มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



การสื่อภาษารัก


ความสุขของครอบครัวเป็นสุดยอดปรารถนาของทุกคน...แต่คนจำนวนมาก...มีการกระทำที่ตรงกันข้าม กับความต้องการ...
ฐานที่มาของความสุข...และความทุกข์ของครอบครัว...มาจากแหล่งเดียวกัน...
คือ..."ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว..."
ความสัมพันธ์ที่ดี...ต้องเกิดจากความรู้สึกที่ดีต่อกัน... และสื่อสารให้ทุกคนรู้...เพื่อต่างปรับตัวเข้าหากัน...
จากแนวคิดดังกล่าว...เราอาจเขียนเป็นสมการได้ว่า...

ความสัมพันธ์ = ความรู้สึก+การสื่อสาร+การปรับตัว


ความรู้สึกที่ดี ...ที่เรียกว่า "ความรัก"

จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี...คือความรู้สึกที่ดีที่เรียกว่า... "ความรัก"
ความรักเป็นความต้องการของมนุษย์ทุกคน ถ้าขาดความรักมนุษย์จะไม่สร้างสรรค์ ไม่เติบโตทางอารมณ์ ร่างกายและจิตใจ เท่าที่ควรจะเป็น
เด็กที่ขาดความรัก จะกินอาหารไม่ค่อยได้ เติบโตช้า และขี้โรค

ความรัก ทำให้เรามีความสุข สดชื่น แจ่มใส เบิกบาน หัวเราะ มีความคิดสร้างสรรค์
ความรักมีหลายระดับ...เราแบ่งความรักออกเป็น 4 เกรด คือ...

เกรดที่ 1...รักใคร่ใฝ่กามา...
มีตัวกามารมณ์เป็นผู้นำ เห็นปุ๊บรักปั๊บ เกิดง่าย จบง่าย เป็นความรักชนิดต่ำสุด มีความทุกข์มากกว่าความสุข วัยรุ่นเรียกความรักชนิดนี้ว่า "รักจริงหวังยิงสเปิร์ม"

เกรดที่ 2... รักหวังวิวาห์มาคู่กัน
รักแบบผูกพันธ์ รู้สึกรับผิดชอบ มีความจริงใจ ต้องการแต่งงาน อยู่กินมีลูกเต้าด้วยกัน เป็นความรักที่สูงขึ้นมาหน่อย ความรักชนิดนี้มี Sex เข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ หึงหวง หวาดระแวง และทำให้เกิดการเบื่อหน่ายกันได้ง่าย เราเรียกรักประเภทนี้ว่า "รักจริงหวังแต่ง พอเหี่ยวแห้งขายต่อ"

เกรดที่ 3...รักปันแบ่งความสุข...
ความรักแบบปรารถนาดี เห็นใครเป็นทุกข์ก็อยากช่วยเหลือ เห็นใครมีความสุขยินดีด้วย มี Sex เป็นเพียงส่วนประกอบที่น้อยมาก ไม่เน้นการเป็นเจ้าเข้าเข้าของ เป็นความรักที่สูงกว่าข้อ 1 และ 2 มากเราเรียกรักประเภทนี้ว่า "รักแท้"

เกรดที่ 4...รักยอมทุกข์เพื่อสุขเธอ...(Devoted love)
รักแบบเสียสละ ตนเองยอมเสียสละ เพื่อให้คนที่รักได้สมหวังและมีความสุข โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนตัวเองได้รับความสุขจากผลของการกระทำเป็นการตอบแทน รักประเภทนี้มีน้อยมาก และหาได้ยาก เราเรียกรักประเภทนี้ว่า "รักบริสุทธิ์" ซึ่งมีความหมายเป็นตรงกันข้ามกับ "เลวบริสุทธิ์"

เวลาเราเลี้ยงสุนัข...ความรักของเราที่มีต่อสุนัข...อยู่เกรดไหนครับ...?
มีใครเลี้ยงสุนัข...แล้วรักสุนัขแบบเกรด 1 ...ไหมครับ...? ต้องการมีเซ็กซ์กับสุนัข...
หรือใครเลี้ยงสุนัข...แล้วรักสุนัขแบบเกรด 2 ...ไหมครับ...? ต้องการแต่งงานกับสุนัข...
ไม่มีนะครับ...ความรักที่เรามีต่อสุนัขอยู่เกรด 3 ครับ...ปรารถนาดีและแบ่งปันความสุขแก่กัน
คุณผู้หญิงที่น่ารักครับ...ลองพิจารณาผู้ชายที่พยายามมาจีบเราซิครับว่า...เขารักเราเกรดไหน...?
เขาให้ความรักเรา...เท่ากับความรักที่เราให้กับสุนัขของเรารึเปล่า...? หรือเขาเพียงต้องการใช้เราเป็นอุปกรณ์บำบัดอารมณ์ใคร่...?
ความรักของสามีภรรยา...อย่างน้อยที่สุดต้องเกรด 2 ถือว่าผ่าน...แต่ก็ปริ่มเต็มที...
เพราะถ้าติดแค่เกรด 2 ความหึงหวง...ความต้องการเป็นเจ้าของ...จะก่อให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมา
ความรักของสามีภรรยา...ควรต้อง Up-grade เป็นเกรด 3...จะเกิดความปรารถนาดี... เอื้ออาทร...เห็นอกเห็นใจ... และให้อภัยแก่กัน

การสื่อสาร

ความรักจะดี...มีความสุข...และราบรื่นหรือไม่...สำคัญที่การสื่อสารครับ...
การสื่อสาร คือ...การใช้ภาษา เพื่อทำให้ผู้ที่อยู่ร่วมกันเข้าใจวัตถุประสงค์และความต้องการของกันและกัน...
การใช้ภาษามี 2 แบบ คือ... "ภาษาคำพูดและภาษากาย"
ภาษาคำพูด
คือการพูดคุย สนทนา...ที่ใช้กันอยู่ทั่วไปนี่แหละครับ...
เช่นเวลาเราไปขายสินค้าหรือขายประกัน...เราก็อธิบายให้ลูกค้าทราบข้อมูลของสินค้า ที่เราจะขายเป็นภาษาคำพูดเป็นหลัก...ใช้ภาษากายประกอบเล็กน้อย...
ถ้าใช้ภาษากายมากเกินไป...เดี๋ยวลูกค้าคิดว่าขายอย่างอื่น...

ภาษากาย
คือการใช้ความเคลื่อนไหวหรือท่าทางของร่างกาย สื่อให้ผู้คนเข้าใจตามความต้องการของเรา...
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า...ภาษาคำพูดสามารถสื่อสารได้ลึกซึ้งที่สุด...
แต่ความเป็นจริงแล้วคำพูดสื่อความคิด...
ภาษากายสื่อความรู้สึกได้ลึกซึ้งยิ่งกว่า...สามารถสื่อสารในสิ่งซึ่งภาษาคำพูดไปไม่ถึง...ตัวอย่างเช่น...
มีเรียงความของเด็กประถมคนหนึ่งเขียนว่า...
เจ้าด่างหมาของฉัน...ฉันรักเจ้าด่างมาก...
มันไม่เคยสั่งให้ฉันทำโน่นทำนี่...เหมือนแม่...
มันไม่เคยห้ามฉันไม่ให้ทำโน่นทำนี่...เหมือนพ่อ...
มันไม่เคยว่าฉันอย่างนั้นอย่างนี้...เหมือนพี่...
มันนั่งข้างๆ ฉัน...เจ้าด่างรักฉัน...
และฉันเอง...ก็รักเจ้าด่างเหมือนกัน...

เจ้าด่างใช้ภาษาอะไรครับ...ใช้ภาษากายครับ...
เจ้าด่างไม่ได้พูดสักคำ...เพราะมันพูดไม่ได้...
แต่ทั้งเด็กและเจ้าด่างสามารถสื่อสารให้เข้าใจตรงกันได้...โดยไม่ต้องใช้คำพูดสักคำ...
ที่ผ่านมาเราได้ให้ความสำคัญ...และใช้การสื่อสารให้เกิดประโยชน์มากน้อยแค่ไหนครับ...?
คู่ชีวิตของเรา...ย่อมมีทั้งนิสัยดี...และส่วนที่ไม่ดีมากมาย...
เราได้สื่อสารให้เขาทราบไหมครับว่า...? เรามีความรู้สึกที่ดีต่อเขาในส่วนไหนบ้าง...? และส่วนไหนที่เรารู้สึกไม่ดี ไม่ค่อยชอบ...?
เพื่อเขาจะได้ปรับตัว...
เวลาเรารักเขา...เราได้สื่อให้เขาทราบไหมครับว่าเรารักเขา...?
เพื่อเขาจะได้ภูมิใจ...และมีความสุข...
ส่วนใหญ่เราจะไม่ค่อยสื่อสารกัน...ปล่อยให้คู่ชีวิตเราเข้าใจเอาเอง...
ถ้าเขาเข้าใจถูกต้องก็ดีไป...แต่ถ้าเขาแปลเจตนาผิด...เข้าใจผิดละครับ จะเกิดอะไรขึ้น...?
แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้น...ย่อมไม่เป็นผลดีต่อครอบครัว...ตัวอย่างเช่น...

ความรักของแม่

คุณแม่นั่งรอลูกสาววัยรุ่นซึ่งไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน...ด้วยความหงุดหงิด...กระวนกระวายใจ... เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตราย...จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ...เดินวนเวียนมองดูประตูบ้านตลอดเวลา...
พอเที่ยงคืน...ลูกเปิดประตูแอ๊ด...เข้าบ้าน...
คุณแม่แว๊ดใส่ทันทีว่า...
"นี่เอ็งไปไหนมา...? ทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้...แล้วใครมาส่ง...? ยังหาทางกลับบ้านถูกเหรอ...? นี่เพิ่งเที่ยงคืนเองรีบกลับทำไม...? ทำไมไม่กลับมาตอนเช้าเลยล่ะ...? ตกลงเอ็งจะเรียนหรือจะมีผัว...?
คุณแม่รอลูกด้วยความรักและความห่วงใย...ลูกไม่กลับบ้าน...ใจแม่เหมือนจะขาด...
แต่คำพูดที่แม่พูดออกไป...สามารถสื่อสารให้ลูกเข้าใจได้ไหมครับว่า...แม่รักและห่วงใย?
ไม่ได้ครับ...กลับทำให้เข้าใจเป็นตรงกันข้าม...
ด้วยความโมโห...ลูกจึงตอบสวนไปว่า...
"เรียนไป... มีผัวไป...มีอะไรรึเปล่า...สนุกดีออก..."
พูดเสร็จก็ปิดประตูใส่หน้าแม่ปัง...แล้ววิ่งตึงๆๆๆ...ขึ้นห้องนอน...
คืนนั้นทั้งคืน...ทั้งสองคนแม่ลูกมีความสุขไหมครับ...?
ไม่ต้องนอนทั้งคู่...มีปัญหาทั้งคืน...
เพราะทั้งสองคนไม่ได้สื่อสารให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบว่า...เรารักเราปรารถนาดี และห่วงใย...
อย่างนี้เรียกว่าความรู้สึกที่ดี ถูกบิดเบือนด้วยการสื่อสารทางลบ
ลองเปลี่ยนใหม่ครับ...สื่อสารให้ตรงกับที่ใจเราคิด...ให้ตรงกับความรู้สึกที่มีต่อเขา... ดูว่าผลจะแตกต่างกันอย่างไร...?
พอลูกกลับมาถึงบ้าน...คุณแม่วิ่งเข้าไปกอด...แล้วพูดว่า...
"กลับมาแล้วหรือลูก...แม่เป็นห่วงแทบแย่...หนาวไหมลูก...? รีบขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาทานข้าวนะลูก... แม่ทำอาหารโปรดไว้ให้ทาน...เร็วๆนะลูกนะ แม่รอคราวหน้าถ้าลูกจะกลับดึก... โทรบอกแม่ด้วยนะ...แม่จะได้ไม่ห่วง...และนอนหลับ..."
ดีกว่าไหมครับ...? คนฟังจะรู้สึกดี...และรับรู้ถึงความรัก...ความห่วงใย
ลูกก็จะตอบว่า...
"กราบขอโทษคุณแม่คะ...ที่หนูทำให้คุณแม่ไม่สบายใจ...ต่อไปนี้หนูจะไม่กลับดึกอีกแล้ว...หนูรักแม่..."
แล้วหอมแก้มฟอดใหญ่...ก่อนจะวิ่งไปอาบน้ำ...
เห็นไหมครับว่า...ผลลัพธ์ที่ได้มันต่างกันราวฟ้ากับเหว...
ขอให้ผู้อ่านเลือกเอานะครับว่า...ควรใช้วิธีใดในการสื่อสาร...

การสื่อสารทางบวก

การสื่อสารนอกจากแบ่งเป็นภาษาพูดและภาษากายแล้วยังแบ่งเป็นอีก 2 ลักษณะ คือ การสื่อสารทางบวกและการสื่อสารทางลบ เช่น
ถ้าเราต้องการให้คู่ชีวิตของเราปรับตัว...
เราต้องสื่อสารให้เขาทราบว่า...เราชอบอะไร...ไม่ชอบอะไร...
แต่ต้องใช้คำพูดที่นุ่มนวล...อ่อนหวาน...เพื่อให้เขายอมรับและปฏิบัติตาม... เราเรียกการสื่อสารชนิดนี้ว่า..."การสื่อสารทางบวก"
เลิกดื่มเถอะค่ะ
"พี่คะ...เดี๋ยวนี้พี่ดื่มมากขึ้น...น้องและลูกๆ เป็นห่วง...พี่เป็นผู้นำและเป็นที่พึ่งของครอบครัว... ถ้าพี่เป็นอะไรไป...น้องและลูกๆ จะลำบาก...ถ้าพี่ดื่มให้น้อยลงได้...น้องและลูกๆ ก็จะสบายใจ..."
ครับ...! ฟังแล้วมีความสุข...อยากเลิกดื่มตั้งแต่วันนี้เลย...
แต่มีบางคนที่มักพูดไม่ตรงกับความรู้สึกของตัวเอง...เป็นการสื่อสารที่ไม่ดี...เช่น...
"เออ...แดกๆ มันเข้าไป...จะได้ตายห่าไวๆ กูจะได้หาผัวใหม่..."
เป็นไงครับ...คุณผู้ชายฟังแล้วอยากเลิกไหมครับ...?
เลิกแน่นอนครับ...แต่ไม่ใช่เหล้า...?
เราจะเห็นได้ว่า...บางครั้งความรู้สึกดีๆ ถูกคำพูดที่ไม่ดีมาบดบัง...ทำให้เกิดความเข้าใจผิด... เกิดความเสียหาย...เราเรียกวิธีการอย่างนี้ว่า..."การสื่อสารทางลบ"

การพูดให้เป็นบวก

ลองมาฟังคำพูดสองประโยคนี้ดูนะครับ
- ผู้ชายคนนี้หล่อดี...แต่นิสัยแย่มาก...
- ผู้ชายคนนี้นิสัยแย่มาก...แต่หน้าตาหล่อดี...
ความจริงทั้งสองประโยคนี้มีความหมายเหมือนกัน...
แต่ความรู้สึกของคนฟัง...จะให้ความสำคัญ...หรือติดอยู่กับประโยคสุดท้ายมากกว่า...
ดังนั้นในการจะวิจารณ์...หรือ แนะนำอะไรก็แล้วแต่...ให้เน้นข้อความที่เป็นลบก่อน... แล้วตามด้วยประโยคที่มีความหมายเป็นบวกเสมอ...เช่น...
"ผู้ชายคนนี้ ถึงแม้นิสัยไม่ดี...แต่ล้อหล่อ..."
ข้างหน้าเป็นลบ...ข้างหลังจะต้องเป็นบวกเสมอ...และมีคำว่า... "แต่"...เชื่อมประโยคอยู่ตรงกลาง...
มีไหมครับ...? ที่ข้างหน้าเป็นลบ...แล้วข้างหลังก็เป็นลบด้วย...เช่น...
"ถึงแม้ว่าลูกจะเป็นคนโง่...แต่ลูกก็เนรคุณอีกต่างหาก..."
"เจ้านายครับ...ถึงแม้ว่าผมจะมาสาย...แต่ผมก็กลับก่อนเป็นประจำนะครับ..."
ไอ้คำว่ากลับก่อนนี้...ไม่ใช่ข้อดีนะครับ...อย่างนี้เขาเรียกว่า... "เลวระยำซ้ำซ้อน"

การล้างความสกปรกของคำพูด

เวลาที่เราจำเป็นต้องพูด คำที่มีความหมายเชิงลบๆ... เช่นคำว่า...
"ลูกเป็นโง่"
ในความรู้สึกมันแรงมาก...เราสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาหรือลดความรุนแรงนี้อย่างไรครับ...?
ก็โดยใช้คำพูดที่เบาลง...และฟังดูนุ่มขึ้น...เช่น...
"ถึงแม้ลูกจะสอบได้คะแนนน้อย...แต่ลูกก็เป็นคนดีมีน้ำใจ...เชื่อฟังคุณพ่อ คุณแม่... ทำให้ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่สบายใจ..."

การแจ้งข่าวร้าย

คำพูดบางคำ...ฟังแล้วสะดุ้งใจ...สะเทือนใจ...พาลจะช็อคลืมหายใจก็มี...เช่น
ลูกเราไม่สบาย...ป่วยเป็นโรคปอดระยะสุดท้าย...
เรามาเยี่ยมพูดคุยกับลูกอยู่จนค่ำ...แล้วจึงกลับบ้าน...
วันรุ่งขึ้นเราซื้อโจ๊ก...และผลไม้มาฝากลูก...แต่ไม่พบลูกในห้องเดิม...
จึงเดินไปถามพยาบาลที่เคาท์เตอร์ว่า...
"คุณคะ...ลูกชายดิฉันเมื่อวานอยู่เตียงสิบเอ็ด...วันนี้ย้ายไปเตียงไหนคะ" พยาบาลหันมามองหน้า...แล้วแสยะยิ้ม... "ลูกชายคุณเหรอ...เหอะ...เหอะ...ตายไปแล้ว..."
เป็นไงครับ...? ฟังดูแล้วดีไหมครับ...?
อยากจะสิ้นใจตายไปพร้อมกับนังพยาบาลที่ให้ข่าวนั้นเลย...
เราจะใช้วิธีแจ้งข่าวร้ายอย่างไรจึงจะดีกว่านี้ครับ...?
แน่นอนครับ...ก่อนที่จะบอกว่าตาย...เราต้องเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น...เพื่อเตรียมอารมณ์... และใช้คำพูดที่นุ่มนวลกว่า...เสียก่อนเช่น...
"เมื่อวานนี้ตอนคุณมาเยี่ยมช่วงเช้า...อาการลูกชายคุณก็ยังเป็นไม่มาก...แต่อย่างที่คุณทราบ... แกเป็นโรคปอดระยะสุดท้าย...หลังจากคุณกลับไปแล้ว...แกหอบมากขึ้น...คุณหมอก็เลยให้น้ำเกลือและออกซิเจน... ให้น้ำเกลือเพราะว่าคนไข้ทานอาหารไม่ได้...พอตกเย็นแกเริ่มหายใจหอบมากขึ้น...และหัวใจหยุดเต้น... คุณหมอและดิฉันจึงช่วยกันปั๊มหัวใจ...แรกๆ ก็ดีขึ้น...คิดว่าคงจะดีต่อไปเรื่อยๆ แต่พอตกดึกหัวใจหยุดเต้นอีกครั้งหนึ่ง...หลังจากคุณหมอและดิฉัน ช่วยกันอย่างสุดความสามารถ... ในที่สุดลูกชายของคุณก็จากไปด้วยความสงบ..."
ดีขึ้นไหมครับ...?
ถ้าแจ้งข่าวอย่างนี้...จะมีคนเสียชีวิตเพียงคนเดียว... คือคนไข้...
ส่วนพยาบาลและญาติคนป่วย...จะยังมีชีวิตอยู่...
ความหมายในเชิงข้อมูลเหมือนกัน...แต่ให้ความรู้สึกต่างกันมาก...เป็นการแจ้งข่าวแบบทนุถนอมใจผู้ฟัง...
ฉะนั้นเวลาจะใช้คำพูด...เพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆ ให้ใช้คำพูดที่นุ่มนวล...สละสลวยและสะอาดนะครับ...

แจ้งผลการสอบ

เคยแจ้งผลการสอบให้เพื่อนทราบไหมครับ...?
หลายคนเคยนะครับ...
เวลาเพื่อนสอบไม่ได้...จะแจ้งอย่างไรดีครับ...?
"เฮ้ย...เอ็งสอบตก"
เป็นไงครับ...สะใจเรา...แต่เพื่อนช็อค...
ทำให้เบาบางลง...ทำอย่างไรดีครับ...?
"ผมไปดูชื่อแล้วไม่เจอ...ผมคิดว่าคุณควรไปดูใหม่อีกทีนะครับ...ผมอาจดูไม่ละเอียด..."
เป็นไงครับ...? พูดเพื่อให้เขาเตรียมใจไว้ก่อน...
ทั้งที่จริงๆ แล้ว...เราดูมาสี่รอบแล้ว...เรามั่นใจมาก...
แต่ถ้าบอกตรงๆ ทันที...เขาอาจทำใจไม่ได้...

การพูดให้กำลังใจ

"ใครๆ ต่างพากันรังเกียจผม...ผมช่างเป็นคนรกโลกเสียจริงๆ...มีแต่แม่และหลานเท่านั้น...ที่เข้าใจผม..."
ถ้าคุณจะพูดให้กำลังใจ...และทำให้ผู้ฟังรู้สึกดีขึ้น...พูดยังไงครับ...?
เอาประโยคลบไว้ข้างหน้าก่อน...แล้วทำให้อ่อนกำลังลง...
"ใครๆ ต่างพากันรังเกียจคุณ" เปลี่ยนเป็น...
"ถึงแม้ว่าบางคน ยังไม่ยอมรับคุณในตอนนี้...แต่ก็มีแม่และหลาน...ที่เอาใจใส่คุณ... ดิฉันเชื่อว่า... ทั้งสองคนนี้จะเป็นกำลังใจให้คุณ..."
นี่คือการใช้คำพูด...ที่ทำให้คนเกิดกำลังใจ...
เมื่อเราอยู่กับคนที่เรารัก...เราต้องสื่อสารให้เขาทราบว่า..."เรารักเขา"
เมื่อคนที่เรารักมีปัญหา...เราต้องพูดให้กำลังใจ...
การสื่อสารที่ดี...ในทางบวก...จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับคนรักแนบแน่น... ครอบครัวเป็นสุข...

การสื่อสารที่ลึกซึ้งที่สุด

ภาษากาย...เป็นการสื่อสารที่ลึกซึ้ง...ที่ภาษาพูดไปไม่ถึง
ภาษากายที่ลึกซึ้งที่สุด...ระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงคือ... "เพศสัมพันธ์"
ไม่มีการสื่อสารชนิดใด...ที่ลึกซึ้งมากกว่านี้อีกแล้ว...
ไม่มีภาษาใด...บรรยายความรู้สึก...ความต้องการได้กระจ่างแจ้งกว่านี้อีกแล้ว...
ไม่มีการสื่อสารใดๆ...ที่ให้ความสุขได้มากกว่านี้
เมื่อเราทราบว่า...เพศสัมพันธ์คือการสื่อสารภาษารัก...ที่ให้ความสุขกับชีวิตคู่ของครอบครัวได้มากที่สุด...
เราก็ควรใช้สื่อดังกล่าวที่เรามีอยู่แล้ว...ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเรา...และครอบครัวสูงสุด...
ทุกอย่างในโลก...มีสองด้านเสมอ...
อะไรที่มีคุณอนันต์...ก็มักมีโทษมหันต์...
เหมือนกับเรามีมีดอยู่เล่มหนึ่ง...ถ้าเรานำไปปอกผลไม้ทาน...มีดเล่มนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี...มีประโยชน์...
แต่ถ้าเรานำมีดอันเดิมนั่นแหละ...ไปแทงคนตาย...ไปฆ่าคน...มันก็เป็นเรื่องไม่ดี...เป็นโทษ
เรื่องเพศก็อีหรอบเดียวกัน...ขอให้ทุกท่านนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์... และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ครอบครัวนะครับ...!

นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล
สมคิด ลวางกูร



[ที่มา..เพศศึกษา ฮา..สุดขีด   โดย นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล และสมคิด ลวางกูร ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600