ราชสีห์ หนวดทอง
เรื่องราวใต้หลังคาบ้านของคนๆ หนึ่งที่ไม่ว่าเราจะรู้จักหรือไม่ก็ตาม การได้รู้เอาไว้ไม่เสียหลาย
เพราะไม่แน่ว่าเรื่องราวแบบนั้น สักวันหนึ่งใครจะรู้ได้ว่ามันอาจจะเกิดกับเราเข้าบ้างก็ได้
ด้วยเหตุนี้เองการที่ผมสาระแนแส่รู้เรื่องของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน (แล้วก็เอามาเขียนเล่าสู่กันอ่าน)
จึงไม่ใช่เป็นการทรามมารยาทที่ตรงไหน เพราะการรู้และการเขียนเล่าของผมไม่ทำให้ใครเสียหาย
หรือได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย
ปะหน้าเอาไว้อย่างนี้ ก็เพียงเพื่อจะเล่าเรื่องร้าวฉานในครอบครัวหนึ่งให้อ่าน
แล้วอยากถามคุณผู้อ่านดูด้วยว่าเมื่ออ่านจบแล้วจะมีใครคิดว่า เรื่องราวทั้งหมดต่อไปนี้
ใครกันแน่ที่ทำไม่ถูก ?
" หลายครั้งแล้วที่มีคนเขามาบอกพ่อว่า เห็นเดือนไปเที่ยวกับผู้ชายตามลำพัง
และพ่อเองก็ยังเคยพบหลายหนด้วยตาของพ่อเอง นี่แหละเป็นเรื่องที่พ่อต้องการพูดกับเดือนให้เด็ดขาด "
ลูกสาวนั่งก้มหน้า พ่อจึงพูดต่อไป
" เดือนก็โตพอที่จะรู้ว่าอะไรถูกผิด ควรไม่ควรแล้ว การศึกษาพ่อแม่ก็ส่งเสียให้ร่ำเรียนไม่น้อยหน้าใคร
ฐานะเราก็เป็นที่นับหน้าถือตาของคนอื่นเขา ก็แล้วคนอย่างนายเที่ยงคืนนั่นถามจริงๆ เถอะว่า
เทียบกับเราได้ตรงไหนบ้าง ? เรียนก็เหลว การงานก็ไม่ทำเป็นหลักเป็นแหล่ง คนแบบนี้น่ะหรือ
ที่เดือนถึงกับเลือกเอาไว้ว่าจะฝากอนาคต และชีวิตให้เขาเป็นผู้นำ ? อย่าทระนงว่าทำอะไร ? พ่อจะโง่กว่า
จะไม่รู้
พ่อรู้ แต่ที่เพิ่งพูดนี่ก็เพราะเดือนออกจะทำเกินขอบเขตไปแล้ว เดือนจะปฏิเสธกับพ่อไหมล่ะ
ว่าไม่เคยเอาเงินที่พ่อแม่หาได้เอาไปเลี้ยงไปเที่ยวกับเจ้าเที่ยงคืนนั่น ? "
คำตอบของลูกสาวคงนิ่งตามเคย แม่จึงเสริมขึ้นบ้าง
" เดือนน่ะเป็นลูกคนโต พ่อแม่ก็หวังจะให้เป็นหลักเป็นที่พึ่งของน้องๆ ในภายหน้า
การที่เดือนทำอะไรตามอำเภอใจ เท่ากับทำร้ายความหวังความตั้งใจของพ่อแม่ คิดดูนะลูกตรองดู
อะไรที่ผิดไปแล้วก็ให้แล้วไป ตั้งต้นทำให้ถูกเสียใหม่ ลูกไม่รักดี พ่อแม่เจ็บช้ำใจไปจนตาย "
ลูกสาวยังคงก้มหน้านิ่งอยู่ตามเดิม
พ่อฟังแม่พูดจบจึงได้พูดต่อ
" เดือนต้องไม่ลืมนึกถึงเกียรติยศตระกูลของเรา ต้องพิทักษ์และเทิดทูนไว้ด้วยชีวิต อย่าให้มัวหมอง
ต้องระวังไม่ให้ใครเขามาหมิ่นได้ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง คนเราเมื่อจะอยู่ก็ต้องอยู่อย่างคนมีเกียรติ
ไร้เงินทองเรามีปัญญาก็สามารถจะหาได้ แต่เกียรติยศนี่ซิ หมดลงวันใด ถึงจะมีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความหมาย
ใครเขาจะคบหาสมาคมด้วย
เดือนคิดดูให้จงดี "
" รับปากกับพ่อเขาซิเดือน " แม่เสริมขึ้นมาอีก
" รับว่าเดือนจะทำตัวเป็นลูกที่ดีให้พ่อแม่ชื่นใจ ไม่ทำเลวให้พ่อแม่ช้ำใจ ? "
เห็นลูกสาวอึดอัดพ่อก็ตัดบทว่า
" เอาเถอะยังไม่ต้องให้คำมั่นสัญญาอะไรกับพ่อเดี๋ยวนี้ก็ได้ เดือนเก็บจำเอาคำมั่นที่พ่อพูดไปคิดดู
ตรองดูถึงความหวังดีของพ่อแม่แล้วค่อยบอกทีหลังว่าเดือนคิดอย่างไร
พ่อกับแม่จะได้ความชื่นใจ
หรือช้ำใจจากการตัดสินใจของเดือน "
เรื่องในบ้านจบลงแค่นั้น แต่เรื่องนอกบ้านยังไม่จบลงง่ายดาย เพราะลูกสาวเก็บเอาทั้งหมดข้างต้น
มาเล่าให้เที่ยงคืน เพื่อนชายที่ชิดเชื้อรับฟัง และขอความเห็นจากเขา
" ผมไม่มีความเห็นอะไร มันเป็นเรื่องที่เดือนจะตัดสินใจเอาเอง " เขาว่าแต่ไม่วายย้ำ
" ถึงอย่างไรเราก็รักกัน ความรักของคนจนๆ อย่างผมไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่จะต้องลงเอยอย่างนี้
คนจนไม่มีวันที่พ่อแม่ที่มีฐานะดีกว่าเขาจะยินดีสนับสนุนหรอก "
ได้ยินคำพ้อ เธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
" อย่าร้องไห้
เดือนเคยเข้มแข็ง "
เขาปลอบโยนเธอด้วยคำพูดและกอด
" เดือนไม่ต้องนึกอะไรมาก ไปคิดตรองดูเอาเถิดว่า จะทำอย่างไร การตัดสินใจของเดือน
เท่ากับการตัดสินชีวิตของผม ผมพร้อมแล้ว และจะไม่วิงวอนขอความกรุณาเลย "
นั่นเป็นเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นแล้ว และขณะนี้ผมกำลังนั่งรับฟังการถ่ายทอดจากเดือน
เด็กสาวคราวหลานที่พบปัญหาวุ่นวายของชีวิต และเธอก็ตัดสินใจเลือกไม่ได้ว่า จะเดินทางไหน ?
" หนูกลุ้มใจ! "
เธอระบายความอึดอัดออกมา
" ใจหนึ่งนึกถึงพ่อกับแม่ แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารเที่ยงคืนจนบอกไม่ถูก เราไม่ควรพบกันเสียเลยจะดีกว่า
น้าสิงห์ต้องช่วยหนูคิดนะคะ! "
มันเป็นอาวุธสองคมที่แฝงคุณและโทษอยู่ด้วยกัน ปัญหาชนิดนี้ สำหรับคนกลางเมื่อมองจากมุม
ของผู้เป็นพ่อแม่ก็แลเห็นว่าลูกที่ดีควรตามใจพ่อแม่ที่แนะทางชีวิตให้ และไม่ควรทำตัวเป็นลูกเลว
ทำให้พ่อแม่ต้องช้ำใจ!
ครั้นมามองจากมุมของลูก ผู้ตกอยู่กลางมหาสมุทรแห่งความรักก็จะรู้สึกว่า เป็นเรื่องยาก
ที่หักเหียนเปลี่ยนใจให้คลายรักลงได้ง่ายๆ ตามใจพ่อแม่! ผมรับฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว
และถูกขอร้องไห้ช่วยคิดจึงบอกตรงๆ ว่า ไม่ชอบใจเลยทีเดียว
ประตูรอดที่เหลือไว้ให้ผมคือ ปัดส่งไป!
ทำไมจะมากะเกณฑ์ให้คนอื่นเขาช่วยคิดเล่าในเรื่องของความรักมันเป็นเรื่องของจิตใจที่ตัวใครตัวมัน
ทุกคนรู้จักก็ต้องรู้จักคิด มีข้อแตกต่างกันอยู่นิดเดียวว่า บางคนคิดก่อน รักและบางรายรักแล้วจึงมาคิด
พวกแรกถูกมากกว่าผิด ส่วนพวกหลังผิดมากกว่าถูก !
เธอกลับไป
ผมยังคิดต่อไปอีกว่า เรื่องชนิดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะไปเที่ยวแนะนำเขา
เพราะเรื่องแบบนี้มองกันคนละมุม แต่ละฝ่ายก็มีเหตุผล
ที่น่าคิดมากก็คือในสองฝ่ายนั้น ต้องมีฝ่ายหนึ่งผิด คุณช่วยผมคิดหน่อยว่าเป็นฝ่ายไหน ?
ถ้ามันเกิดขึ้นในบ้านของคุณบ้าง
|