มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



นักคลานน้อย…ท่องโลก

วาศิล


ระหว่างอายุ 6-9 เดือน ลูกน้อยของเราจะเริ่มคลานได้แล้วและสิ่งนี้จะนำความตื่นเต้นให้แกมาก จากที่เคยมองเห็นสิ่งต่างๆ ซ้ำๆ ในเปล คราวนี้แกก็คลานปราดๆ ไปยังสิ่งที่แกเห็นและสนใจ พร้อมกับลงมือสำรวจเสียเลย โอ้…โลกที่แกค้นพบนี้สนุกสนานเสียนี่กระไร ไม่เชื่อก็ดูแววตาแสนสุขของลูกสิคะ แต่อย่างไรก็ตาม แม้ลูกจะหาทางสนุกเองได้ คุณพ่อคุณแม่ก็ยังต้องคอยดูแล เพราะแกอาจคลานไปสู่อันตรายได้ค่ะ

คลาน : การออกกำลังกายท่าแรกของชีวิต

ครั้งหนึ่งในชีวิตเราต่างก็ผ่านขั้นตอนการคลานมาแล้ว จนเราอาจมองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาจริงๆ แล้วการคลานไม่ธรรมดาหรอกค่ะ เพราะมีการพบว่าเด็กที่มีปัญหาการเรียน ซึ่งเกิดมาจากการนั่งนิ่งๆ ไม่ได้นาน ไม่มีสมาธิ หรือเขียนหนังสือไม่ได้ ฯลฯ สาเหตุหนึ่งเกิดจากการที่เด็กเหล่านั้นมีท่านั่งที่ไม่สบายตัว ซึ่งเป็นผลมาจากพัฒนาการอย่างหนึ่งในวัยเด็ก นั่นคือ การคลาน เพราะการคลานเป็นเสมือน ท่าออกกำลังกายแรกของชีวิตที่ช่วยขจัดสมดุลให้ร่างกายคนเราในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่ง นอน หรือการเคลื่อนไหวต่างๆ หากเด็กๆ คลานกันน้อย ก็เท่ากับแกออกกำลังน้อยไปด้วย ทำให้ทั้งกล้ามเนื้อ และประสาทส่วนที่ควบคุมความสมดุลไม่แข็งแรง ไม่สมบูรณ์ จึงส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นไงค่ะ
หากเป็นไปได้ ในแต่ละวันควรปล่อยให้ลูกได้คลานเล่นบ้าง โดยควรคลานอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 15 นาทีต่อวันค่ะ

คลานให้ปลอดภัย

เพื่อให้การคลานของลูกเป็นไปอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรมองข้ามสิ่งเหล่านี้
  • ดูแลหัวเข่า เพราะผิวหนังลูกยังบอบบางนัก จึงเกิดแผลหรือถลอกได้ง่าย เมื่อลูกเริ่มคลานคุณแม่ควรให้แกใส่กางเกงขายาว เพื่อป้องกันเข่าถลอก แต่ไม่ต้องถึงกับวุ่นวาย หาผ้ามาพันเข่าหรือหาสนับเข่ามาใส่ให้นะคะ เพราะแกอาจรำคาญจนไม่อยากคลานเลยก็ได้
  • เคลียร์พื้นที่…ด่วน สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมก็คือเมื่อลูกคลานได้ ความปลอดภัยของแกจะต้องลดลงทันทีแกจะไม่รู้ว่า ตรงไหนอันตรายไม่ควรเข้าไป หรือตัวแกกำลังเล่นกับอะไรอยู่ บางทีเราจึงจะเห็นแกคลานไปประจัญหน้ากับแมว และพยายามเงื้อมือจะตีแมว หากยังปล่อยไว้ลูกอาจเจ็บตัวจากการถูกแมวข่วนได้
ลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งของเด็กวัยกำลังคลานก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น เมื่อแกค้นพบว่า ตัวเองมีอิสระที่จะเคลื่อนไหวไปไหนๆ ด้วยตัวเองได้แล้ว ที่นี้ทุกอย่างที่อยากรู้ก็อยู่ในกำมือน้อยๆ ของแก โดยหารู้ไม่ว่าความอยากรู้อยากเห็นของแกนี้ทำความลำบากให้คนอื่นๆ แค่ไหน (กับการที่ต้องคอยวิ่งไล่ดูแลแก ยิ่งปู่ย่าตายายเป็นคนเลี้ยงด้วยแล้ว เจ้าตัวน้อยดูจะชนะทุกยกไป เพราะไล่จับหลานไม่ไหวค่ะ)
เพราะฉะนั้น การจัดบ้านช่องที่เอื้อต่อการให้ลูกได้คลานโดยสะดวกและปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น บ้านควรโล่งและสะอาด และต้องไม่มีของชิ้นเล็กชิ้นน้อยเกลื่อนกราดเพราะลูกอาจเอาเข้าปาก เป็นอันตรายได้ สัตว์เลี้ยงต่างๆ ก็จับใส่คอกให้หมดนะคะ

ท่องโลกในบ้าน

เมื่อลูกคลานเล่นในบ้านพยายามทำให้การ เที่ยวท่องไปตามพื้นของลูกเป็นการผจญภัยที่แสนสนุก สนานด้วยการให้ของเล่นนุ่มๆ กับแก เพื่อแกจะได้ คลานทับบนของเล่นนั้น หรือไม่ก็ถือติดมือไปด้วยขณะ คลานช่วงวัยนี้แกจะสนุกกับการคลานออกสู่โลกกว้าง ไม่อยู่นั่งหรอกค่ะ พร้อมกับจับฉวยสิ่งต่างๆ ที่พบ ระหว่างทางไปด้วยเพราะฉะนั้นจึงควรหาของเล่นที่มี เสียงเวลาเขย่าหรือมีส่วนที่เคลื่อนไหวได้ให้ลูก ลูกจะ รีบสำรวจมันทั้งด้วยการเอาเข้าปาก ด้วยมือหรือกลิ้ง ไปข้างหน้าแล้วคลานตามสิ่งของนั้นๆ
การเล่นเกมง่ายๆ เช่น กลิ้งลูกบอลไปด้านหน้า หรือย้อนหลังหรือเคาะ เขย่าของเล่นเป็นจังหวะจะ กระตุ้นความสนใจให้ลูกได้ ให้พยายามเล่นกับแก เพื่อเสริมให้ลูกคลานไปหยิบของเล่นมา แต่อย่าหลอก ลูก เพราะแกจะโมโหและไม่เกิดการเรียนรู้ค่ะ
ลูกไม่ยอมคลาน

เด็กบางคนจะข้ามขั้นตอนการคลาน คือนั่งแล้วไม่คลานแต่เกาะยืนเลยพ่อแม่ก็ กังวลใจว่าลูกมีความผิดปกติหรือเปล่าไม่ต้อง กังวลค่ะ เพราะนั่นแสดงว่าพัฒนาการของลูก เลยขั้นตอนการคลานมาแล้ว และคอ หลัง ไหล่ลูกแข็งแรงดี พร้อมจะลุกยืน เดินได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะการยืนก็เป็นการฝึก กล้ามเนื้อและการทรงตัวเช่นกัน เพียงต้อง ปล่อยให้ลูกยืนและเดินอย่างเต็มที่
เด็กไม่คลานอาจเป็นเพราะคนลี้ยงไม่ค่อย ได้ปล่อยให้ลงพื้น อุ้มตลอดเวลาหรือไม่ยอมให้ คลานเพราะกลัวว่าพื้นจะสกปรกบ้าง คลานไป ชนบ้าง ทำให้ลูกไม่คุ้นกับการคลาน ก็จะข้าม ขั้นไปเกาะยืนเลย

เมื่อลูกไปถึงของเล่นนั้นๆ ก็ปล่อยให้ลูกคว้าเต็มที่เลย เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกจะรู้สึกถึงความสำเร็จ และมั่นใจกับโลก "กว้าง" ใบใหม่ของแก และวัย 6 เดือนนี้ ลูกน้อยของเราจะสามารถคลานไปถึงสิ่งที่ต้องการ และจับมันขึ้นมาได้และถ้าเราให้ของเล่นชิ้นใหม่ แกจะทิ้งของในมือแล้วคลานไปหาชิ้นใหม่นั้นได้

หรรษาในสวน

นอกจากจะอยู่ในบ้านหรือห้องแคบๆ แล้ว หากที่บ้านมีสวนอย่าลืมให้ลูกได้สำรวจโลกกว้างในสวนนี้นะคะ (อาจจะไม่กว้างมากมาย สวนหลังบ้านเล็กๆ ก็ได้ แค่นี้ก็เป็นโลกกว้างของลูกได้แล้ว) หญ้า ก้อนหินดินทราย ต้นไม้ ดูจะเป็นสิ่งที่สร้างความฉงนสนใจให้กับลูกได้ทั้งนั้น อย่าคิดว่าสกปรก ให้ลูกได้ใช้นิ้วใช้มือสัมผัสสิ่งเหล่านี้ (แค่คอยระวังไม่ให้ลูกเอาเข้าปากและล้างมือให้หลังจากนั้นก็พอค่ะ) เพราะสิ่งที่ลูกได้เรียนรู้นั้น มันมีค่ากว่านิ้วสกปรกค่ะ
ลองให้ลูกกำก้อนหิน (ซึ่งเล็กสำหรับมือแกแต่ใหญ่เกินกว่าจะเอาเข้าปากได้) แล้วชวนแกทำเป็นกองๆ ไว้ หรือไม่ก็ใช้ที่พรวนดินหรือเสียมขุดดินให้แกดู ลูกยังทำเองไม่ได้หรอกค่ะ แต่แกจะสนุกไปกับมันและเก็บมันไว้ในความทรงจำ
สิ่งของในสวนที่จะทำให้ลูกสนุกได้อีกอย่างก็คือบัวรดน้ำ เด็กๆ ทุกคนชอบน้ำอยู่แล้ว ลองเอามาเล่นกับลูกสิคะ น้ำที่ออกมาจากบัวรดน้ำจะสร้างความสนเท่ห์ให้ลูกได้อย่างมาก แกจะยิ้มและหัวเราะจนตาหยีเชียวล่ะค่ะ

มันส์กันแบบเดิมๆ

เด็กวัยนี้โตมาพอที่จะสนุกกับการเล่น "จ๊ะเอ๋" แล้ว ซึ่งไม่ว่า เด็กยุคไหนสมัยไหนสนุกกับการเล่นจ๊ะเอ๋เสมอ นอกจากจะแค่ เอามือปิดหน้าแล้วจ๊ะเอ๋กัน ลูกคลานได้แล้วนี่คะ ลองคลานไปแอบ หลังเก้าอี้ หลังตู้ แล้วจ๊ะเอ๋กับลูก แกจะทำอย่างบ้าง ไม่ช้าก็จะได้ เห็นลูกคลานดุ๊กๆ ไปแอบในที่ที่เราเคยแอบบ้าง
เห็นมั้ยล่ะคะแค่คลานอย่างเดียวก็มีเรื่องสนุกได้ตั้งมากมาย วันนี้ให้ลูกได้คลานเล่นหรือยังคะ

ลูกรักขอแม่พักสักหน่อย

หากคุณพ่อคุณแม่เหนื่อยที่จะไล่จับลูกหรือต้องการทำอย่างอื่นบ้าง อยากนั่งพักสักครู่ แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้ลูกคลานไปไหนๆ เองตามลำพัง ลองจับลูกใส่คอกดูสิคะ (หากไม่มีก็ใช้เปลของลูกนั่นแหละค่ะ หรือจะหามุมว่างสักมุมหนึ่ง ที่มั่นใจว่าปลอดภัยจากปลั๊กไฟ ไม่ใกล้หน้าต่างหรือสิ่งของที่ลูกจะคว้าดึงลงมาเกินไป แล้วให้คุณพ่อคนดีต่อออกมาเป็นคอกให้สิคะ ไม่ต้องสิ้นเปลือง)
เพื่อให้ลูกสนุก ไม่เบื่อแล้วร้องไห้จะออกนอกคอกทันทีโดยที่เราไม่ได้นั่งพักเลย ให้ชวนลูกเล่นของเล่นต่างๆ หรือไม่ก็ร้องเพลงเล่นกับแก หากคุณต้องออกไปนอกห้องสักแป๊บหนึ่ง ก็คอยพูดคุยหรือเรียกแกไว้ ลูกจะคิดว่าพ่อแม่เล่นกับแกอยู่ ไม่ได้ทิ้งแกไว้ตามลำพังต้องไม่ทำให้ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อยู่ในคอก แต่เมื่อแกเริ่มเบื่อและร้องไห้ก็ควรเอาลูกออกจากคอกเลยนะคะ (ซึ่งคงเป็นหลังจากที่คุณแม่ได้พักบ้างแล้ว)
แต่หากคุณแม่ยังไม่พร้อมสำหรับการไล่จับยกใหม่ ก็ลองนั่งเล่นนั่งคุยกับลูก หาสิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ มาเล่นกับแกก่อน ก็พอจะซื้อเวลาได้สักพักหนึ่งล่ะค่ะ


[ที่มา.. นิตยสารดวงใจพ่อแม่   ปีที่ 4 ฉบับที่ 41 มีนาคม 2452 ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600