"สิว" บางคนเกิดมาโชคดี ที่ไม่ค่อยเคยเป็นสิวกับเขา
แต่บางคนกลับกลายเป็นคนมี่ปัญหาหนักใจ และเครียดมากเพราะมีสิวเต็มหน้า
ทำให้ขาดความมั่นใจ บุคลิกภาพเสียไป และในยุคปัจจุบันยุคการสื่อสารไร้พรมแดนนี้
มีสถานที่ซึ่งโฆษณาแข่งขันกันมากว่ารักษาความงาม ทำให้ใบหน้าสวยนวลเนียน
ไร้สิวฝ้ารอยดำต่างๆ อันไม่พึงประสงค์ซึ่งหลายแห่งปราศจากแพทย์คอยแนะนำ
หรือให้คำปรึกษาอย่างถูกวิธี ทำให้บางครั้งต้องเสียเงินมาก แล้วสิวก็ยังเป็นมากอยู่
ไม่หายแล้วเราจะทำอย่างไรกันดีละคะ
ก่อนอื่นผู้เขียนคิดว่า เราน่าจะมาทำความรู้จักกับสิวให้มากขึ้นกว่านี้
และเราลองมาดูถึงวิธีการรักษาสิวอย่างถูกต้องวิธี ตามหลักวิชาการแพทย์อย่างคร่าวๆ
ท่านจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น และจะได้ไม่ลงคำโฆษณาชวนเชื่อจากแหล่งต่างๆ
จะได้แก้ไขให้ถูกจุด และรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อใบหน้าของท่านจะได้ปราศจากสิวกันนะคะ
สิว คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะทุกคนแทบจะรู้จักและเคยเป็นสิวกันมาแล้วแทบทั้งสิ้น
แต่เรามาดูกันที่สาเหตุและปัจจัยชักนำที่ทำให้เกิดสิวกันดีกว่านะคะ
สาเหตุและปัจจัยชักนำที่ทำให้เกิดสิว
1. รูเปิดและท่อทางเดินของต่อมไขมันอุดตัน (Ductal hypercornification)
ดังนั้นจึงมักพบว่าผู้ที่มีใบหน้ามัน ผมมัน หรือหนังศีรษะมัน มักจะเกิดสิวได้ง่ายกว่าผู้ที่มีใบหน้าแห้ง
2. แบคทีเรีย ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียพวก P.acnes
บางชนิดเกิดจากการติดเชื้ออื่นๆ แทรกซ้อน
3. ช่วงใกล้มีประจำเดือน (Premenstrual) ส่วนใหญ่ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน
จะมีโอกาสเกิดสิวมากกว่าปกติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน
4. เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว บางคนใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว หลากหลายชนิดมาก
และเกิดอาการแพ้ หรือระคายเคือง ทำให้ท่อทางเดินต่อมไขมันอักเสบและอุดตันทำให้เกิดสิวขึ้นได้
5. กรรมพันธุ์ เชื่อว่ากรรมพันธ์มีส่วนเกี่ยวข้องบ้างในการทำให้เกิดสิว
บางคนมีคุณพ่อหรือคุณแม่ ที่เคยเป็นสิวมากๆ จนทำให้เกิดรอยแผลเป็นลูกๆ
ก็มีโอกาสเป็นสิวมากเช่นเดียวกัน
6. ยา ยาบางชนิด สามารทำให้เกิดสิวมากขึ้นได้ เช่น ยาคุมกำเนิด, ยาจำพวกสเตียรอยด์
ทั้งแบบชนิดกินและชนิดทา, ฮอร์โมนเพศชาย (androgen) เป็นต้น
7. ความเครียดวิตกกังวล ความเครียดเป็นบ่อเกิดของสารพัดโรค ทางด้านผิวหนัง
นอกจากจะทำให้แก่เกินวัยแล้วยังทำให้เกิดสิวได้ง่ายเช่นกัน
เพราะฉะนั้นถ้าท่านทำงานหนักมากเกินไป เครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
จะเกิดสิวได้ง่าย
8.การถู ขัดหน้า พอกหน้า การถู ขัดหน้า พอกหน้า อบไอน้ำ พอกสมุนไพร
บำรุงผิวสารพัดแบบนั้น ถ้าท่านทำมากเกินไปบ่อยครั้งเกินไป จะทำให้ตัวคลุมผิวตามธรรมชาติ
(skin barrier) หลุดลอกออกไป ผิวหน้าจะบางลง และไวต่อสภาวะแวดล้อมต่างๆ
ทำให้เกิดการแพ้ ระคายเคือง อักเสบ เกิดเป็นสิวมากขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษนะคะ
9.อาหาร หลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลตที่แสนอร่อย มีส่วนทำให้เกิดสิวได้
ความจริงแล้วไม่เกี่ยวข้องกันนะคะ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
จะมีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดสิวมากขึ้นได้ เช่น พวกเหล้า เบียร์ต่างๆ
เพราะทำให้สุขภาพทรุดโทรมสิวจึงเห่อขึ้นได้นะคะ
10.อากาศร้อน ถ้าคนที่อยู่ในอากาศร้อนมากๆ มีโอกาสเกิดสิวได้ง่ายกว่า
ที่มีอากาศเย็นๆ นะคะ
ฯลฯ
จะเห็นว่ามีหลากหลายปัจจัยมาก ที่ทำให้เกิดสิวส่วนวิธีการรักษามีหลายวิธีเช่นกันนะคะ
วิธีการรักษาสิว
1. กลุ่มยากิน
- ได้แก่ กลุ่มยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) ที่ใช้ได้ผลดีคือ Tetracycline Doxycycline,
Minocycline
- กลุ่มยากรดวิตามินเอ บางคนเรียกว่า ยาเม็ดรักบี้ เพราะรูปร่างคล้ายเม็ดรักบี้
คือ ยา Roaccutane ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งทำให้ ต่อมไขมันทำงานลดลง
ต่อมไขมันมีจำนวนและขนาดเล็กลง สิวจึงลดน้อยลงได้ แต่มีผลข้างเคียงหลายประการ
เช่น มีผลต่อเด็กในครรภ์ได้ ทำให้ไขมันในเลือดสูงขึ้น ริมฝีปากแห้งมาก ฯลฯ
เป็นยาที่ใช้ได้ผลดีในการรักษาสิว แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
ห้ามซื้อยากินเองเด็ดขาด ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังเท่านั้นนะคะ
จึงจะปลอดภัย
- ยากลุ่มฮอร์โมน ได้แก่ ยา Diane 35 ใช้ได้ผลดีเช่นกัน
ในกลุ่มยาทั้ง 3 กลุ่มข้างต้นนี้ ควรปรึกษาแพทย์เท่านั้นนะคะ
เพราะแพทย์จะทราบดีว่า สิวบนใบหน้าของท่านควรจะใช้ยากลุ่มไหนจึงจะดีกว่ากันนะคะ
2. กลุ่มยาทา ได้แก่
- กลุ่มยาทาปฏิชีวนะ เช่น 1% Clindamycin, 2% Erythromycin
- กลุ่มยาทาก่อนล้างหน้า เช่น 2.5% Benzylperoxide, Benzac, Brevoxyl
- กลุ่มยาทากรดวิตามินเอ เช่น Retin-A, Stieva, Isotrcx, Brevoxyl
- กลุ่มแป้งน้ำ เช่น Lotion P, Acne lotion
- กลุ่มอื่นๆ เช่น Differin, Skin oren
3. การฉีดยารักษาสิว (Intralesional Kenacorte) ในกรณีที่เป็นสิวหัวช้าง
เม็ดใหญ่มาก ที่เป็นรุนแรง (cystic acne) แพทย์อาจใช้วิธีฉีดยา เข้าไปที่หัวสิวได้เลยโดยตรง
ซึ่งจะทำให้สิวยุบหายค่อนข้างเร็วมาก แต่จะค่อนข้างเจ็บพอสมควรนะคะ
4. การรักษารอยแผลเป็นหลุมลึกจากสิว
- ใช้กรด TCA แพทย์จะใช้กรด Trichloracetic ซึ่งมีหลายความเข้มข้น
ทาที่บริเวณแผลเป็นหลุมลึกจากสิวแล้วเช็ดออก แผลเป็นนี้จะค่อยๆ ตื้นขึ้น
แต่ใช้เวลาต้องมาทำหลายครั้ง
- การฉีดคอลลาเจน แพทย์จะฉีดคลอลาเจน เข้าไปใต้ผิวหนัง ทำให้แผลเป็นตื้นขึ้นได้
- ใช้แสงเลเซอร์ (Laser dermabrasion) สามารถใช้แสงเลเซอร์ กรอแผลเป็นจากสิว
ทำให้ใบหน้าเนียนเรียบขึ้นได้
จะเห็นว่า วิธีการรักษาสิวมีมากมายหลายวิธี ถ้าท่านอยากสวยหรือหล่อก็อย่าได้รีรอ
เชิญขอคำแนะนำปรึกษาแพทย์ทางด้านผิวหนังได้เลยนะคะ
พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ
|