขับไสไล่ส่งให้หนูมาทำเขาว่าของของหนูหลวม"
เธอพูดถ้อยคำดังนี้ตรงไปตรงมาจริงๆ
"หนูมีลูกกี่คนแล้วล่ะ" ข้าพเจ้าแปลกใจเพราะคนที่มาขอทำสาวส่วนใหญ่
จะมีลูกหลายคน บางคนคลอดแบบโบราณไม่ได้เย็บแผล
"ยังไม่มีเลยหมอ"
"แต่งงานมานานหรือยัง"
"อยู่กันได้หกเดือนแล้วหมอ"
"ไม่มีลูก เพิ่งแต่งงาน แล้วจะหย่อนยานได้อย่างไร"
ข้าพเจ้าพูดกับตนเอง เมื่อลงมือตรวจภายในก็พบว่าปกติดี
กล้ามเนื้อสาวน้อยแข็งแรงสมวัย
"เอ...หมอว่า ของของหนูนี้ไม่ต้องทำรีแพร์หรอกนะจ๊ะ มันก็ดีอยู่แล้ว
ทำไปแล้วจะเจ็บเปล่าๆปลี้ๆ เวลามีเพศสัมพันธ์"
"หมอว่าดี ทำไมแฟนบ่น" สาวน้อยบ่น บ่นต่อว่า "จริงๆ หนูว่า
เขาคิดแต่เรื่องนี้มาเกินไปนะหมอ งานการก็ไม่ทำได้แต่กินแต่เที่ยวและมาลงเอยที่หนู
หนูเองกลับต้องเร่ขายหวยงกๆ ไปวันๆ ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน"
"อ้าว! แฟนหนูไม่ช่วยหนูทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัวหรอกหรือ
อย่างนี้ก็ไม่ค่อยดีสิ" ข้าพเจ้าบ่นเสริม
"ไม่เลยหมอ อายุเขา 20 แก่กว่าหนูปีหนึ่ง ขอเงินหนูทุกวัน กินทั้งเหล้าทั้งเบียร์
บางวันซัดยาบ้าไปด้วย" สาวน้อยพูดราวลืมเรื่องรีแพร์ไปแล้ว
"เออ...มีสามีอย่างนี้ คนอย่างนี้...จะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้อย่างไร
ถ้าวันๆ เขามาลงเอยกับหนูแล้วยังบ่นอีก คิดแต่เรื่องไม่สร้างสรรค์
ไม่คิดทำมาหากินสร้างครอบสร้างครัว ก็เลิกกันไปอย่าอยู่ด้วยกันเลยหนู"
สาวน้อยคือผู้รับริการรายสุดท้ายของคลินิกรีแพร์วันนี้
นอกจากข้าพเจ้าไม่ได้วางแผนทำรีแพร์ให้ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ว่าตนเองบาปหรือเปล่า
ที่ยุแหย่ให้สามีภรรยาเขาเลิกกัน...
พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
|