มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ไมเกรน สุดยอดแห่งอาการปวดศีรษะ


เมื่อพูดถึงอาการ "ปวดศีรษะ" (headache) แล้ว คงมีน้อยคนในโลกนี้ที่ไม่เคยมีอาการนี้ เกิดขึ้นกับตนเลยตลอดชั่วชีวิต แต่ที่ก่อปัญหาเห็นจะเป็นอาการชนิดปวดศีรษะเรื้อรัง อย่างที่สหรัฐอเมริกาเขาประมาณการณ์ไว้ว่า มีชาวอเมริกันประมาณ 40 ล้านคน ที่มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ไม่ไปปรึกษาคุณหมอเพราะคิดว่าเป็นปัญหาเล็กน้อย น่ารำคาญมากกว่า บ้างก็คิดว่าป่วยการจะไปหาหมอ เพราะอากรนี้ไม่มีวิธีรักษาอยู่แล้ว หรือถ้าหากมีการรักษาจริงตัวยาก็คงก่อให้เกิดอาการข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ร้ายแรงได้ บางคนไปหาหมอแต่ก็ไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้เพราะหมอเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เท่าไรนัก เกี่ยวกับการวินิจฉัยอาการปวดศีรษะจากสาเหตุต่างๆ ซึ่งรักษาไม่เหมือนกัน

พูดถึงตรงนี้ก็เห็นได้ชัดว่า ในเบื้องต้นจะต้องมีการวินิจฉัยสาเหตุของการปวดศีรษะก่อน แล้วประเมินดูว่าด้วยอาการปวดศีรษะดังกล่าวก่อให้เกิดความยากลำบากในการดำรงชีวิตอย่างไร กระทบคุณภาพชีวิตแค่ไหน เพื่อจะได้นำไปปรับกลยุทธิ์การบำบัดรักษาให้ได้ประสิทธิภาพที่สุด

ประวัติการมีอาการ

วงการแพทย์แนะนำ ประวัติความเป็นมาของอาการปวดศีรษะมีความสำคัญมาก เพราะสามารถทำให้คุณหมอบอกชนิดของการปวดศีรษะได้

  • ความถี่และระยะเวลาของอาการปวดศีรษะ

    บางคนจะมีอาการปวดศีรษะไม่บ่อยนัก และการปวดขึ้นแต่ละครั้งก็เป็นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าหากปวดถี่ขึ้นและแต่ละครั้งยังปวดนานขึ้น อย่างนี้หมอก็ต้องตรวจประเมินใหม่ โดยอาจต้องส่งตรวจพิเศษเช่น ถ่ายภาพระบบไฟฟ้า (MRI)

    คนที่ปวดศีรษะตลอดวันอาจเป็นผลจากการรับประทานยาหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป แต่ถ้าเป็นการปวดศีรษะข้างเดียวเป็นช่วงเวลาสั้น (ราว 35-40 นาที) และมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยเช่น คัดจมูกข้างเดียว น้ำตาไหลและหงุดหงิดมักจะหมายถึงโรคที่เรียกว่าปวดศีรษะแบบ คลัสเตอร์ (cluster headache) ซึ่งการรักษาทำได้ทั้งระงับปวดและป้องกันการปวดครั้งต่อไปด้วยยารักษาไมเกรนก็ได้ แต่บ่อยครั้งแล้ว ต้องให้ยาที่รักษาปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์โดยเฉพาะ เช่น ให้ออกซิเจน, ยาเพรด นิโซน, ยาลิเธียม เป็นต้น

    อาการปวดศีรษะรุนแรงข้างเดียวแค่ช่วงสั้นๆ (5-15 นาที) แต่วันละหลายครั้ง มักจะเกิดในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่และมักจะมีอาการคัดจมูกและน้ำตาไหลบ่งชี้ อาการปวดศีรษะที่เรียกว่าภาวะ "พาร็อคซิสมอล เฮมิเครเนียเรื้อรัง" (chronic paroxysmal hemicrania) ซึ่งเกือบทุกรายจะตอบสนองต่อยาอินโดเมธาซีน (indomethasine) แต่ถ้าใช้ยาขนานอื่นๆ มักจะไม่ได้ผล

    อาการปวดศีรษะอย่างต่อเนื่องและบ่อยๆ โดยไม่ตอบสนองต่อการรักษามักจะเป็นผลจาก การบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป ซึ่งทั้งคนไข้และหมอมักจะไม่ทราบปัญหานี้ โดยคนไข้อาจดื่มกาแฟมากพอควรแล้วไปซื้อยาแก้ปวดหรือยาสำหรับไมเกรนมารับประทาน โดยยาดังกล่าวมีสารคาเฟอีนอยู่ด้วย ในบางรายเพียงดื่มกาแฟ 2-3 แก้ว หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมกระป๋อง ที่มีคาเฟอีน 2 กระป๋องและยาเม็ด Exedrin 2 เม็ด ก็มีผลทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนในขนาดสูงมากพอ ที่จะทำให้อาการปวดศีรษะกลับกำเริบขึ้นอีก
  • ช่วงเวลาที่มีอาการปวดศีรษะ

    คนไข้บางคนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดศีรษะแล้วหายไปโดยเร็วหลังรับประทานยา ควรจะตั้งข้อสงสัยว่ามีเนื้องอกในสมองหรือมีพยาธิสภาพ คือโรคอื่นๆ ที่เป็นตัวเป็นตนเกิดขึ้นในสมอง
    อาการปวดศีรษะชนิดที่เรียกว่า "เทนชั่น" (tension headache) มักจะเลวลงเมื่อเวลาผ่านไปในแต่ละวัน แต่บางคนอาจตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดศีรษะแบบนี้ได้ ในขณะที่ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ มักจะมาเป็นเวลาที่แน่นอน
    อาการปวดศีรษะตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจเป็นผลมาจากการนอนมากเกินไป หรืออาการขาดคาเฟอีน (caffeing withdrawal) ในคนที่ปกติดื่มกาแฟมากๆ แล้วอดไประยะหนึ่ง
  • ลักษณะและตำแหน่งของอาการปวดศีรษะ

    อาการปวดแสบๆ บริเวณท้ายทอยบ่งบอกว่าเป็นความผิดปกติทางประสาทเฉพาะที่ (focal neuropathy) ส่วนปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์จะมีลักษณะปวดเหมือนมีอะไรแหลมคมมาทิ่มแทง ในขณะที่อาการ ปวดศีรษะข้างเดียวและเต้นตุบๆ จะเป็นลักษณะของไมเกรนหรือปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ ก็เป็นข้างเดียวได้

    ตำแหน่งของอาการปวดอาจไม่สัมพันธ์กับตำแหน่งของพยาธิสภาพ ยกตัวอย่างเช่น คนไข้ที่มีเนื้องอกสมองบริเวณท้ายทอยอาจปวดศีรษะบริเวณหน้าผาก ปวดศรีษะเนื่องจากพยาธิสภาพ บริเวณกระดูกคออาจปวดที่หน้าผากได้เช่นกัน
  • อาการนำและอาการร่วม

    ไมเกรนมักจะมีสัญญาณนำที่เรียกว่า "ออร่า" (aura) ทั้งทางสายตา เช่น แสงวูบวาบ หรืออื่นๆ อาการคลื่นไส้ ไวต่อแสงหรือเสียงและการเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่เกิดบ่อย ในคนกำลังจะเป็นไมเกรน
    ความหงุดหงิด, อาการคัดจมูกข้างเคียงและน้ำตาไหลเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อย ขณะจะมีอาการปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ ส่วนไมเกรนอาจมีอาการเวียนศีรษะร่วมด้วย
  • การประเมินความรุนแรง

    วงการแพทย์พัฒนาและคิดค้นวิธีการประเมินดูว่า ผู้ป่วยไมเกรนแต่ละรายจะมีความรุนแรงของโรค มากน้อยเพียงใด ใครบ้างที่ต้องให้การรักษาและควรใช้ยาอะไร เช่น ถ้าคะแนนการตรวจไมดัส (MIDAS) สูงก็หมายความว่า คนไข้น่าจะได้รับยากลุ่ม triptans มากกว่าจะใช้ยาระงับปวดขนานธรรมดา การทำเช่นนี้จะทำให้ผลการรักษาดีขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีค่อยเป็นค่อยไป, ลองผิดลองถูก เวลาหมอสั่งจ่ายยาครั้งแรก
  • การตรวจร่างกาย

    การตรวจร่างกายทั่วไปเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตรวจหาภาวะเจ็บป่วยอื่นๆ ในระบบต่างๆ ของร่างกาย ที่อาจนำไปสู่อาการปวดศีรษะได้ หลังจากคุณหมอซักประวัติแล้วจะมีการตรวจร่างกายทางระบบประสาท เป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด คือ ถ้าเป็นอาการปวดศีรษะชนิดไมเกรน เทนชั่น คลัสเตอร์ แล้วจะตรวจไม่พบความผิดปกติ ยกเว้นบางราย
ปัจจัยนำ

มีปัจจัยบางอย่างกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะแบบไมเกรนได้ เช่น
  • การเปลี่ยนเวลาเข้านอน
  • อาหารที่อุดมด้วยสารไทรามีน (tyramine)
  • แอลกอฮอล์
  • ช็อกโกแลต
  • การออกกำลังกายหักโหมเกินไป
  • ความเครียดทางอารมณ์ เป็นปัจจัยนำไปสู่อาการปวดศีรษะแบบเทนชั่น และไมเกรนที่พบบ่อยที่สุด
  • สัญญาณกระตุ้นแรงๆ บางอย่างเช่น เสียงดังๆ คลื่นแรงๆ แสงสว่างจ้า แสงวูบวาบกระตุ้นอาการปวดศีรษะในคนที่ปวดศีรษะง่ายๆ อยู่เป็นทุนเดิม
  • แรงดันบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเช่น อาการเปลี่ยน, การโดยสารเครื่องบิน หรือปีนเขานำไปสู่อาการปวดศีรษะได้
การตรวจเพิ่มเติม

  • คอมพิวเตอร์เอกซเรย์
  • หลังจากที่คุณหมอซักประวัติและทำการตรวจร่างกายแล้ว ส่วนใหญ่จะให้การวินิจฉัยเบื้องต้นได้ แต่ถ้าคุณหมอเกิดสงสัยว่าอาจมีโรคหรือความผิดปกติเกิดขึ้นภายในสมองหรือช่องกะโหลกศีรษะแล้ว คุณหมออาจต้องสั่งการตรวจพิเศษ เช่น การถ่ายภาพสมอง ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือ
    1. ถ่ายภาพคอมพิวเตอร์เอกซเรย์ทางสมอง (CAT scan)
    2. ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI scan)
    เนื่องจากคนไข้บางคนกลัวเป็นเนื้องอกทางสมองหรือโรคร้ายแรงอื่นๆ จนบ่อยครั้ง ทำให้อาการปวดศีรษะที่มีอยู่รุนแรงขึ้น ในบางรายการลงทุนถ่ายภาพคอมพิวเตอร์ MRI จึงอาจจะคุ้มกับเงินที่เสียไป เพราะถ้าได้ผลปกติก็จะทำให้คนไข้สบายใจขึ้นจนบ่อยครั้ง อาการปวดศีรษะหายไป

    อาการปวดศีรษะในผู้สูงอายุที่อยู่ดีๆ เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ในการพิจารณาส่งตรวจคอมพิวเตอร์เอกซเรย์หรือ MRI เพราะบางครั้งผู้สูงอายุได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ไม่รุนแรงนัก แต่หลายสัปดาห์หรือหลายเดือนต่อมากลับมีก้อนเลือดคั่งอยู่ในสมอง ที่สำคัญคือ ร้อยละ 40 ของผู้สูงอายุที่มีก้อนเลือดคั่งในสมองเรื้อรังไม่เคยมีประวัติว่าได้รับบาดเจ็บที่สมอง อีกประการหนึ่งผู้สูงอายุจะมีมะเร็งและโรคเส้นเลือดในสมองบ่อยกว่าคนหนุ่มสาว

    ในคนที่มีประวัติครอบครัวว่าเป็นอัมพาตจากเส้นเลือดในสมองแตกหรือเส้นเลือดโป่งพองในสมอง ถ้าหากเกิดอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นมาแล้ว ควรจะได้รับการถ่ายภาพ MRI

    การตรวจคลื่นสมอง (EEG หรือ electroencephalography) ปกติจะไม่ต้องตรวจในคน ที่มีอาการปวดศีรษะทุกรายไป แต่ถ้ามีอาการปวดศีรษะรุนแรงแล้วผลการตรวจคลื่นสมองผิดปกติ ก็จะมีข้อบ่งชี้ให้ได้รับยาพิเศษชื่อ "divalproex sodium"

    การเจาะไขสันหลัง คนที่ปวดศีรษะเรื้อรังแล้วสงสัยว่าอาจเป็นผลจากแรงดัน ในช่องกะโหลกศีรษะสูงขึ้นเล็กน้อย อาจต้องเจาะไขสันหลังตรวจ เช่นเดียวกับคนที่ปวดศีรษะ เป็นประจำทุกวันแล้วไม่ตอบสนองต่อการรักษาทุกรูปแบบ บางรายอาจปวดศีรษะ จากการติดเชื้อในสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง เช่น วัณโรค ซิฟิลิส และเชื้อราบางอย่าง

  • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
  • ในรายที่ไม่ได้รับการตรวจเลือดมาหลายเดือนต้องได้รับการเจาะเลือดตรวจ
    1. หาความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC)
    2. ตรวจสมรรถภาพของต่อมธัยรอยด์ (thyroid function tests)
    3. ตรวจสารเคมีอื่นๆ ในเลือด เช่น น้ำตาล การทำงานของไต
    การตรวจดังกล่าวอาจช่วยทำให้ทราบว่าเกิดภาวะโลหิตจางหรือมีการติดเชื้อ ไตทำงานบกพร่อง หรือต่อมธัยรอยด์ผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอ ซึ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
    4. การตรวจอัตราเร็วของการตกตะกอนเม็ดเลือด (ESR หรือ erythrocyte sedimentation rate) ควรทำในคนอายุกว่า 60 ปี ที่เพิ่งเริ่มมีอาการปวดศีรษะคือ ถ้าผล ESR สูงก็เป็นข้อบ่งชี้ ให้หมอต้องตัดเส้นเลือดบริเวณขมับ (temporal artery) มาตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยว่า เป็นโรคเส้นเลือดแดงอักเสบที่เรียกว่า giant cell artertis
    5. มีคนไข้โรคไมเกรนกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งเจาะเลือดแล้วจะพบว่า ระดับธาตุแมกนีเซียม (magnesium) ในเลือดต่ำกว่าปกติ

นพ.ชุมศักดิ์ พฤกษาพงษ์

(update 6 ธันวาคม 2000)


[ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอปีที่ 24 ฉบับที่ 10 ตุลาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600