มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 กลิ่นเรียกรัก


ฟีโรโมน PHREROMONE เป็นคำที่มาจาก คำภาษากรีก 2 คำรวมกัน คือคำว่า PHEREIN ซึ่งแปลว่า นำมาหรือส่งต่อไปให้ และ HORMON ซึ่งแปลว่า ตื่นเต้น ตื่นตัว รวมกันแล้ว จึงแปลว่า นำเอาความตื่นเต้นมาให้ ความตื่นเต้นอะไรน่ะหรือครับ ก็ความตื่นเต้นของคู่ซิครับ ตื่นเต้นในความรัก ตื่นเต้นที่จะได้มีการเจริญพันธุ์ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่า สัตว์ทุกชนิดในห้วงเวลาที่มีการเจริญพันธุ์นั้นจะมีการหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา สารดังกล่าวเรียกขานกันว่า ฟีโรโมน ส่วนมากแล้วจะหลั่งออกมาจากเพศเมีย เพราะต้องการเรียกให้ตัวผู้มาทำการผสมพันธุ์จะได้เจริญเผ่าพันธุ์ต่อไป ไม่สูญพันธุ์ไปเสียก่อน ต่อมาก็พบว่า ปลาบางชนิดมีสารฟีโรโมนดังกล่าวด้วยเช่น ปลาฉลาม และปลาแซลมอน ในสัตว์บกนั่นพบเกือบทุกชนิด และไม่เว้นแม้แต่สัตว์ปีกตัวเล็กๆ เช่น ตั๊กแตน ผีเสื้อ แต่ไม่พบในนก

โดยปกติแล้วฟีโรโมนเป็นสารที่ระเหยได้ และสร้างออกมาจากเพศหนึ่ง เพื่อกระตุ้นอีกเพศหนึ่งให้เกิดอารมณ์รักใคร่อยากจะได้ไว้เป็นคู่ ฟีโรโมนออกฤทธิ์อย่างแรงในการกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึกรักใคร่ อยากเป็นของกันและกันให้มากขึ้น ในเผ่าพันธ์เดียวกันนะครับ รับรองว่าฟีโรโมนของคุณไม่สามารถไปกระตุ้นม้าหรือช้างให้รักคุณได้เด็ดขาด

เชื่อไหมครับ เวลาเขาพูดกันถึง ฟีโรโมน นั้นมักจะเรียกกันว่า กลิ่นเรียกรัก แต่โดยแท้ที่จริงแล้ว ฟีโรโมนนั้นไม่มีกลิ่นที่รับรู้ได้จากทางจมูกหรอกครับ แต่กลิ่นที่ไม่มีกลิ่นดังกล่าว (อ่านแล้วงงไหมครับ) ที่เรียกว่า ฟีโรโมน นั้นจะรับรู้ได้จากสมอง ฟีโรโมนนั้น หลั่งออกมาเพียงน้อยนิด ก็สามารถที่จะเรียกคู่ได้จำนวนมหาศาล โดยปกติแล้ว ฟีโรโมน มักจะหลั่งออกมาจากเพศหญิงเพื่อที่จะให้ชายมาหลงรัก จำได้นะครับว่า ฟีโรโมนแท้นั้นไม่มีกลิ่น ดังนั้น รับรองว่าไม่ใช่กลิ่นที่เรียกว่าสาบสาวอย่างเด็ดขาด

เป็นที่เชื่อกันมานานแล้วว่า สัตว์เพศผู้ทั้งหลายมีตัวรับกลิ่นเสน่ห์ หรือฟีโรโมนดังกล่าวอยู่ในสมองจึงสามารถที่จะหลงเสน่ห์เพศเมียได้ ในขณะที่สัตว์เพศเมียไม่มีตัวรับกลิ่นดังกล่าว จึงไม่มีการหลงเสน่ห์ตัวเอง

ในสัตว์บกบางชนิดนั้น ตัวผู้ก็มีฟีโรโมนเหมือนกันและเป็นตัวกระตุ้น ให้ตัวเมียเกิดการตกไข่ เช่น ในกระต่ายและหนูนั้นตัวเมียจะเกิดการตกไข่ ก็ต่อเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนของตัวผู้เท่านั้น ไม่นานมานี้เอง ที่ได้มีการสกัดเอาฟีโรโมนของมนุษย์เราออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมานี่เองนะครับที่ได้มีการสกัดเอาฟีโรโมนจากผิวหนัง ซึ่งเมื่อนำเอาสารสกัดดังกล่าวไปทดสอบกับอาสาสมัครจำนวน 40 คน ผลการทดลองนั้น อาสาสมัครตอบว่ามีความรู้สึกดี เป็นมิตร และอยากตอบสนองต่อความรัก พูดง่ายๆ ก็คือ ทำให้มีอารมณ์แห่งความรักนั่นเอง

เนื่องจากเคยมีการวิจัยพบว่า ในน้ำหล่อลื่นและตกขาวตามธรรมชาติของผู้หญิงที่สะอาดนั้น มักจะมีกลิ่นที่ชวนให้วาบหวาม และบางกลิ่นระเหยออกมาจากจุดซ่อนเร้น ของสัตว์บกที่เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดในบางห้วงเวลา เมื่อวิเคราะห์ออกมาแล้ว ปรากฏว่าประกอบไปด้วยกรดไขมันบางชนิดที่มีโครงสร้างคล้ายฟีโรโมนด้วย และคุณผู้ชายที่พิสมัยการทำรักด้วยปากกับส่วนนั้นของแฟนคุณ เคยลองสังเกตดูบ้างไหมครับว่า ในบางช่วงเช่นวันไข่ตกกลิ่นจะเปลี่ยนไป ในวันไข่ตกบางครั้งพบว่าผู้หญิงจะมีกลิ่นสะอาด หอมเย้ายวนใจ ออกมาจากส่วนนั้นเหมือนกัน

คุณๆ อ่านมาถึงตรงนี้คงจะบอกว่า บอกซะทีได้ไหมว่า ฟีโรโมนในคนน่ะคืออะไร มีจริงไหม และระเหยออกมาจากผิวกายได้อย่างไร ? จะได้ไปให้สาวหรือหนุ่มคนรักดมแล้วจะได้หลงใหลไม่หนีห่างไปไหน ในปัจจุบันพบว่า ฟีโรโมนของคนเรานั้นจะหลั่งออกมาในปริมาณน้อยนิด จากน้ำมันบริเวณผิวหนังรอบๆ หัวนม, ใต้รักแร้ และบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์

ฟีโรโมนของคน มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน DHEA ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สร้างมาจากต่อมหมวกไต เป็นต่อมเล็กๆ ที่อยู่เหนือไตทั้งสองข้าง แค่เหมือนเท่านั้นนะครับ... ไม่ใช่เหมือนทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ฟีโรโมน มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมน และออกฤทธิ์ต่อประสาทสมองส่วนจิตใต้สำนึกทำให้คิดถึงเรื่องราวพื้นฐาน ซึ่งก็คือการเจริญพันธุ์ของมนุษยชาติ

ฟีโรโมนจึงทำให้เกิดอารมณ์รักใคร่ อารมณ์เพศ และกระตุ้นให้มีความต้องการทางเพศต่อเพศตรงข้าม มนุษย์เรานั้นต่างกับสัตว์ก็คือในการรับรู้ การวิวัฒนาการที่ทำให้คนเรา มีจริยธรรมกระทำในสิ่งที่ดีงามนั้นร่างกายของคนเราจะหลั่งฟีโรโมนออกมา ก็ต่อเมื่อเจอกับเพศตรงข้ามที่พึงพอใจ และเมื่อตนเองมีอารมณ์เพศเท่านั้น คือ ทำให้เกิดความรัก และเพิ่มอารมณ์ที่จะมีสัมผัสรักทางกายต่อกันและกัน เมื่อคุณเกิดความรักในเขาและเธอ ฟีโรโมนก็จะหลั่งออกมา ไปกระตุ้นให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับทราบถึงความรักและความสนใจที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการตอบสนองตามมา

เมื่อรักเข้าใจในรักและต้องการที่จะเป็นของกันและกันทั้งกายและใจ ฟีโรโมนก็จะหลั่งออกมาให้เกิดอารมณ์และความปรารถนาตามธรรมชาติทางเพศ และนำไปสู่การมีความสัมพันธ์ทางกาย คุณเคยสังเกตไหมครับว่า ถึงแม้ว่าคุณจะพบหนุ่มเหน้า หรือสาวสวยมากหน้าหลายตา แต่ถ้าคุณไม่เกิดความรักแล้ว อารมณ์เพศถึงแม้จะเกิดขึ้นแต่ก็สามารถที่จะหายไปได้ แต่ถ้ามีความรักในกันและกันแล้วละก็ มันอยากที่จะเป็นของกันและกันให้ได้ และโหยหาที่จะได้เป็นของกันและกันอยู่เสมอ จะเรียกว่าติดอกติดใจ หรือบางทีอาจจะติดกลิ่นก็ได้

บางคนนะครับไม่ได้กลิ่นคนรักที่เคยนอนข้างกายแล้วละก็นอนไม่หลับเลย บอกยากครับว่าติดกลิ่นอะไร กลิ่นกายหรือกลิ่นฟีโรโมน เคยมีการศึกษาวิจัยนะครับ นักวิทยาศาสตร์ลองเขากลิ่นฟีโรโมนที่สกัดจากผู้ชายไปซ่อนไว้ใต้เก้าอี้ตัวหนึ่ง ในห้องประชุมที่มีผู้หญิงที่ทำงานเป็นเลขานุการมาประชุมกัน ปรากฏว่าสุภาพสตรีทั้งหลายมานั่งรวมกันเป็นกระจุกรวมเก้าอี้ตัวนั้น และแน่นอนบนเก้าอี้ตัวดังกล่าวก็มีสุภาพสตรีผู้โชคดีไปถึงก่อนเป็นคนแรก นั่งรออยู่ก่อนแล้ว การทดลองทำต่อไปในโรงภาพยนตร์ โดยพ่นฟีโรโมนชายในเก้าอี้นั่งบางตัวและเว้นบางตัวไว้ ปรากฏว่า เก้าอี้ที่โดนพ่นโดยฟีโรโมนมีผู้หญิงมายึดครองหมดปล่อยให้เก้าอี้ตัวอื่นๆ ว่างไว้

น่าสนใจไหมครับ ถ้าผมจะบอกต่อไปว่า มีการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอแล้วเกิดไปแต่งงานขึ้น เธอมีเพศสัมพันธ์กับชายคนรักอย่างสม่ำเสมอ ไม่ช้าไม่นาน ประจำเดือนของเธอก็มาเป็นปกติ แพทย์หลายท่านพยายามอธิบายว่า เกิดจากเซ็กซ์ที่สุขสมทำให้เกิดมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา จนนอนหลับผ่อนคลาย ฮอร์โมนของการเจริญพันธุ์จึงหลั่งออกมาดี ทำให้มีประจำเดือนเป็นปกติได้

แต่อีกหลายท่านว่า เป็นไปได้ไหมหนอ ในระหว่างที่กิจกรรมแห่งความรักใคร่ กำลังดำเนินอยู่นั้นน่ะ เหงื่อที่ออกมาจากรักแร้ และซอกขาหนีบ อาจจะมีฮอร์โมนฟีโรโมน หลั่งออกมาด้วยและเจ้าฟีโรโมนนี่แหละ ที่ไปทำให้ระบบการเจริญพันธุ์ของเธอทำงานเป็นปกติ การศึกษายังพบต่อไปด้วยนะครับว่า ผู้หญิงกลุ่มนี้มีบุตรค่อนข้างง่ายด้วย

ระวังจะผิดกลิ่นแล้วเกิดอารมณ์ก็แล้วกัน .. บ้านแตกผมไม่รู้ด้วย !!

บริษัทน้ำหอมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายบริษัทเริ่มหัวใสขึ้น มีการผสมฟีโรโมนจากสัตว์ในปริมาณที่เหมาะสมในกลิ่นน้ำหอมของตน ทำให้เกิดการเร้าอารมณ์เพศตรงข้ามได้ นอกจากนี้ก็มีการผลิตสาร ที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายฟีโรโมนของมนุษย์ ผสมในน้ำหอมเช่นกัน

ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะครับ เนื่องจากเป็นคนชอบน้ำหอมมาก เดี๋ยวนี้น้ำหอมรุ่นใหม่ๆ มีกลิ่นแปลกๆ ที่เมื่อดมแล้วจะเกิดอารมณ์วาบหวาม รัญจวนใจได้เพิ่มขึ้น เพียงแต่เวลาคุณจะเลือกน้ำหอมต้องเลือกกลิ่น ที่ไปได้กับกลิ่นเหงื่อของคุณนะครับ เพราะในกลิ่นเหงื่อโดยเฉพาะบริเวณซอกรักแร้ และบริเวณที่ปกคลุมด้วยขนในจุดซ่อนเร้นของคุณนั้น จะมีฟีโรโมนของตัวคุณเองออกมาผสมด้วย จึงควรเลือกกลิ่นที่ไปกันได้

เพียงแต่ขอเตือนก่อนนะครับว่า ฟีโรโมนจากธรรมชาติและที่สังเคราะห์เลียนแบบนี้ มีคุณสมบัติเพียงแต่ทำให้เพศตรงข้ามสนใจ เกิดความอบอุ่นอยากจะใกล้ชิดนะครับ ไม่ได้เป็นยาเพิ่มพลังเพศ หรือยาปลุกเซ็กซ์แต่อย่างใดเดี๋ยวไปใช้ผิดประเภทไม่ได้ผลแล้ว จะหาว่าเขียนอะไรไม่จริง เพราะผมว่าหลังจากลองใช้แล้ว เขาและเธอที่ร่วมโครงการทดลองใช้จะเกิดอารมณ์รักใคร่ อยากกอด อยากจูบ และสัมผัสทางกายมากขึ้น แต่จะนำไปสู่การมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ผมอยากจะขอยกข้อมูลเหล่านี้มาให้ดูนะครับ
  • ผู้ชายร้อยละ 74 ที่ใช้ฟีโรโมนพบว่าผู้หญิงมีอารมณ์โรแมนติกกับพวกเขามากขึ้น
  • ผู้ชายร้อยละ 47 มีความสัมพันธ์ทางเพศเพิ่มขึ้นถ้าใช้ฟีโรโมน เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ใช้ฟีโรโมนหลอกจะมีความสัมพันธ์เพิ่มเพียงร้อยละ 9.5 เท่านั้น
  • ผู้ชายที่ใช้ฟีโรโมนจริงร้อยละ 41 จูบคู่รักดูดดื่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ใช้ฟีโรโมนหลอกที่จูบเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 14
อย่าลืมนะครับว่า การจูบกันเป็นการแสดงออกของความรักมากกว่า คุณจะรู้สึกหวานชื่น และดูดดื่ม จากการจูบกับคนรักของคุณ เพราะจูบเป็นการแสดงความรัก ส่วนการเป็นของกันและกันนั้นเป็นกามารมณ์

กามารมณ์และความรักเป็นของคู่กันอยู่แล้วเพียงแต่กามารมณ์ที่เกิดจากความรัก มีสีสันงดงาม และดูดดื่มซาบซึ้งกว่ากามารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากความรักมากมายนัก

นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์



[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่8 ฉบับที่ 410 วันที่ 10-16 เมษายน 2543

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600