|
|
สำหรับผู้ชายทั่วโลกที่มีปัญหานกเขาไม่ขันนั้นปีที่ผ่านมาหลายคน
คงได้อานิสงส์จากยาซิลเดนาฟิล (sildenafil) ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อการค้าว่า
"ไวอากร้า" ท่านผู้อ่านคงพอจำได้ว่ายานี้ออกฤทธิ์ทำให้อวัยวะเพศชาย
แข็งตัวเพื่อใช้ในการร่วมเพศได้ดีขึ้นและเป็นยาชนิดรับประทานเสียด้วยจึง
ให้ความสะดวกในการใช้อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัด
|
บางอย่างทำให้คนที่เป็นโรคหัวใจ และกำลังใช้ยาขยายเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจด้วยยากลุ่มไนเตรท
อยู่ต้องงดใช้ยานี้เด็ดขาด
แน่นอนที่สุด ว่าการที่ยาไวอากร้ราขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทั่วโลกในตลาดมืด
และตลาดสว่างนี่เอง ทำให้บริษัทผู้ผลิตเจ้าอื่นๆ พยายามวิจัยและพัฒนายามาขายแข่งบ้าง
ข่าวดีล่าสุดคือมียาขนานใหม่ที่ใช้วิธีรับประทานเหมือนกันแถมยังออกฤทธิ์ตรงไปที่สมอง
ในการสั่งการให้นกเขาขัน
ยานี้มีชื่อสามัญว่า "อะโปมอร์ฟีน" (apomorphine) หรือชื่อทางการค้าว่า
"Uprima" ซึ่งกำลังอยู่ในระยะทดลองขั้นสุดท้ายก่อนขออนุมัติต่อองค์กรอาหารและยา
ของสหรัฐอเมริกากลางปีนี้
ผู้ผลิตยาขนานใหม่คือ บริษัททางเคด้าแห่งประเทศญี่ปุ่นร่วมกับ
บริษัทแอ็บบอทแห่งสหัฐอเมริกา โดยการตั้งบริษัทขึ้นใหม่ชื่อ TAP Phramaceuticals
ยาอะโปมอร์ฟีนจะออกฤทธิ์กระตุ้นให้สมองส่วนไฮโปธาลามัส (hypothalamus)
ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปตามประสาทไขสันหลังเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปที่ลำอวัยวะเพศชาย
ไวอากร้าหรือซิลเดนาฟิลออกฤทธิ์โดยการเพิ่มไนตริกอ็อกไซด์
อันเป็นสารเคมีที่มีอยู่ตามธรรมชาติและมีคุณสมบัติขยายเส้นเลือดจึงเพิ่มเลือดไหลเวียน
ไปที่ลำอวัยวะเพศ ผ่านสัญญาณสั่งการทางเส้นประสาทส่วนปลาย
ในขณะที่ยา Uprima ก็เกี่ยวข้องกับไนตริกอ็อกไซด์ เช่นกัน แต่เป็นที่ระดับสมอง
แล้วทำหน้าที่เป็นสารประสาทตัวกลาง
(neurotransmitter) ในการกระตุ้นปฏิกิริยาลูกโซ่ในร่างกายจนมีเลือดไหลไปที่ลำอวัยวะเพศ
มากพอก็จะทำให้แข็งตัวได้
ที่จริงยาอะโปมอร์ฟีนมีใช้ในวงการแพทย์มาช้านานแล้วหมอใช้ยานี้ฉีดรักษาอาการสั่น
ที่มากับโรคพาร์กินสัน แต่ฉีดไปฉีดมาพบว่า นกเขาของคนไข้ขันไปด้วย นับเป็นผลข้างเคียง
ที่พึงประสงค์สำหรับผู้ชายหลายคน
จากการทดลองใช้ยา Uprima ขนาด 2-6 มิลลิกรัมในผู้ชาย 1500 คนเมื่อเปรียบเทียบ
กับยาหลอกแล้วมีการแข็งตัวของลำอวัยวะเพศดีกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น
|
|
ถ้าใช้ยาขนาด 2 มิลลิกรัม จะทำให้นกเขาขันดีกว่ายาหลอก 44% VS 38%
หรือขนาด 4 มิลลิกรัม จะดีกว่ากัน 58% VS 37%
หรือขนาด 5 มิลลิกรัม จะดีกว่ากัน 53% VS 29%
และขนาด 6 มิลลิกรัม จะดีกว่ากัน 61% VS 29%
วงการวิจัยคาดว่าในที่สุดผู้ชายอาจใช้ยาอะโปมอร์ฟีนควบกับไวอากร้า
เพื่อให้ได้ผลในเชิงปฏิบัติการที่เฉียบขึ้น
|
รอยเตอร์
|