การเป็นพ่อถือได้ว่าเป็นเหมือนสิทธิพิเศษ ที่มีโอกาสในการสร้างคนรุ่นต่อๆ ไปแก่สังคม
ให้เป็นคนที่มีคุณภาพ นับเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทหารหาญที่ทำหน้าที่ปกป้องมาตุภูมิ
หากการเป็นพ่อเป็นเพียง "ผู้มีส่วนให้กำเนิดชีวิตของทารก" เมื่อให้กำเนิดแล้วก็จบเรื่องกันไป
คงไม่มีประโยชน์และคุณค่าใดในความเป็นพ่อ แต่ในความเป็นจริงลูกที่เราให้กำเนิดขึ้นมานั้น
เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีชีวิต มีจิตใจ มีสิทธิอย่างบริบูรณ์ในการดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างได้รับการเห็นคุณค่า
พ่อจึงเป็นเหมือนผู้รับมอบให้เป็นผู้ดูแล เลี้ยงดูฟูมฟักและสร้างลูกเติบโตขึ้นด้วยความรัก
ความเอาใจใส่เพื่อมอบให้เป็นคนดีแก่สังคมต่อไป การเป็นพ่อจึงมีคุณค่าสูงส่งยิ่งและเป็น "สิทธิพิเศษ"
ในการได้ทำหน้าที่พ่อของลูก
สิทธิพิเศษในฐานะ
คนสำคัญที่สุดของลูก
สุภาษิตอังกฤษบทหนึ่งในสมัยศตวรรษที่ 17 กล่าวว่า
"พ่อหนึ่งคนเป็นมากกว่าครูร้อยคนรวมกันเสียอีก"
ตลอดชีวิตของพ่อ พ่ออาจจะมีลูกได้หลายๆ คน แต่ลูกแต่ละคนต่างมี "พ่อ"
ที่ให้กำเนิดเขาได้เพียงคนเดียว พ่อจึงเป็นบุคคลที่สำคัญและพิเศษอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของลูกทุกคน
ลูกจะเติบโตขึ้นเป็นอย่างไรนั้น พ่อมีส่วนสำคัญ ยิ่งเด็กๆ จะคาดหวังว่าจะได้รับความห่วงใย
และเขาปรารถนาจะเลียนแบบอย่างชีวิตจาก "พ่อเพียงคนเดียว" ของเขา ในฐานะแห่งความเป็นพ่อ
จึงควรถือเป็น "สิทธิพิเศษ" ที่มีโอกาสได้เป็นเหมือน "พระเอก" ในดวงใจของลูก
คุณวีระ ปิตรชาติ อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
พ่อตัวอย่างปีพ.ศ. 2540 บันทึกไว้ในหนังสือ วันห่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2540 ของสมาคมผู้อาสาสมัคร
และช่วยการศึกษา ท่านได้กล่าวถึงลูกๆ ของท่านว่า
" ผมมีความภูมิใจในตัวลูกหลายๆ อย่าง แต่ที่ภูมิใจอย่างที่สุดคือ ลูกกล้าที่จะรับผิดเมื่อได้คิด
หรือทำผิดไปแล้ว และก็ได้ปรับปรุงแก้ไขในสิ่งผิดนั้นทันที และสิ่งที่ผมประทับใจนั้นก็คือ
ลูกทั้งสองได้กล่าวว่า เขาดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ"
คงไม่มีคำๆ ใดน่าประทับใจไปมากกว่าการที่ลูกเห็นพ่อเป็นบุคคลที่สำคัญและมีคุณค่ายิ่ง
สำหรับชีวิตของพวกเขา จากคำกล่าวของลูกที่ว่า เขาดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกพ่อ นั่นหมายถึงสิทธิพิเศษของพ่อ
ในฐานะเจ้าชีวิตของลูกที่ไม่มีผู้อื่นมาทดแทนได้
พ่อมีความสำคัญสำหรับลูกไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแม่ พ่อมีอิทธิพลต่อการกำหนดบุคลิกลักษณะ
วุฒิภาวะทางอารมณ์ ความมั่นคงทางจิตใจ ความสามารถด้านต่างๆ ให้กับลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การเป็นแบบอย่างให้กับบุตรชายซึ่งจากการศึกษาของนักจิตวิทยาครอบครัวพบว่า
เด็กผู้ชายจะเลียนแบบบุคลิกภาพจากลักษณะความเป็นชายของพ่อ ครอบครัวที่ขาดบิดา
จะส่งผลอย่างมากต่อบุตรชาย บุตรชายที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยขาดบิดามักจะมีลักษณะของผู้หญิงผสมอยู่มาก
ไม่ค่อยมีความแข็งกร้าวและมีลักษณะต้องพึ่งพิงผู้อื่น เด็กชายบางคนอาจจะใช้วิธีกลบเกลื่อนปมด้อย
ที่ขาดพ่อโดยแสดงลักษณะของความเป็นชายมากเกินไป เช่น ทำตัวเป็นนักเลง ข่มเหงรังแกผู้อื่น
เป็นต้น
พ่อจึงเป็นคนสำคัญและเป็นสิทธิพิเศษในการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
พ่อจึงควรเห็นความสำคัญในตนเองและไม่ปฏิเสธในการดูแลเลี้ยงลูกรวมกับแม่
และเมื่อลูกเติบโตขึ้นพ่อจะเป็นคนที่ภูมิใจในตัวลูกมากที่สุด ที่ได้เห็นภาพสะท้อนของตน
ผ่านมาทางบุคลิกลักษณะของลูก และพ่อจะเข้าใจคำว่า "ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น" ได้ดียิ่งขึ้น
สิทธิพิเศษในฐานะ
ผู้สร้างคนรุ่นต่อไปให้สังคม
"พ่อ" เป็นต้นแบบที่สำคัญควบคู่กับ "แม่" ในการกำหนดอนาคตของชาติผ่านคนรุ่นต่อไป
ในตอนหนึ่งของหนังสือข้อคิดเพื่อผู้นำ ผมได้กล่าวว่า "พ่อแม่คือต้นกำเนิดของแบบอย่างการเป็น
"ผู้นำทางความคิดหมายเลข 1" ที่มีอิทธิพลต่อการกำหนดอนาคตของชาติว่าจะเป็นเช่นไร
เป็นบุคคลสำคัญในการปั้นคนให้เป็นคน เริ่มตั้งแต่การบ่มเพาะลักษณะนิสัย ทักษะ ความรู้
ความคิดและสภาวะจิตใจ" นั่นหมายความว่า การทำหน้าที่พ่อเป็นงานที่ต้องเสียสละ
และต้องลงทุนลงแรงในการสร้างชีวิตลูกๆ ของตน
การเป็นพ่อถือได้ว่าเป็นเหมือนสิทธิพิเศษที่มีโอกาสในการสร้างคนรุ่นต่อๆ ไปแก่สังคม
ให้เป็นคนที่มีคุณภาพ นับเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทหารหาญที่ทำหน้าที่ปกป้องมาตุภูมิ
นั่นคือ ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและอย่างเสียสละมากที่สุดเพื่อประเทศชาติและสังคมในรุ่นต่อไป
หากพ่อสามารถเลี้ยงลูกให้เป็นผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีของสังคม สังคมก็จะได้รับการสร้างสรรค์ต่อไปในทางที่ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้ามหากพ่อปล่อยปละละเลยไม่ดูแลลูกอย่างดี ในที่สุดผลร้ายก็จะตกอยู่กับคนในชาติ
ในรุ่นต่อๆ ไป
ดังนั้นการเป็นพ่อจึงถือได้ว่าเป็นสิทธิพิเศษในการได้ทุ่มชีวิตเพื่อสร้างคนๆ หนึ่งขึ้นมา
ให้เป็น "คุณ" แก่สังคม เป็นการตอบแทนคุณของแผ่นดินนี้ที่ให้โอกาสเราเกิดมามีชีวิต มีความสุขสบาย
มีครอบครัวที่ดีและมีสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งพ่อทุกคนสมควรที่จะกระทำโดยการสร้างคนให้รักษาสิ่งที่ดี
แก่แผ่นดินให้ดำรงสืบต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน พ่อควรสอนและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
พ่อที่สอนลูกให้มีวินัย เมื่อโตขึ้นลูกก็จะไม่ทำผิดกฎหมายและควบคุมชีวิตของตนเองได้ พ่อที่สอนให้ลูกซื่อสัตย์
เมื่อโตขึ้นลูกก็จะไม่คอร์รัปชั่นโกงบ้านกินเมือง พ่อที่สอนลูกให้รู้จักรักและเสียสละเพื่อผู้อื่น
เมื่อโตขึ้นลูกก็จะเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบใคร พ่อที่ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเหล้าเมามาย
และสอนให้ลูกเห็นโทษของสิ่งดังกล่าว เมื่อโตขึ้นลูกก็จะไม่ติดสิ่งเสพย์ติดแม้เพื่อนจะคะยั้นคะยอเพียงใด ฯลฯ
สิ่งที่พ่อตั้งใจทุ่มเทให้เวลาสอนและเป็นแบบอย่างชีวิตด้วยความรักและหวังดีต่อลูกย่อมเป็นเหตุ
ให้อิทธิพลจากชีวิตของพ่อสืบทอดไปถึงตัวลูก และสืบทอดต่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนในสังคมต่อไป
การเป็นพ่อที่มีโอกาสได้สร้างลูกของตนนับเป็นสิทธิพิเศษยิ่ง น่าเสียดายที่พ่อจำนวนไม่น้อยในสังคม
กลับละเลยไม่เห็นคุณค่าในสิทธิพิเศษนี้ พ่อจำนวนไม่น้อยคิดเพียงว่าการเลี้ยงดูลูกเป็นหน้าที่ของแม่
ส่วนหน้าที่ที่พ่อต้องทำสำเร็จคือหน้าที่การงานและการสร้างฐานะความร่ำรวย ซึ่งทำให้พ่อจำนวนไม่น้อย
ไม่เห็นคุณค่าที่จะใช้เวลาดูแลอบรมสั่งสอนลูก แต่สู้อุตส่าห์ลงแรงหว่านไปกับสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ตำแหน่ง
เงินเดือน ความสำเร็จทางธุรกิจ ฯลฯ และชื่นชมกับสิ่งเหล่านี้ โดยกลับละเลยสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า
เราคงเคยเห็นภาพลูกของบุคคลที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยที่เมื่อเติบโตขึ้น
กลับกลายเป็นคนที่ชอบเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา เกเร ก้าวร้าว เอาแต่ใจตนเองและเห็นแก่ตัว
เด็กเหล่านี้ ล้วนมีปัญหาภายในจิตใจที่เกิดจากการไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเพียงพอจากพ่อแม่
จนเป็นเหตุให้ลูกกลายเป็นภาระแก่ครอบครัวและสังคม ในที่สุดกว่าพ่อแม่จะสำนึกได้ว่า
งานไม่มีค่าเท่ากับลูก เงินไม่มีค่าเท่ากับลูก เกียรติยศชื่อเสียงต่างๆ ล้วนไม่มีค่าสำหรับลูก
วันนั้นก็เป็นวันที่
สายเกินไป
หากเราทุ่มเทเวลา แรงกาย แรงใจให้กับสิ่งใด เราก็จะได้รับผลเช่นนั้น หากเราทุ่มเวลาให้กับงาน
เราก็จะได้ผลของงานซึ่งวันหนึ่งก็จะสูญหายไปถ้าไม่มีคนสานต่อ หากเราทุ่มเวลาและลงทุนชีวิต
เพื่อสร้างคนเราก็จะได้คนที่ไม่สูญสิ้นเพราะสิ่งที่คนทำจะสืบทอดสู่คนรุ่นต่อๆ ไปตามต้นแบบ
ที่เราได้สร้างเขาขึ้นมาหากเราเป็นพ่อทุกคนตระหนักว่า การเป็นพ่อเป็นสิทธิพิเศษ
และเป็นโอกาสอันดียิ่งในชีวิต เราก็ควรที่จะทุ่มเทชีวิตให้กับลูกที่เรารักสุดหัวใจ
เพื่อให้เป็นคนดีของสังคม และให้โอกาสประวัติศาสตร์ได้จารึกผลงานการสร้างคนจากชีวิตสู่ชีวิต
จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งสืบสานสิทธิพิเศษนี้ต่อไป
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
|