มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



เมื่อความวิตกกังวลได้กลายเป็นโรคกังวล


"หนูเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่าเวลาที่เขากลับดึก แต่เขาไม่เห็นเป็นห่วงตัวเองเลย ขนาดอุบัติเหตุรุนแรงก็เคยเจอมาแล้ว ส่วนหนูอยู่บ้านก็กลัวขโมยขึ้นบ้าน จะไปเที่ยวก็กลัวอุบัติเหตุต่างๆ นานา" นี่คือตัวอย่างของความวิตกกังวลที่พบได้บ่อยๆ

มนุษย์ทุกคนต่างก็ประสบกับความวิตกกังวลมาแล้วถ้วนหน้า แต่โรคกังวลไม่ใช่ความวิตกกังวลตามปกติของมนุษย์ แต่กลับเป็นโรคทางจิตใจชนิดหนึ่งของมนุษย์ โดยที่อารมณ์กังวลมีความรุนแรงกว่า เกิดขึ้นบ่อยกว่าและคงอยู่ในจิตใจนานกว่า ทั้งนี้มากเสียจนเราไม่สามารถหาทางจัดการหรือทนต่อไปได้อีก และรบกวนต่อความสงบสุขของจิตใจ นั่นแสดงว่าไม่ใช่ความวิตกกังวลตามปกติแล้ว

ความวิตกกังวลเป็นความรู้สึกไม่สบายใจ เครียดและหวาดหวั่นกลัวภัยบางอย่าง เช่น กลัวบาดเจ็บ กลัวพิการ กลัวตาย หรือกลัวการคุกคามต่อศักดิ์ศรี และความสุขในชีวิต แม้ว่าสิ่งที่หวาดหวั่นต่างๆ จะนำมาซึ่งความเจ็บปวดและตึงเครียด ทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นธรรมดาของชีวิต หลังจากปรับตัวได้แล้ว คนเราจะเริ่มรู้สึกดีขึ้น บางคนพบว่าตนเองมีทักษะในการเผชิญชีวิตเพิ่มขึ้น แต่บางคนปรับตัวไม่ได้ ก็จะเกิดเป็นจุดอ่อนในจิตใจ เนื่องจากไม่เห็นหนทางแก้ไขปัญหา ในลักษณะเดียวกันนี้ได้ อีกทั้งไม่สามารถยอมรับสภาพที่ตนประสบอยู่ด้วยจิตใจที่สงบสุข

ความวิตกกังวลที่ไม่มากเกินไปหรือแม้เพียงเล็กน้อยมีประโยชน์ต่อคนเรา โดยเป็นแรงผลักดันและจูงใจให้คนเรากระตือรือร้นจัดการหน้าที่ของตนให้สำเร็จ ถ้าปราศจากความกังวล จะทำให้ขาดแรงจูงใจที่สำคัญอย่างหนึ่งเลยทีเดียว อาจทำให้เป็นคนเฉื่อยและเกียจคร้านได้

กรณีของผู้ป่วยโรคกังวลกลับพบว่า ความวิตกกังวลมากเกินไป นอกจากนี้ยังพบอาการทางร่างกายหลายระบบ ได้แก่ ใจสั่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด เบื่ออาหาร รู้สึกชาหรือวูบวาบตามตัวและแขน จุกเสียดหน้าท้อง ท้องอืด ท้องผูก หรือถ่ายเหลวบ่อย นอนหลับยากและฝันร้ายบ่อย หงุดหงิด อารมณ์เสีย ไม่มีสมาธิ ตื่นเต้นและตกใจง่าย ผู้ป่วยโรคกังวลจะไม่มีอาการรุนแรงอย่างผู้ป่วยโรคจิต ไม่มีอาการประสาทหลอนเช่น หูแว่ว หรือภาพหลอน ผู้ป่วยโรคกังวลยังเข้าใจโลก ตามความเป็นจริงและสามารถทำงานและดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ

สาเหตุของโรคกังวล พบว่าอาจมีสาเหตุทางกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากบุคลิกภาพเดิม ที่วิตกกังวลง่ายหรือขี้อายหรือเกิดจากความเครียดทางจิตใจและสังคม ได้แก่ ปัญหาครอบครัว ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเรียนหรือการงาน และความกดดันตึงเครียดหรือสูญเสียอื่นๆ

สำหรับบุคลิกภาพแบบวิตกกังวลง่าย เป็นบุคลิกภาพที่จะมีความกังวล เมื่อถูกยั่วยุจากสิ่งต่างๆ ที่กระตุ้นให้เกิดความเครียด ความกังวลง่ายเป็นส่วนหนึ่ง ของอารมณ์พื้นฐานถาวรของบุคคลนั้น จัดเป็นความโน้มเอียงของคนนั้น ในการตอบสนองแบบกังวล ซึ่งแสดงออกมาตั้งแต่วัยเด็ก ดังนั้น คนบางคนจึงมีแนวโน้มที่จะกังวลได้ง่ายและบ่อยกว่าคนอื่นทั้งๆ ที่ประสบกับสถานการณ์เดียวกัน

การรักษาผู้ป่วยโรคกังวลจำเป็นต้องรับการตรวจให้แน่ใจว่า ไม่ใช่โรคทางกาย การได้ระบายความทุกข์และรับกำลังใจจากแพทย์เป็นส่วนสำคัญในการรักษาผู้ป่วย ที่มีอาการเนื่องจากความเครียดที่เป็นปัญหาแก้ไขได้ และผู้ป่วยที่มีความเข้าใจตนเองได้ดี ก็อาจหายได้ แต่ถ้าเกิดจากปัญหาที่แก้ไขยากและผู้ป่วยไม่สามารถปรับตัวต่อปัญหา หรือมีบุคลิกภาพเดิมเป็นคนคิดมากก็อาจเรื้อรังและจำเป็นต้องรักษากับแพทย์ระยะยาว

นพ.วีรวุฒ เอกกมลกุล



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 23 ฉบับที่ 6 มิถุนายน 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600