ฟีโรโมน PHREROMONE เป็นคำที่มาจาก คำภาษากรีก 2 คำรวมกัน
คือคำว่า PHEREIN ซึ่งแปลว่า นำมาหรือส่งต่อไปให้ และ HORMON
ซึ่งแปลว่า ตื่นเต้น ตื่นตัว รวมกันแล้ว จึงแปลว่า นำเอาความตื่นเต้นมาให้
ความตื่นเต้นอะไรน่ะหรือครับ ก็ความตื่นเต้นของคู่ซิครับ ตื่นเต้นในความรัก
ตื่นเต้นที่จะได้มีการเจริญพันธุ์ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า
สัตว์ทุกชนิดในห้วงเวลาที่มีการเจริญพันธุ์นั้นจะมีการหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา
สารดังกล่าวเรียกขานกันว่า ฟีโรโมน ส่วนมากแล้วจะหลั่งออกมาจากเพศเมีย
เพราะต้องการเรียกให้ตัวผู้มาทำการผสมพันธุ์จะได้เจริญเผ่าพันธุ์ต่อไป
ไม่สูญพันธุ์ไปเสียก่อน ต่อมาก็พบว่า ปลาบางชนิดมีสารฟีโรโมนดังกล่าวด้วยเช่น
ปลาฉลาม และปลาแซลมอน ในสัตว์บกนั่นพบเกือบทุกชนิด
และไม่เว้นแม้แต่สัตว์ปีกตัวเล็กๆ เช่น ตั๊กแตน ผีเสื้อ แต่ไม่พบในนก
โดยปกติแล้วฟีโรโมนเป็นสารที่ระเหยได้ และสร้างออกมาจากเพศหนึ่ง
เพื่อกระตุ้นอีกเพศหนึ่งให้เกิดอารมณ์รักใคร่อยากจะได้ไว้เป็นคู่
ฟีโรโมนออกฤทธิ์อย่างแรงในการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกรักใคร่
อยากเป็นของกันและกันให้มากขึ้น ในเผ่าพันธ์เดียวกันนะครับ
รับรองว่าฟีโรโมนของคุณไม่สามารถไปกระตุ้นม้าหรือช้างให้รักคุณได้เด็ดขาด
เชื่อไหมครับ เวลาเขาพูดกันถึง ฟีโรโมน นั้นมักจะเรียกกันว่า กลิ่นเรียกรัก
แต่โดยแท้ที่จริงแล้ว ฟีโรโมนนั้นไม่มีกลิ่นที่รับรู้ได้จากทางจมูกหรอกครับ
แต่กลิ่นที่ไม่มีกลิ่นดังกล่าว (อ่านแล้วงงไหมครับ) ที่เรียกว่า ฟีโรโมน
นั้นจะรับรู้ได้จากสมอง ฟีโรโมนนั้น หลั่งออกมาเพียงน้อยนิด
ก็สามารถที่จะเรียกคู่ได้จำนวนมหาศาล โดยปกติแล้ว ฟีโรโมน
มักจะหลั่งออกมาจากเพศหญิงเพื่อที่จะให้ชายมาหลงรัก จำได้นะครับว่า
ฟีโรโมนแท้นั้นไม่มีกลิ่น ดังนั้น รับรองว่าไม่ใช่กลิ่นที่เรียกว่าสาบสาวอย่างเด็ดขาด
เป็นที่เชื่อกันมานานแล้วว่า สัตว์เพศผู้ทั้งหลายมีตัวรับกลิ่นเสน่ห์
หรือฟีโรโมนดังกล่าวอยู่ในสมองจึงสามารถที่จะหลงเสน่ห์เพศเมียได้
ในขณะที่สัตว์เพศเมียไม่มีตัวรับกลิ่นดังกล่าว จึงไม่มีการหลงเสน่ห์ตัวเอง
ในสัตว์บกบางชนิดนั้น ตัวผู้ก็มีฟีโรโมนเหมือนกันและเป็นตัวกระตุ้น
ให้ตัวเมียเกิดการตกไข่ เช่น ในกระต่ายและหนูนั้นตัวเมียจะเกิดการตกไข่
ก็ต่อเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนของตัวผู้เท่านั้น ไม่นานมานี้เอง
ที่ได้มีการสกัดเอาฟีโรโมนของมนุษย์เราออกมาได้เป็นผลสำเร็จ
ไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมานี่เองนะครับที่ได้มีการสกัดเอาฟีโรโมนจากผิวหนัง
ซึ่งเมื่อนำเอาสารสกัดดังกล่าวไปทดสอบกับอาสาสมัครจำนวน 40 คน
ผลการทดลองนั้น อาสาสมัครตอบว่ามีความรู้สึกดี เป็นมิตร
และอยากตอบสนองต่อความรัก พูดง่ายๆ ก็คือ ทำให้มีอารมณ์แห่งความรักนั่นเอง
เนื่องจากเคยมีการวิจัยพบว่า ในน้ำหล่อลื่นและตกขาวตามธรรมชาติของผู้หญิงที่สะอาดนั้น
มักจะมีกลิ่นที่ชวนให้วาบหวาม และบางกลิ่นระเหยออกมาจากจุดซ่อนเร้น
ของสัตว์บกที่เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดในบางห้วงเวลา เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว
ปรากฏว่าประกอบไปด้วยกรดไขมันบางชนิดที่มีโครงสร้างคล้ายฟีโรโมนด้วย
และคุณผู้ชายที่พิสมัยการทำรักด้วยปากกับส่วนนั้นของแฟนคุณ
เคยลองสังเกตดูบ้างไหมครับว่า ในบางช่วงเช่นวันไข่ตกกลิ่นจะเปลี่ยนไป
ในวันไข่ตกบางครั้งพบว่าผู้หญิงจะมีกลิ่นสะอาด หอมเย้ายวนใจ
ออกมาจากส่วนนั้นเหมือนกัน
คุณๆ อ่านมาถึงตรงนี้คงจะบอกว่า บอกซะทีได้ไหมว่า
ฟีโรโมนในคนน่ะคืออะไร มีจริงไหม และระเหยออกมาจากผิวกายได้อย่างไร ?
จะได้ไปให้สาวหรือหนุ่มคนรักดมแล้วจะได้หลงใหลไม่หนีห่างไปไหน
ในปัจจุบันพบว่า ฟีโรโมนของคนเรานั้นจะหลั่งออกมาในปริมาณน้อยนิด
จากน้ำมันบริเวณผิวหนังรอบๆ หัวนม, ใต้รักแร้ และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
ฟีโรโมนของคน มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน DHEA
ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างมาจากต่อมหมวกไต เป็นต่อมเล็กๆ
ที่อยู่เหนือไตทั้งสองข้าง แค่เหมือนเท่านั้นนะครับ... ไม่ใช่เหมือนทั้งหมด
100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ฟีโรโมน มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน
และออกฤทธิ์ต่อประสาทสมองส่วนจิตใต้สำนึกทำให้คิดถึงเรื่องราวพื้นฐาน
ซึ่งก็คือการเจริญพันธุ์ของมนุษยชาติ
ฟีโรโมนจึงทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ อารมณ์เพศ
และกระตุ้นให้มีความต้องการทางเพศต่อเพศตรงข้าม
มนุษย์เรานั้นต่างกับสัตว์ก็คือในการรับรู้ การวิวัฒนาการที่ทำให้คนเรา
มีจริยธรรมกระทำในสิ่งที่ดีงามนั้นร่างกายของคนเราจะหลั่งฟีโรโมนออกมา
ก็ต่อเมื่อเจอกับเพศตรงข้ามที่พึงพอใจ และเมื่อตนเองมีอารมณ์เพศเท่านั้น
คือ ทำให้เกิดความรัก และเพิ่มอารมณ์ที่จะมีสัมผัสรักทางกายต่อกันและกัน
เมื่อคุณเกิดความรักในเขาและเธอ ฟีโรโมนก็จะหลั่งออกมา
ไปกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับทราบถึงความรักและความสนใจที่เกิดขึ้น
ทำให้เกิดการตอบสนองตามมา
เมื่อรักเข้าใจในรักและต้องการที่จะเป็นของกันและกันทั้งกายและใจ
ฟีโรโมนก็จะหลั่งออกมาให้เกิดอารมณ์และความปรารถนาตามธรรมชาติทางเพศ
และนำไปสู่การมีความสัมพันธ์ทางกาย คุณเคยสังเกตไหมครับว่า
ถึงแม้ว่าคุณจะพบหนุ่มเหน้า หรือสาวสวยมากหน้าหลายตา
แต่ถ้าคุณไม่เกิดความรักแล้ว อารมณ์เพศถึงแม้จะเกิดขึ้นแต่ก็สามารถที่จะหายไปได้
แต่ถ้ามีความรักในกันและกันแล้วละก็ มันอยากที่จะเป็นของกันและกันให้ได้
และโหยหาที่จะได้เป็นของกันและกันอยู่เสมอ จะเรียกว่าติดอกติดใจ
หรือบางทีอาจจะติดกลิ่นก็ได้
บางคนนะครับไม่ได้กลิ่นคนรักที่เคยนอนข้างกายแล้วละก็นอนไม่หลับเลย
บอกยากครับว่าติดกลิ่นอะไร กลิ่นกายหรือกลิ่นฟีโรโมน เคยมีการศึกษาวิจัยนะครับ
นักวิทยาศาสตร์ลองเขากลิ่นฟีโรโมนที่สกัดจากผู้ชายไปซ่อนไว้ใต้เก้าอี้ตัวหนึ่ง
ในห้องประชุมที่มีผู้หญิงที่ทำงานเป็นเลขานุการมาประชุมกัน
ปรากฏว่าสุภาพสตรีทั้งหลายมานั่งรวมกันเป็นกระจุกรวมเก้าอี้ตัวนั้น
และแน่นอนบนเก้าอี้ตัวดังกล่าวก็มีสุภาพสตรีผู้โชคดีไปถึงก่อนเป็นคนแรก
นั่งรออยู่ก่อนแล้ว การทดลองทำต่อไปในโรงภาพยนตร์
โดยพ่นฟีโรโมนชายในเก้าอี้นั่งบางตัวและเว้นบางตัวไว้ ปรากฏว่า
เก้าอี้ที่โดนพ่นโดยฟีโรโมนมีผู้หญิงมายึดครองหมดปล่อยให้เก้าอี้ตัวอื่นๆ ว่างไว้
น่าสนใจไหมครับ ถ้าผมจะบอกต่อไปว่า มีการศึกษาพบว่า
ผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอแล้วเกิดไปแต่งงานขึ้น
เธอมีเพศสัมพันธ์กับชายคนรักอย่างสม่ำเสมอ ไม่ช้าไม่นาน
ประจำเดือนของเธอก็มาเป็นปกติ แพทย์หลายท่านพยายามอธิบายว่า
เกิดจากเซ็กซ์ที่สุขสมทำให้เกิดมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา
จนนอนหลับผ่อนคลาย ฮอร์โมนของการเจริญพันธุ์จึงหลั่งออกมาดี
ทำให้มีประจำเดือนเป็นปกติได้
แต่อีกหลายท่านว่า เป็นไปได้ไหมหนอ ในระหว่างที่กิจกรรมแห่งความรักใคร่
กำลังดำเนินอยู่นั้นน่ะ เหงื่อที่ออกมาจากรักแร้ และซอกขาหนีบ
อาจจะมีฮอร์โมนฟีโรโมน หลั่งออกมาด้วยและเจ้าฟีโรโมนนี่แหละ
ที่ไปทำให้ระบบการเจริญพันธุ์ของเธอทำงานเป็นปกติ
การศึกษายังพบต่อไปด้วยนะครับว่า ผู้หญิงกลุ่มนี้มีบุตรค่อนข้างง่ายด้วย
ระวังจะผิดกลิ่นแล้วเกิดอารมณ์ก็แล้วกัน .. บ้านแตกผมไม่รู้ด้วย !!
บริษัทน้ำหอมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายบริษัทเริ่มหัวใสขึ้น
มีการผสมฟีโรโมนจากสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมในกลิ่นน้ำหอมของตน
ทำให้เกิดการเร้าอารมณ์เพศตรงข้ามได้ นอกจากนี้ก็มีการผลิตสาร
ที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายฟีโรโมนของมนุษย์ ผสมในน้ำหอมเช่นกัน
ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ เนื่องจากเป็นคนชอบน้ำหอมมาก
เดี๋ยวนี้น้ำหอมรุ่นใหม่ๆ มีกลิ่นแปลกๆ ที่เมื่อดมแล้วจะเกิดอารมณ์วาบหวาม
รัญจวนใจได้เพิ่มขึ้น เพียงแต่เวลาคุณจะเลือกน้ำหอมต้องเลือกกลิ่น
ที่ไปได้กับกลิ่นเหงื่อของคุณนะครับ เพราะในกลิ่นเหงื่อโดยเฉพาะบริเวณซอกรักแร้
และบริเวณที่ปกคลุมด้วยขนในจุดซ่อนเร้นของคุณนั้น
จะมีฟีโรโมนของตัวคุณเองออกมาผสมด้วย จึงควรเลือกกลิ่นที่ไปกันได้
เพียงแต่ขอเตือนก่อนนะครับว่า ฟีโรโมนจากธรรมชาติและที่สังเคราะห์เลียนแบบนี้
มีคุณสมบัติเพียงแต่ทำให้เพศตรงข้ามสนใจ เกิดความอบอุ่นอยากจะใกล้ชิดนะครับ
ไม่ได้เป็นยาเพิ่มพลังเพศ หรือยาปลุกเซ็กซ์แต่อย่างใดเดี๋ยวไปใช้ผิดประเภทไม่ได้ผลแล้ว
จะหาว่าเขียนอะไรไม่จริง เพราะผมว่าหลังจากลองใช้แล้ว
เขาและเธอที่ร่วมโครงการทดลองใช้จะเกิดอารมณ์รักใคร่ อยากกอด อยากจูบ
และสัมผัสทางกายมากขึ้น แต่จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์หรือไม่
ผมอยากจะขอยกข้อมูลเหล่านี้มาให้ดูนะครับ
- ผู้ชายร้อยละ 74 ที่ใช้ฟีโรโมนพบว่าผู้หญิงมีอารมณ์โรแมนติกกับพวกเขามากขึ้น
- ผู้ชายร้อยละ 47 มีความสัมพันธ์ทางเพศเพิ่มขึ้นถ้าใช้ฟีโรโมน
เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ใช้ฟีโรโมนหลอกจะมีความสัมพันธ์เพิ่มเพียงร้อยละ 9.5 เท่านั้น
- ผู้ชายที่ใช้ฟีโรโมนจริงร้อยละ 41 จูบคู่รักดูดดื่มมากขึ้น
เมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้ฟีโรโมนหลอกที่จูบเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 14
อย่าลืมนะครับว่า การจูบกันเป็นการแสดงออกของความรักมากกว่า
คุณจะรู้สึกหวานชื่น และดูดดื่ม จากการจูบกับคนรักของคุณ
เพราะจูบเป็นการแสดงความรัก ส่วนการเป็นของกันและกันนั้นเป็นกามารมณ์
กามารมณ์และความรักเป็นของคู่กันอยู่แล้วเพียงแต่กามารมณ์ที่เกิดจากความรัก
มีสีสันงดงาม และดูดดื่มซาบซึ้งกว่ากามารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความรักมากมายนัก
นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
|