มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



กลาก เกลื้อน หรือกลากน้ำนม


สมัยนี้ ผู้คนต่างพากันห่วงใยเอาใจใส่ดูแลทะนุถนอมผิวพรรณกันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะได้มีผิวพรรณที่ดีสวยงาม นวลเนียน ปราศจากริ้วรอยใดๆ แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งท่านเกิดเป็นผื่นขึ้นมาที่ผิวหนัง แล้วแพทย์บอกท่านว่าเป็นโรคกลาก เกลื้อน อะไรทำนองนี้ เชื่อว่าหลายท่านโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรีคงอยากร้อง กรี๊ด กรี๊ด เพราะคงรู้สึกอายที่จะต้องเป็นโรคกลาก เกลื้อน นี้ซึ่งจริงๆ แล้ว โรคกลาก เกลื้อน ที่น่ากลัวมากขนาดนั้นจริงหรือไม่ รักษายากไหม และแตกต่างกันอย่างไร เพราะคงจะเคยได้ยินทั้ง โรคกลาก โรคเกลื้อน โรคกลากน้ำนม ฟังดูชื้อคล้ายๆ กัน แต่ทั้ง 3 โรคนี้ เป็นคนละโรคกันนะคะไม่เกี่ยวข้องกันเลย แตกต่างกันทั้ง สาเหตุ ลักษณะผื่น ตำแหน่งผื่น อาการ และการรักษา นอกจากคุณสุภาพสตรีจะกลัวโรคกลุ่มนี้แล้วคิดว่าคุณผู้ชายก็มีความกลัว กังวลที่จะเป็นโรคกลุ่มนี้เช่นกัน ใกล้หมอฉบับนี้จึงขอไขปัญหาให้ท่านผู้อ่าน ได้ทราบถึงรายละเอียดและความแตกต่างกันของโรคกลาก เกลื้อน โรคกลากน้ำนมนะคะ


โรคกลาก (Tinea infection)

โรคกลากนี้เรามักได้ยินบางคนเรียกกันว่า ขี้กลาก ซึ่งหลายคนจะกังวลมากไม่อยากเป็นขี้กลากกัน โรคกลากเป็นโรคซึ่งเกิดจากเชื้อรา (dermatophyte) เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ เพราะฉะนั้นบางคนจึงกังวล กลัวว่าจะติดโรคนี้มาจากผู้อื่น

ลักษณะผื่น
เป็นผื่นแดง วงกม มีขอบเขตชัดเจน รูปร่างคล้ายวงแหวน (ring worm) มีสะเก็ดลอกขุยที่ขอบวงแหวน ถ้าผื่นลุกลามขยายออกวงกว้างขึ้นจะยิ่งเห็นรูปร่างวงแหวนชัดเจนยิ่งขึ้น แต่บางครั้งอาจไม่เห็นเป็นรูปร่างแบบวงแหวนแต่ก็จะเป็นผื่นสีแดงที่มีขอบเขตค่อนข้างจะชัดเจน

อาการ
จะมีอาการคัน บางคนจะคัดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืนจะยิ่งคันมาก ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ

ตำแหน่งของผื่น
มีหลายตำแหน่งมาก คือ
1. ศีรษะ (Tinea capitis) มักเป็นในเด็กเล็ก ในเด็กวัยเรียน ศีรษะเป็นสะเก็ดลอก ผื่นวงกลม มีน้ำเหลืองเยิ้ม คัน ที่เราเรียกว่า "ฝีชันนะตุ" (Kerion)
2. หน้า (Tinea faceii)
3. ลำตัว, แขน, ขา (Tinea corporis) เรามักเรียกว่า "กลาก" ถ้าเป็นที่ตัว แขน ขา เพราะจะมีผื่นชัดเจนที่มีรูปร่างคล้ายวงแหวน
4. มือ (Tinea manum) มักจะเป็นข้างเดียว
5. เท้า (Tinea pedis) เป็นข้างเดียวหรือ 2 ข้างได้ เกิดจากความอับชื้น ใส่รองเท้า, ถุงเท้า เป็นระยะเวลานาน
6. ขาหนีบ (Tinea cruris) เรามักเรียก กลากที่ขาหนีบว่าเป็น "สังคัง" สมัยก่อนที่คนเป็นสังคังจะอายมากเพราะจะคันมาก เวลาเกาจะอายคนอื่น และมักจะต้องเดินขากางๆ บางทีเกาจนถลอกเจ็บแสบมาก
7. เล็บ (Tinea unguium) เป็นทั้งเล็บมือ เล็บเท้า ค่อนข้างรักษายากใช้ความอดทน ต้องใช้ระยะเวลานาน เล็บจะมีสีผิดปกติและรูปร่างเล็บผิดปกติ หัก กร่อน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าโรคกลากที่เป็นเชื้อรานี้ เกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งมาก ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียวนะคะ

การติดต่อ
โรคกลากเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ ทางการสัมผัสโดยตรง (direct contact) เช่น ใช้ของเสื้อผ้าร่วมกัน ใช้หวี แปรง หมวก รองเท้า ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ร่วมกันเป็นต้น

การรักษา
1. กลุ่มยากิน ได้แก่ กริซิโอฟูลวิน (griseofulvin), สปอรัล (sporal), เทอบินาฟีน, ลามิซิล (lamisii)
2. กลุ่มยาทา ได้แก่ ไมโคนาโซล, แดคทาริน, คาเนสเทน ฯลฯ


โรคเกลื้อน (Tinea versicolor)

โรคเกลื้อน เกิดจากเชื้อยีสต์ เรียกว่า P.orbiculare คนละชนิดกันกับโรคกลาก ติดต่อได้เช่นกัน

ลักษณะผื่น
เป็นผื่นวงกลมสีขาวจางๆ มีขอบค่อนข้างชัดเจน รวมกลุ่มกัน บางครั้งมีสีออกน้ำตาลได้

อาการ
มักจะมีอาการคัน แต่คันไม่มากเท่ากับโรคกลาก โรคเกลื้อนมักจะคันตอนช่วงที่เหงื่อออก ช่วงที่อากาศร้อน

ตำแหน่งผื่น
โรคเกลื้อน มักจะพบที่
1. ใบหน้า
2. ลำตัว อก หลัง ต้นแขน
โรคเกลื้อนจะไม่เป็นที่มือ เท้า ขา เล็บ ศีรษะ ซึ่งต่างกันกับโรคกลาก

การติดต่อ
ติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง (direct contact) การใช้เสื้อผ้าร่วมกัน ผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัวร่วมกันโรคเกลื้อนจะเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าท่านเหงื่อออกมาก อยู่ในที่มีอากาศร้อน หรือเล่นกีฬา เหงื่อออกมาก แล้วทิ้งไว้หมักหมม ไม่ยอมอาบน้ำเป็นระยะเวลานาน จะเกิดเกลื้อนได้ง่าย

การรักษา
1. ยากิน ได้แก่ คีโตโคนาโซล (ketoconazole) ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์เท่านั้น
2. สบู่ยา เช่น ซาสติด (sastid), เซลซั่น (selsun)
3. ยาทา เช่น โซเดียมไธโอซัลเฟต, ไนโซรัล, คาเนสเทน ฯลฯ


โรคกลากน้ำนม (Pityriasis alba)

ชื่อว่า กลากน้ำนมก็จริง แต่ไม่ได้เกิดจากเชื้อรา เชื้อยีสต์ใดๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เกี่ยวข้องกับกินนมหกเลอะเทอะแต่อย่างใดด้วย เป็นโรคที่เกิดจากแพ้แสงแดด ไวต่อแสงแดด และการว่ายน้ำ ทำให้เป็นกลากน้ำนมได้มากขึ้น

ลักษณะผื่น
เป็นวงสีขาวจางๆ ขอบเขตไม่ชัดเจน มีขุยลอกบางๆ

อาการ
มักจะไม่มีอาการใดๆ ไม่คัน

ตำแหน่งผื่น
มักจะพบกลากน้ำนมที่บริเวณใบหน้ามากที่สุด

การติดต่อ
โรคนี้ไม่ใช่โรคติดต่อใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อราใดๆ
ส่วนใหญ่โรคกลากน้ำนมมักจะเป็นในเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน ซึ่งมักจะเล่นกีฬาเป็นประจำ มีโอกาสตากแดดว่ายน้ำได้บ่อย โรคกลากน้ำนมนี้ไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่

การรักษา
1. หลีกเลี่ยงแสงแดด ทายากันแดด
2. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ในช่วงแสงแดดจัด
3. ทิ้งไว้หายเองได้

โดยสรุปจะเห็นได้ว่า โรคกลาก โรคเกลื้อน โรคกลากน้ำนม นั้นแตกต่างกัน คิดว่าท่านผู้อ่านคงจะถึงบางอ้อแล้วนะคะ ถ้าไม่แน่ใจว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ก็ควรพบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังได้นะคะ

พญ.วิญญารัตน์ ตันศิริ



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 23 ฉบับที่ 10 ตุลาคม 2542]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600