มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc


เชื้อโรคเอดส์ดื้อยา

พญ.จันทรา เจณณวาสิน

ปัจจุบันวงการแพทย์พบว่าเชื้อไวรัส (HIV) ที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ วิวัฒนาการสร้างสายพันธุ์ใหม่ซึ่งดื้อยาทุกขนานแม้แต่ยากลุ่ม Protease Inbibitor ที่ขึ้นชื่อถึงประสิทธิภาพในการรักษาโรคนี้ ความสามารถในการดิ้นรน เพื่อที่จะดำรงชีวิตต่อไปแพร่เผ่าพันธุ์นั้นเป็นคุณสมบัติของสิ่งที่มีชีวิตทั้งปวง ถ้าสัตว์ใดพืชชนิดไหนไม่ปรับตัวเองให้ยืนหยัด ต่อสภาวะแวดล้อมหรือภัยที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมสูญพันธุ์ไปแบบไดโนเสาร์ เชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะและเชื้อไวรัสโรคเอดส์ก็เช่นกัน เนื่องจากมันมีวงจรชีวิตสั้น และแบ่งตัวได้รวดเร็ว ดังนั้นการสร้างสายพันธุ์ใหม่ที่ทนทานต่อยา จะเกิดขึ้นในระยะสั้น ขณะที่สัตว์โลกบางชนิด เช่น มนุษย์เราใช้เวลาวิวัฒนาการนานมาก เท่าจะมีรูปร่างแบบปัจจุบัน ขนาดนี้บางคนยังไม่ยอมพัฒนาการความคิดอ่าน ให้ก้าวหน้าจนได้สมญาว่าเต่าล้านปี

เมื่อเชื้อไวรัส (HIV) เข้าสู่ร่างกายคนมันจะแบ่งตัวถอดสำเนาแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วถึงล้านตัว โดยที่ร่างกายยังไม่ทันส่งทหารสู้เพราะไม่เคยรู้จักไวรัส (HIV) มาก่อน ต่อเมื่อร่างกาย เริ่มส่งเม็ดเลือดขาวที่มีชื่อว่า T-helper cell หรือ CD4-cell ซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งในระบบภูมิคุ้มกัน โดยจัดเป็นทหารหน่วยเฉพาะกิจมาจัดการกับเชื้อไวรัสจนทำให้จำนวนไวรัสลดลง แต่อย่างไรก็ตามเม็ดเลือดขาว CD4-cell นี้ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้หมด เพราะไวรัสเองสามารถเข้าไปอยู่ในเม็ดเลือดขาวและทำลายเม็ดเลือดขาวอย่างมากมายเช่นกัน คือต่างฝ่ายสูญเสียกำลังพลจนถึงขั้นที่ร่างกายผลิตออกมาทดแทนไม่ทันการ ดังนั้น ถ้าเจาะเลือดคนไข้มาตรวจจะพบว่าผลแสดงถึงจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ลดลง และจำนวนเชื้อไวรัสจะมีมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน (Viral load) ถ้าจำนวนเชื้อไวรัส (HIV) สูงก็หมายถึงว่าเม็ดเลือดขาวจะถูกทำลายมากขึ้น คนไข้ย่อมมีการดำเนินของโรคเอดส์รุนแรงเร็วขึ้น

ปัจจุบันตัวยารักษาโรคเอดส์ที่มีอยู่ต่างไม่มีประสิทธิภาพในการไปฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง แต่จะขัดขวางไม่ให้เชื้อไวรัสแบ่งตัวเพิ่มจำนวนไปทำลายเม็ดเลือดขาว ดังนั้น ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีเวลาเสริมสร้างทหารไปคอยทำลายเชื้อไวรัสและป้องกันโรคต่างๆ ที่ถือโอกาสมาเบียดเบียนร่างกายเรา โดยที่ยามปกติแล้วเชื้อโรคพวกนี้ไม่ก่อความเดือดร้อนแต่อย่างไร ดังนั้น แพทย์จึงพยายามให้ยาเพื่อควบคุมปริมาณไวรัสให้ต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการทดสอบทางเลือดไม่สามารถแสดงจำนวนไวรัส HIV ได้ แต่มิได้หมายความว่า ร่างกายคนไข้ผู้นั้นสามารถกำจัดเชื้อไวรัสไปได้หมดแล้ว เพราะยังมีเชื้อไวรัสแอบแฝงอยู่ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะระบบทางเดินน้ำเหลืองด้วยเหตุนี้ แพทย์จึงไม่หยุดการให้ยาคนไข้แม้ว่าผลเลือดไม่แสดงว่ามีเชื้อไวรัสอยู่ก็ตาม เชื้อไวรัสที่แอบแฝงโดยเฉพาะที่ซ่อนอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวชื่อ Resting T-cell ซึ่งมีอายุยืนยาวมาก ดังนั้นเชื้อไวรัสสามารถสำแดงฤทธิ์ได้อีกหลังจากที่นอนกบดานเงียบเป็นปีๆ

เมื่อ ปี ค.ศ.1997 ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ขณะที่คนไข้ได้รับยารักษา ควบคุมการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสไม่ว่าเป็นยาชนิดใดแม้แต่ยาขนานที่ใหม่ล่าสุด เชื้อไวรัสจำนวนหนึ่งยังสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและวิวัฒนาการตัวไวรัสที่เกิดใหม่ให้ดื้อยาได้ แต่เชื้อไวรัสส่วนหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ในเม็ดเลือดขาวชนิด Resting T- cell นั้น กลับไม่ได้รับการกระทบเทือนจากตัวยาเหล่านี้เลยด้วยเหตุนี้ คนไข้บางรายที่มีอาการดีขึ้น หลังจากได้รับยาแล้วต่อมากลับมีอาการทรุดโทรมลงและจำนวนไวรัสในเลือดกลับสูงมากขึ้น จนทำให้เกิดโรคแทรกนานาชนิด

การรักษาในปัจจุบันที่นิยมว่าได้ผลดี คือ การให้ยาต้านไวรัสหลายขนาน 3-4 ชนิดร่วมกัน รวมทั้งยาตัวใหม่ (Protease Inbibitor) เพื่อควบคุมการแบ่งตัวของไวรัส ควบกับยากระตุ้นการผลิตสร้างเม็ดเลือดขาว (ยา Interleukin 2 หรือ IL 2) ร่วมกับการติดตามผลปฏิบัติการจากห้องทดลองถึงจำนวนเม็ดเลือดขาว และจำนวนไวรัสในเลือดอย่างน้อยทุกสามเดือน อีกทั้งให้ยาบำรุงเสริมสร้างสุขภาพของร่างกาย แต่การรักษาและเฝ้าติดตามแบบนี้สิ้นเปลืองเงินทองมากมาย ในประเทศที่กำลังพัฒนาประชากรส่วนใหญ่ไม่สามารถหาเงินมาซื้อยาได้ ดังนั้นโรคเอดส์ในปัจจุบันจึงเป็นปัญหาหนักของประเทศชาติและประชากรของโลก ที่ภาวะเศรษฐกิจไม่มั่นคงเหมือนกับสหรัฐอเมริกาหรือยูโรปนี้ การประชุมสัมมนาทางโรคเอดส์ของโลกครั้งที่ 12 ณ กรุงเจนีวา จึงมุ่งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง ในการให้ยาดูแลรักษารวมทังผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงร่างกายของผู้ป่วยในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะฝ่ายสตรีและเด็กที่ได้รับผลสืบเนื่องจากการติดเชื้อของมารดา

จุดมุ่งหมายของการดูแลบุคคลที่ได้รับเชื้อไวรัส HIV แต่ยังไม่มีอาการของโรคเอดส์คือ การให้ยาเพื่อลดจำนวนเชื้อไวรัส (Viral load) ในกระแสเลือดแล้วให้ร่างกายของบุคคลนั้น เสริมสร้างความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันคือ เม็ดเลือดขาวมาคอยกำจัดควบคุมเชื้อไวรัสที่เหลือ แม้แต่คนไข้ที่สภาพร่างกายทรุดโทรม เม็ดเลือดขาวต่ำมา แต่ถ้ายาที่ให้ไป สามารถช่วยลดการแพร่พันธุ์ของไวรัสได้ดีแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของเขาย่อมฟื้นตัวมาสู้เชื้อไวรัส และแบคทีเรียอื่นๆ ได้ แต่การฟื้นตัวแบบนี้อาจใช้เวลานาน 4-8 ปี ผลของการวิจัยทางยา กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ชื่อ "Interleukin 2 หรือ IL2" ในการรักษาโรคเอดส์ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากยาไม่สามารถกระตุ้นการสร้างกลุ่มเม็ดเลือดขาวที่มีความสามารถในทางกำจัดเชื้อไวรัส HIV HIV-specific helper T-cell ปกติร่างกายของคนเรานั้นสร้างทหารเฉพาะกิจต่อโรคชนิดต่างๆ กัน หน่วยเฉพาะกิจส่วนที่รับผิดชอบในการสังหารไวรัส HIV นั้นถูกไวรัส HIV ทำลายจนสิ้นซากได้ง่ายๆ ภายในสามถึงสิบแปดเดือนนับตั้งแต่เวลาที่เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายด้วยเหตุนี้ การให้ยาเพื่อไปควบคุมจำนวนไวรัสตั้งแต่แรกๆ เสมือนดับไฟต้นลมจึงเป็นสิ่งที่แพทย์ปรารถนา แต่ที่สำคัญคือ แพทย์ไม่มีทางทราบว่าบุคคลนั้นได้รับเชื้อไวรัสนานเท่าไรแล้ว ด้วยเหตุนี้ทางการสาธารณสุขทั่วโลกเสนอให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงสูง ไปรับการตรวจเลือดหาเชื้อไวรัสเพื่อจะได้รีบรับการรักษาก่อนที่เชื้อไวรัสจะแสดงศักดา ทำลายเม็ดเลือดขาวจนหายไปหมดดังกล่าว

ข่าวดีที่ Fred Valentine แห่งนิวยอร์ค ได้เสนอการผลิตวัคซีนเพื่อใช้ในการรักษา (แตกต่างจากการผลิตวัคซีนเพื่อการป้องกัน) โดยที่วัคซีนนี้ไปช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ที่ทำหน้าที่ทำลายเชื้อไวรัสในคนไข้โรคเอดส์ผู้อยู่ในสภาพไม่ทรุดโทรมมากนัก (Mid-stage)

แต่ไม่ว่าการรักษาด้วยตัวยาควบคุมจำนวนไวรัสผสมผสานกันหลายชนิด รวมกับวัคซีนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวเฉพาะกิจและยา IL 2 เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโดยทั่วไปของร่างกายต่อโรคอื่นๆ แสดงผลดีในการต่อชีวิตของผู้ป่วย แต่ผลแทรกซ้อนของการรักษามีมากเช่นกัน ดังนั้นวิธีที่ยังสำคัญคือ ป้องกันการติดเชื้อไวรัสสู่ตนและความรับผิดชอบของบุคคลที่มีเชื้อไวรัสในตัว ในการไม่แพร่กระจายเชื้อไวรัสสู่ผู้อื่น



[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 24 ฉบับที่ 3-4 มีนาคม-เมษายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600