ความวิตกกังวลเป็นบ่อเกิดของสารพัด โรค เพราะหากจิตใจล้มระเนระนาดแล้วยากที่ ร่างกายจะฝืนต่อสู้ให้รอดจากปัญหาทั้งหลายไป ได้ยิ่งสภาพเศรษฐกิจยังบอกไม่ถูกว่าอะไรเป็น อะไรแบบนี้ใจคอของคนทำงานยิ่งเตลิดเปิดเปิง ไปใหญ่ อย่าว่าแต่ชาวประชาหน้าซีดจะไม่มีกำลังใจ ต่อสู้กับชีวิตเลย แม้แต่ชาวอเมริกัน ที่ไม่ได้เผชิญ กับสภาพเศรษฐกิจ "โรคต้มยำกุ้ง" ยังมีสถิติเล่าสู่ กันฟังว่าเป็นโรควิตกจริตเฉลี่ยแล้วไม่ต่ำกว่า 65 ล้านคน รายงานจากสถาบันสุขภาพจิตแห่งชาติ หรือ The National Institute of Mental Health กล่าวว่า ชาวอเมริกันทุก 1 ใน 4 คน จะเป็นโรคนี้ และผู้หญิงจะถูกความวิตกจริต จู่โจมเร็วกว่าผู้ ชายถึงสองเท่า ผู้สันทัดกล่าวว่าความเครียดที่เกิดจาก ความกังวลจะยิ่งทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกาย คนเราทำงานเร็วขึ้นและนานขึ้นซึ่งส่งผลให้ส่วน ต่างๆ ของร่างกายสึกหรอลงไปเรื่อยๆ "หากรถสักคันต้องทำงานหนักรถคันนั้น ย่อมต้องการการบำรุงรักษาบ่อยครั้งลองหัน กลับไปดู ตัวคุณเองก็แล้วกันว่าผ่านการใช้ งานมาอย่างหนัก

เหมือนรถคันนั้นหรือเปล่าถ้าใช่งั้นตัวคุณก็ ต้องการการพักบ้างแล้ว" จะเชื่อหรือไม่ว่าโดยปรกติมนุษย์ทุกคน เครียดมาแต่กำเนิด ลองสังเกตง่ายๆ ว่า ความกังวลสร้างปัญหาให้คุณ หรือยังด้วย การพิจารณาว่า ความกลัว (เช่น กลัวทำงานพลาด, ทำอะไรไม่ถูกใจใคร) เกินสัดส่วน ที่คุณจะรับมือไหวหรือยัง คุณเศร้า ตลอดเวลาหรือเปล่า ส่วนวิธีแก้ไขมีดังนี้ อย่าอยู่คนเดียวพยายามใกล้ชิดใคร สักคนเอาไว้ นอนหลับไปซะจะได้ไม่ต้องคิดอะไร มาก เขียนถึงสิ่งที่คุณกังวลลงไปในบันทึก ไม่ว่าจะกี่แผ่นก็เขียนไป สวดมนต์ทุกวันกี่เวลาก็ได้ พูดเรื่องตลกขบขันอย่าวนเวียนคิดแต่ สิ่งที่กังวลใจตลอดเวลา คนที่มีปัญหาทางใจเป็นคนที่น่าสงสาร หากช่วยอะไรได้อย่าเกี่ยงที่จะทำความดีเลยจ้ะ โรคแบบนี้เกิดได้กับทุกคน อย่านึกว่าจะจิตแข็ง ได้เสมอไป.

คนสมถะ