สุมนา ตัณฑเศรษฐี
คุณแม่เคยวิดพื้นหรือเปล่าคะ วิดพื้นโดยท่าของผู้หญิงจะแตกต่างจากท่าของผู้ชาย
ท่าวิดพื้นของผู้หญิงจะงอเข่าวางบนพื้นได้ งอข้อศอก
แล้วเหยียดให้อกลอยสูงจากพื้นท่านี้เป็นท่าที่ลูกน้อย
วัย 8-9 เดือน ใช้เพื่อเตรียมตัวคลาน
ถ้าคุณแม่ไม่เคยวิดพื้นมาก่อนแล้วให้คุณแม่ทำ คุณแม่จะรู้สึกเหนื่อยหมดแรง
แต่คุณแม่คงไม่ต้องห่วงสำหรับลูก เพราะเราได้ฝึกหัดเสริม
|
|
|
สร้างความแข็งแรงให้กับแขนขาของลูกมาอย่างสม่ำเสมอแล้ว
เมื่อลูกอยู่ในท่าเตรียมพร้อมจะคลานได้ ลูกอาจจะยังคลานไม่ได้เพราะการคลานไปข้างหน้า
จะต้องก้าวแขนและขาไปอย่างเป็นจังหวะ ถ้าเรายกแขนขวาขึ้นเพื่อที่จะก้าว จุดรับน้ำหนักของตัวทั้งหมดคือ
แขนซ้ายและเข่าทั้งสองข้าง รวมเป็นการลงน้ำหนักเพียง 3 จุด การทรงตัวบน 3 จุดนี้จะต้องดีพอ
นั่นคือ สะโพกทั้ง 2 ข้างจะต้องแข็งแรง กล้ามเนื้อลำตัวแข็งแรงจะทำให้เอวไม่บิดไปมา
เหมือนคนขี่จักรยานไม่เป็น แขนแต่ละข้างก็ต้องแข็งแรง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถโยกตัว
เพื่อถ่ายน้ำหนักเวลาก้าวไปได้
การออกกำลังกายทุกส่วนโดยใช้ของเล่นที่เราได้ฝึกหัดลูกมาแล้ว ทำให้ลูกมีความพร้อมที่จะคลาน
การคลานบ่อยๆ ก็ทำให้กล้ามเนื้อสะโพก ลำตัว แขนแข็งแรงยิ่งขึ้น ความว่องไวในการคลาน
ก็ยิ่งเสริมประสิทธิภาพในการพัฒนาของกล้ามเนื้อยิ่งขึ้น คลานไปไหน ไปทำอะไร
ของเล่นคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ลูกจะคลายไปหา
ของเล่นในวันนี้ควรจะเคลื่อนไหวได้ เช่น ตุ๊กตาไขลานให้เดินได้ ลูกบอลหรือขวดพลาสติกเปล่า
สีสันสวยงามที่หนีจากมือลูกได้เมื่อลูกไขว่คว้า และน่าสนใจที่จะคลานติดตามไปหยิบจับ
เด็กบางคนอาจไม่ผ่านขั้นตอนการคลาน แต่สามารถพาตัวเองเคลื่อนที่ไปได้โดยการนั่งเหยียดขา
แล้วกระเถิบก้นไปข้างหน้าด้วยการเกร็งงอเข่า ก็ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องจับลูกให้มาคลาน
หาของเล่นให้ลูกเช่นเดียวกันลูกอาจเล่นตามลำพัง แต่ลูกจะสนุกสนานมากถ้าคุณพ่อคุณแม่ได้เล่นด้วย
โดยการวางของเล่นล่อ ณ จุดต่างๆ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ไปคอยร้องเรียก ส่งเสียงเชียร์ให้ลูกมาหาของเล่น
ไม่ลืมใช่ไหมคะว่าลูกเกาะยึดตัวลูกขึ้นยืนได้แล้ว และพยายามปล่อยมือด้วย ตื่นเต้นดีนะคะ
ไหนจะต้องเล่นกับลูก ไหนจะต้องคลานตามกลัวลูกจะเกิดอุบัติเหตุ ไหนจะคอยรีบเข้าประคอง
ก่อนที่ลูกจะยืนปล่อยมือแล้วล้มก้นกระแทก
นับว่าลูกน้อยมีส่วนช่วยให้คุณแม่ได้ออกกำลัง เดี๋ยวนั่ง เดี๋ยวยืน เมื่อคุณแม่ได้อยู่กับลูก
จะพบว่าวันๆ หมดไปโดยไม่รู้ตัว แต่ภารกิจประจำวันของคุณแม่ยังรออยู่ คุณแม่ต้องเข้าครัว
ปรุงอาหารให้กับสมาชิกในครอบครัว แล้วยังต้องดูแลลูกอีก
ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วนะคะ
เมื่อถึงเวลาที่คุณแม่ต้องเข้าครัว ก็พาลูกเข้ามาด้วย ปล่อยลูกอยู่บนพื้นครัว เก็บเศษวัสดุต่างๆ
ที่จะเป็นอันตรายต่อลูกให้หมด หาเครื่องครัวที่คุณแม่มีอยู่ใบเล็กสุดให้ลูกก็จะมีหม้อ กระทะ ถ้วยชาม
โดยเฉพาะช้อนและทัพพีที่ขนาดพอเหมาะกับมือของลูกที่จะจับมาเคาะเล่นกับหม้อ กระทะ
ถ้วยชามให้เกิดเสียงดัง สนุกมากน่าตื่นเต้นสำหรับลูก อาจจะเสียงดังไปหน่อย นั่นหมายถึง
แขนของลูกมีกำลังมากขึ้น ลูกได้ฝึกการฟังเสียงค่อยเสียงดัง
ถ้าลูกเบื่อการเคาะลูกก็จะหยิบชามช้อน ทัพพีใส่ในหม้อ เวลาใส่ก็เกิดเสียงดัง แปลกดี สนุกดี
ลูกก็จะหยิบใส่หยิบออกอยู่เช่นนั้น หลายครั้งเมื่อคุณแม่เห็นลูกเล่นเช่นนี้ ก็ควรไปหยิบบล็อกไม้
รูปทรงต่างๆ ที่เป็นชุดของเล่นของลูกมาวางให้ลูกเล่น ลูกจะจับโยนใส่หม้อสเตนเลสเสียงดัง สนุกมาก
ถ้าคุณแม่มีปี๊บขนมปัง ยกให้ลูกเล่นก็เป็นอีกพัฒนาการหนึ่งที่จะให้ลูกเพราะถ้าเปิดฝาออก
ปากจะเล็กกว่าตัว เมื่อลูกเอาของเล่นใส่เข้าไป แล้วลูกจะก้มลงไปมอง บางทีลูกยกขึ้นมาดู
เป็นสิ่งที่ลึกลับน่าสนใจ ก็จะเป็นการพัฒนาความแข็งแรงของแขน ลำตัวก็จะต้องแข็งแรง
ทรงตัวเองอยู่ได้เมื่อยกของใหญ่ๆ และหนัก สายตาก็ต้องพยายามเพ่งมองเข้าไป
สมองก็จะพยายามค้นหาความจริงที่อยู่ข้างใน
ลูกน่าจะหิว คุณแม่เอาขนมคุกกี้ ขนมปังใส่ชามให้ลูกหยิบกินซิคะ หกก็ไม่เป็นไร
เพราะเราจะฝึกความแม่นยำของมือกับสายตา ตามองเห็นขนมสมองต้องส่งให้มือมาที่ขนม
แล้วหยิบขนม งอแขนเคลื่อนมาหาปาก ใส่ให้ตรงปาก ใหม่ๆ ก็ใส่ไม่ตรงปาก เลอะเทอะ หกเรี่ยราด
เมื่อลูกกินเองบ่อยๆ ก็จะเที่ยงตรงมากขึ้น
ต่อมาหัดลูกให้จับช้อน ตักบล็อกไม้จากหม้อหนึ่งไปใส่อีกหม้อหนึ่งซึ่งจะง่ายกว่า
การตักจากชามหนึ่งไปใส่อีกชามหนึ่ง
ในวัย 9 เดือน ลูกสามารถถือของเล่นสองชิ้นในเวลาเดียวกัน และนำของเล่นสองชิ้น
เข้ากระทบกันได้
หัดลูกให้ถือหูกระป๋องน้ำด้วยมือซ้าย และถือช้อนด้วยมือขวา ทำท่าเหมือนคนถ้วยกาแฟ
เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานของมือให้ยากขึ้น
เล่นนานๆ ก็เบื่อใช่ไหมคะ แต่คุณแม่ก็ยังไม่เสร็จธุระในครัว ถ้าไม่ได้ยินลูกทำเสียงดัง
ต้องรีบหันไปดูนะคะ มิเช่นนั้นลูกอาจจะไปเกาะอยู่ที่ลิ้นชักตู้ครัว ลูกไม่ทราบหรอกค่ะว่า
ลิ้นชักนั้นดึงออกอย่างไร แต่ด้วยความที่ลูกจะล้มจึงเกิดแรงดึงให้ลิ้นชักทั้งอันหลุดออกมา
เป็นอันตรายต่อลูก หรือเลื่อนออกมาทำให้ลูกพบเห็นมีดหรือวัตถุแหลมคมที่เมื่อหยิบจับแล้ว
เป็นอันตรายได้
หาของเล่นอย่างอื่นมาให้ลูกเล่นต่อ อาจเป็นห่วงพลาสติกสีต่างๆ ที่มีรูปร่างเหมือนขนมโดนัท
คล้องกับแท่งเสาที่สูงประมาณ 1 คืบ เสานี้มีฐานโค้งโยกเยกได้ ลูกจะหยิบห่วงคล้องกับเสา
ระยะแรกลูกจะหยิบเข้าหยิบออกจากเสาโดยไม่ปล่อยให้ห่วงตกถึงโคนเสา ปล่อยให้ลูกเล่น
ต่อไปค่อยๆ สอนให้ใส่แล้วปล่อยห่วงลงมาที่โคนเสา
ความเที่ยงตรงของมือเป็นสิ่งที่ต้องฝึกมาก เพื่อการทำงานที่ละเอียดอ่อน เพราะต่อไปลูกต้องใส่เสื้อเอง
เอามือสอดเข้าไปในแขนเสื้อได้ ติดกระดุมเองได้ เอาหมวกสวมศีรษะได้ ในระหว่างที่ลูกเล่น
คุณแม่อย่าลืมส่งเสียงพูดคุยกับลูกด้วยนะคะ ลูกจะพูดได้เก่งหรือไม่ก็อยู่ที่การฝึกหัด
จากการที่ลูกได้ยินบ่อยๆ ซ้ำๆ กัน
วัย 9 เดือน ลูกสดใสส่งเสียงคิกคักหัวเราะเมื่อรู้สึกขบขัน และลูกเริ่มเรียกสมาชิกในครอบครัวได้
ก็อยู่ที่เราจะหัดให้เรียกใคร ก่อนหน้านี้เราเอ่ยถึงพ่อ ลูกจะหันหน้าไปมองพ่อ เมื่อเราพูดคำว่าพ่อๆๆ
พร้อมกับชี้ไปที่พ่อ พูดบ่อยๆ ลูกก็จะเรียกพ่อได้
คนหูหนวกมาแต่กำเนิด ไม่ทราบจะพูดอย่างไรเพราะไม่เคยได้ยินเสียงพูด แต่ลูกเราสมบูรณ์ทุกอย่าง
พร้อมเสมอที่จะพูดตามเรา หัดภาษาเหนือ ใต้ อีสาน ภาษาต่างประเทศอะไรก็จะได้ตามนั้น
เพราะลูกจะจดจำอย่างรวดเร็ว
9 เดือน นี้ลูกฮัมเพลงกับตัวเองได้แล้วนะคะ ลูกได้ยินเสียงเพลงที่คุณพ่อคุณแม่เปิดให้ฟังประจำ
หรือคุณพ่อคุณแม่ฮัมเพลง ร้องเพลง ลูกก็จะร้องได้เร็ว
โลกแคบๆ ในบ้านเริ่มมีชีวิตชีวาอีกแล้วนะคะจากเสียงของลูกน้อย ไม่ว่าจะเป็นเสียงคิกคัก
หัวเราะ ฮัมเพลงและเสียงเรียกสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะเสียงอันดังของการเคาะถ้วยชาม
|