มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ระวัง ใช้ยาขณะให้นมลูก

ภญ.ยุวดี หงส์รัตนาวรกิจ


คุณแม่คงจะทราบกันอยู่แล้วว่า เมื่อจะใช้ยาอะไรในระหว่างให้นมลูกจะต้องปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนเสมอ แต่ก็มีอีกหลายท่านที่ไม่ค่อยสะดวกที่จะมาพบแพทย์หรือเภสัชกร ก็เลยอดทนต่ออาการป่วยไข้ ไม่กล้ารับประทานยาใดๆ หรืออีกหลายท่านก็กระทำตรงข้าม ก็คือ รับประทานยาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รับประทานยาที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยได้ ซึ่งทั้งสองกรณีหลังต่างก็ส่งผลโดยตรงต่อลูกน้อยทั้งสิ้น

จึงหวังให้คุณแม่ทุกท่านรับทราบข้อมูลต่อไปนี้เพื่อเป็นคู่มือในการพิจารณาเลือกใช้ยาระหว่างตั้งครรภ์ ในยามที่ต้องไกลหมอ

ข้อเท็จจริงนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นพิษของยาในนมแม่ที่ส่งผลต่อลูกที่ได้รับนมนั้นยังมีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ตรวจสอบจากการหาปริมาณยาที่ออกมากับน้ำนมและคำนวณอันตรายที่จะเกิดกับลูก เนื่องจากการศึกษาโดยตรงกับคุณแม่แม่ลูกอ่อนนั้นทำได้ยากและอาจผิดจริยธรรมทางการแพทย์

โดยทั่วไป ยาส่วนใหญ่จะขับออกมาจากทางน้ำนมได้ในปริมาณไม่มากนัก ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการขับผ่านทางน้ำนมของยาได้แก่
  • คุณสมบัติของยา ทั้งทางเคมี ขนาดโมเลกุล และความสามารถในการละลายของยา
  • วิธีการรักษา เช่น โดยการรับประทาน, การฉีด, การสูดดม, การสอด เป็นต้น
  • ระยะเวลาที่ใช้ยา และขนาดของยาที่ใช้แต่ละครั้ง (ปริมาณยาที่ได้รับ)

ส่วนปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับทารกได้แก่
  • อายุของทารกระยะที่ควรระวังมากๆ คือ 1 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากลำไส้ของทารกจะดูดซึมยาได้มาก แต่ขับถ่ายได้น้อยจึงเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้มากกว่าช่วงที่โตขึ้นไป
  • ความสามารถในการดูดซึมและกำจัดยาของทารก

แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่ายาทุกชนิดที่คุณแม่รับประทานจะเป็นพิษต่อลูกน้อยเสมอไปนะคะ เพราะอาการพิษจะขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างข้างต้น
แนวทางในการใช้ยาระหว่างให้นมลูก เราจะแบ่งกลุ่มยาเป็น 3 ประเภทดังนี้
1. ยาที่ห้ามใช้ในระหว่างให้นมลูก
2. ยาที่ควรงดนมแม่ชั่วคราวขณะที่คุณแม่ใช้ยานี้
3. ยาที่ใช้ได้ระหว่างให้นมลูก

  • ยาที่ห้ามใช้ในระหว่างให้นมลูก

เนื่องจากเหล่านี้สามารถดูดซึมผ่านทางน้ำนมไปสู่ลูก และส่งผลเสียต่อลูกได้มาก ได้แก่ ยารักษาโรคธัยรอยด์ ไธโอยูเรซิล (Thiouracil) และเมธิลมาโซน (Methimazole) ยารักษาไมเกรน เออร์โกตามีน (Ergotamine) ยารักษาโรคกระเพาะไซเมทติดีน (Cimetidine) ยาลดการหลั่งน้ำนม โบโมคริฟทีน (Bromocriftine) ยากดภูมิต้านทานที่ใช้รักษามะเร็งไซโคพาสฟาไมด์ (Cyclophosphemide) และอะมินอธารีน (Amethopterin) เป็นต้น

  • ยาที่ควรงดนมแม่ชั่วคราว ขณะที่คุณแม่ใช้ยา

ได้แก่ ยาฆ่าเชื้อเมโทรนิตาโซล (Metronidazole) และสารกัมมันตรังสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการฉายแสงหรือฉีดก็ตาม

  • ยาที่ใช้ได้ระหว่างให้นมลูก

ได้แก่ ยาทั่วไปที่ใช้รักษาอาการต่างๆ และวิตามิน ซึ่งเป็นการยากที่จะบรรยายได้ทั้งหมด จึงขอเสนอข้อแนะนำในการใช้ยารักษาอาการต่างๆ และโรคทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นขณะที่คุณแม่ยังต้องให้นมลูกอยู่ ที่น่าสนใจมีดังนี้

1. ยาแก้หวัด แนะนำให้หลีกเลี่ยงไม่ใช้ยาลดน้ำมูกถ้าทำได้ โดยเฉพาะยาแก้แพ้กลุ่มแอนตี้ซีสตามีน เช่น บรอมเฟนิรามีน (Brompheniramine) เพราะจะทำให้ลูกร้องกวนนอนไม่หลับ เป็นต้น ถ้าคุณแม่มีอาการคัดจมูกควรใช้ยาทาหรือเช็ดจมูกให้โล่งมากกว่ายารับประทาน และควรหลีกเลี่ยงยาผสมที่มีตัวยาหลายๆ อย่างในเม็ดเดียวกันหรือยาที่ออกฤทธิ์ได้นานๆ เพราะจะส่งผลต่อลูกเป็นระยะเวลานานด้วย

2. ยาแก้ปวด แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดพวกอินโดเมธาซีน (Indomethacin) เฟนิลบิวตาโซน (Phenylbutazone) ส่วนยาแอสไพริน (Aspirin) สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อยๆ ในระยะเวลาสั้นๆ ยาที่ใช้แก้ปวดได้ดีในคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมคือ พาราเซตามอล (Paracetamol) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofon) กรดมีเฟนามิก (Mefenamic Acid) ไดโคลฟิแนก (Diclofenec)

3. ยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) กลุ่มที่ใช้ได้คือ กลุ่มเพนนิลซิลลิน (Penicillin) ยารักษาวัณโรค กลุ่มยารักษามาเลเรีย ที่ไม่ควรใช้คือ ยาเมโทรนิดาโซล (Metronidazole)

4. ยาระบาย ที่ใช้ได้โดยไม่มีอันตรายต่อลูกคือยาที่มีคุณสมบัติพองตัวในน้ำ เพิ่มกากอาหาร และยาระบายมิลค์ออฟแมกนีเซีย (M.O.M) ส่วนที่ไม่ควรใช้คือยาระบายมะขามแขก

5.ยาลดกรด รักษาแผลในกระเพาะ พบว่ายาลดกรดที่มีส่วนประกอบของอะลูมิเนียมและแมกนีเซียม ซึมผ่านน้ำนมได้น้อย คุณแม่จึงใช้ได้อย่างสบายใจ ส่วนยารักษาแผลในกระเพาะขอแนะนำให้ใช้ซูคราลเฟต (Sucrafate) ซึ่งซึมผ่านไปยังน้ำนมได้น้อย ยาที่สามารถสะสมในน้ำนมได้และไม่ควรใช้คือ ไซเมทีดีน (Cimetidine) และรานิทิดีน (Ranitidine) เพราะอาจส่งผลให้เกิดพิษต่อระบบประสาทส่วนกลางได้

6. ยาคุมกำเนิด หากจำเป็นต้องใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ควรเลือกสูตรที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำ โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) เนื่องจากฮอร์โมนนี้มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างน้ำนม ดังนั้นหากจะคุมกำเนิดในช่วงที่ให้นมลูก ขอแนะนำให้ใช้วิธีธรรมชาติหรือสวมถุงยางอนามัยก่อน

7. ยาคลายเครียดหรือยานอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงยากลุ่มนี้ขณะให้นมลูก เพราะจะทำให้ลูกมีอาการง่วงซึม เบื่ออาหารน้ำหนักลด เชื่องช้าและสติปัญญาด้อยลงในที่สุด

ในกรณีที่คุณแม่ไม่แน่ใจว่ายาที่ใช้จะมีผลต่อการให้นมลูกหรือไม่ มีหลักง่ายๆ ที่ควรนำมาพิจารณาคือ ให้หลีกเลี่ยงยาที่ออกฤทธิ์เนิ่นนาน รับประทานยาทันทีหลังให้นมลูกเสร็จ เพื่อให้ระยะเวลาการรับยา ห่างจากการให้นมครั้งถัดไปนานที่สุด และสุดท้ายคือต้องคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของลูก เช่นนอนหลับปกติหรือไม่ ? มีผดผื่นขึ้นหรือไม่ ? มีอาการผิดปกติอย่างไรเพื่อที่จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที

สำหรับวิตามินต่างๆ ที่คุณแม่รับประทานเพื่อบำรุงร่างกาย ยังไม่พบผลกระทบต่อลูกน้อย นอกจากผลกระทบต่อคุณแม่โดยตรงหากรับประทานไม่ถูกต้อง ซึ่งโดยปกติในน้ำนมแม่จะมีแร่ธาตุหลักๆ เช่น แคลเซียม, แมกนีเซียม, โซเดียม, โปแตสเซียม, ฟอสเฟต และคลอไรด์ อยู่ในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการ ของลูกอยู่แล้ว ยกเว้นลูกที่คลอดก่อนกำหนดจะต้องการแคลเซียมและฟอสฟอรัสมากขึ้น คุณแม่อาจต้องรับประทานแร่ธาตุทั้งสองเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณธาตุนี้ในน้ำนม หรือเลือกให้แร่ธาตุทั้งสองแก่ลูกน้อยโดยตรง

อีกวิตามินที่คุณแม่ผู้ให้นมลูกควรเสริมก็คือ วิตามินดี โดยควรเป็นวิตามินดีที่ได้จากอาหาร และการได้รับแสงแดดเท่านั้น

นอกเหนือจากยาที่แนะนำแล้ว หากคุณแม่ไม่มั่นใจในการรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้นะคะ

(update วันที่ 30 สิงหาคม 2543)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับ 342 สิงหาคม 2543 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600