มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 ปกป้องลูกจากการถูกเพื่อนรังแก


ต่อไปนี้เป็นอาการของเด็กที่อาจถูกเพื่อนด้วยกันรังแกที่โรงเรียน ไม่อยากไปโรงเรียน บ่นไม่ชอบตัวเอง ร้องไห้ น้อยใจไม่มีใครรัก นอนไม่หลับและมักปวดหัวปวดท้องเป็นประจำ

ถ้าลูกคุณมีอาการเช่นนี้เห็นที่คุณจะต้องเป็นเจมส์ บอนด์เสียหน่อย คือ เป็นสายลับไปสืบที่โรงเรียนว่า ลูกของคุณกำลังถูกเพื่อนรังแกหรือเปล่า เนื่องจากเป็นไปได้ที่ลูกคุณถูกรังแกแล้วไม่พูดให้คุณทราบ เพราะเขายังเป็นเด็กและการถูกรังแกอาจเป็นปัญหาหนักครั้งแรกในชีวิตของเขา ซึ่งเขาบางทียังไม่โตพอที่จะรู้จักวิธีแก้

เรื่องนี้ถ้าปล่อยไปเขาอาจใช้กำลังแก้เพราะเขายังไม่รู้จักใช้สมอง หรือเขาอาจยอมรับการถูกรังแก จนจิตใจของเขาได้รับการกระทบกระเทือนและมีผลต่อบุคลิกภาพตลอดจนอุปนิสัยในคอในอนาคต แต่อย่าไปเป็นนักสืบเกินไป วิธีปฏิบัติคือไปหาครูประจำชั้น แล้วเล่าข้อสงสัยให้ฟังพยายามเล่าแบบกันเอง เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่เป็นมิตร

อย่ากล่าวหาหรือปรักปรำใครและอย่าหวังผลในการไปครั้งเดียว คุณอาจจะต้องไปหลายครั้ง และที่ต้องการให้คุณปฏิบัติเช่นนี้เพราะคุณอาจจำเป็นที่จะต้องอาศัยครูในการฟื้นฟูจิตใจลูกของคุณ ให้กลับสู่สภาพเดิม ซึ่งบางทีอาจต้องใช้เวลาหลายเดือน

  • ปัญหาดึกดำบรรพ์

เด็กถูกเพื่อนรังแกเป็นปัญหาที่รู้กันนานแล้ว แต่ที่ผ่านมามักถูกมองเป็นเรื่องธรรมดา ที่เด็กทุกคนจะต้องผจญ นอกจากนี้ครูและผู้ปกครองยังคิดว่าเป็นเรื่องระดับเดียวกับการหยอกล้อ และการเล่นแหย่กัน ระหว่างเด็กๆ
แต่ที่ประเทศอังกฤษกำลังมีการตื่นตัวกันถึงเรื่องนี้เพราะมีการค้นพบว่าปัญหาเด็กรังแกกัน กำลังทวีขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ

รายงานของโครงการรณรงค์ต่อต้านการรังแกกันระหว่างเด็ก (Anti-Bullying Campaign) ของอังกฤษกล่าวว่า โดยเฉลี่ยปีหนึ่งๆ โครงการฯ จะได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองและเด็กที่ถูกรังแกถึง 16,000 ราย และจากการศึกษาๆ หนึ่งพบว่าเด็กนักเรียนอังกฤษกว่า 2 ใน 3 ก่อนจะจบการศึกษาต้องเคยถูกเพื่อนรังแก อย่างน้อยหนึ่งครั้ง

ทำไมเด็กถึงถูกเพื่อนรังแก เรื่องนี้มิเชล เอลเลียต ผู้อำนวยการกลุ่มรณรงค์ Kidscape ซึ่งเป็นองค์กรต่อต้านการรังแกระหว่างเด็กอีกแห่งกล่าวไว้ในหนังสือของเธอชื่อ "101 Ways to Deal with Bullying" ว่าเด็กที่ถูกเพื่อนด้วยกันรังแกมักเป็นเด็กที่แปลกกว่าคนอื่นในกลุ่มโดยแปลกกว่าในทางผิวพรรณ หรือรูปร่างหน้าตาทางสำเนียงการพูดและวัฒนธรรม และทางการวางตัวซึ่งรวมทั้งเด็กที่ประพฤติเรียบร้อยด้วย

แล้วทำไมถึงต้องรังแก เรื่องนี้เอลเลียตอธิบายว่า เพราะความสงสัยเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของเด็ก คือเด็กเมื่อเห็นอะไรแปลกมักสงสัยเสมอ การรังแกอาจไม่เริ่มในทันทีแต่อาจเริ่มด้วยการล้อเลียนหรือกลั่นแกล้ง

เธอกล่าวต่อไปว่า การังแกถ้าเล็กน้อยคงไม่เท่าไหร่ การรังแกที่ร้ายแรงคือ ที่ทำเป็นประจำ และทำโดยหลายๆ คน และให้สงสารเด็กเรียบร้อยเป็นพิเศษ เด็กพวกนี้ได้รับความเจ็บปวดที่สุดจากการถูกรังแก เนื่องจากได้รับการสั่งสอนให้มีความเมตตากรุณา เมื่อถูกรังแกเขาจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนบางคนถึงโหดร้าย ซึ่งอาจทำให้เขางุนงงจนวางตัวไม่ถูกเลยก็ได้

ส่วน พอลลีน แฮล์เลอร์ ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์ฯ กล่าวว่า ผลกระทบต่อเด็กที่ถูกรังแก ที่ร้ายแรงที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงทางอุปนิสัยใจคอ ซึ่งอาจจะตลอดชีวิตก็ได้ ถ้าผู้ใหญ่ไม่เข้าไปช่วยเหลือ

  • วิธีแก้ปัญหา

ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองแบ่งวิธีแก้ปัญหาการรังแกไว้สองระดับ คือระดับผู้ปกครองกับระดับเด็ก

ก่อนอื่นผู้ปกครองควรจะทราบก่อนว่า การรังแกระหว่างเด็กเป็นปัญหาที่อาจเกิดได้กับเด็กทุกวัย แม้กระทั่งสามขวบ นอกจากนี้ยังเกิดได้กับเด็กชายและเด็กหญิง และไม่จำเป็นเสมอไปที่เด็กที่รังแก จะต้องเป็นเด็กความประพฤติไม่ดีเท่านั้น เด็กประพฤติดีรวมทั้งเด็กเรียบร้อยอาจรังแกเพื่อนได้เหมือนกัน

เมื่อรู้เช่นนี้ผู้ปกครองและครูจึงควรช่วยกันทำโรงเรียนให้เป็นสถานที่ปลอดภัย คือเด็กทุกคนต้องอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ตลอดเวลา เพราะการรังแกระหว่างเด็กมักเกิดในที่ลับตา และเมื่อผู้ปกครองนำเรื่องเด็กถูกรังแกไปฟ้องครู ทั้งสองควรวางแผนในระยะยาวเพื่อไม่ให้การรังแก เกิดกับเด็กคนอื่นไม่ใช่ยุติแค่เด็กในการดูแลของตน

ระวังในการหารืออย่าเอาเด็กไปด้วยและที่สำคัญที่สุด อย่าให้มีการเผชิญหน้าระหว่างเด็กที่โดนรังแก กับที่รังแกเพราะอาจเปิดทางให้มีการรังแกอีกและเช่นกันพ่อแม่ไม่ควรไปพบพ่อแม่เด็กที่รังแกด้วยตัวเอง

  • สอนให้รู้ความจริง

ทีนี้เป็นวิธีป้องกันระดับเด็ก ก่อนอื่นเมื่อถึงวัยไปโรงเรียน พ่อแม่ทุกคนควรพยายามสอนลูกให้รู้ความจริงว่า โลกนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ดังนั้นจึงควรรู้จักดูแลและป้องกันตัวเอง

ลูกของคุณควรได้รับการบอกถ้าใครรังแกให้ฟ้องผู้ใหญ่ ถ้าใครทำอะไรไม่พอใจให้ตะโกนเสียงดัง แสดงความไม่พอใจ แล้วเดินไปอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ควรเกาะกลุ่มอยู่กับเพื่อนที่ถูกใจไม่ควรทำอะไรคนเดียว และถ้าไม่อยากเล่นอะไรกับใครให้ไปนั่งใกล้ผู้ใหญ่

นอกจากนี้คุณยังควรฝึกลูกคุณให้รู้จักรักษาสิทธิ์ตัวเองให้มั่นใจตัวเองและเดินเหินอย่างสง่าผ่าเผยถ้าทำได้ เช่นนี้ลูกคุณจะไม่มีใครมารังแก

องศาร้อย

(update 24 ตุลาคม 2000)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 340 มิถุนายน 2543 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600