มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ทำอย่างไร หลังเลิกตีลูก

นุ่มนิ่ม

พ่อแม่สมัยใหม่มักเชื่อในเรื่องไม่ตีลูก ทุกคนพากันมองการตีลูกเป็นเรื่องล้าสมัย ไม่มีประโยชน์และยังทำลายจิตใจเด็ก แต่ก็คงต้องยอมรับเหมือนกันแม้จะยึดมั่นในการไม่ตีลูกแค่ไหน บางครั้งบางเวลาก็ทำใจไม่ได้ และเผลอลงมือลงไม้กับลูก

ความจริงการตีลูกไม่ใช่ไม่ดี อย่างน้อยก็เป็นการรวบรวมสติเด็กให้มาสนใจความผิดที่ตัวเองทำ เพราะเด็กอาจไม่รู้ตัวเองว่ากำลังทำอะไรผิดหรือถึงรู้บางทีอาจทำไปเพราะความพลั้งเผลอ หรือทำเพราะต้องการที่จะเรียกร้องความสนใจหรือที่ร้ายที่สุดต้องการที่จะลองดี

ความผิดที่ชวนให้ตี

ขอยกตัวอย่างเด็กเกือบจะทุกคนชอบถ่มน้ำลายเวลาเล่นกับเพื่อน หรือกับพี่น้องแม้คุณจะเคยเตือน แต่ก็ยังทำจะทำอย่างไรดี หรือชอบพูดคำหยาบโดยหลุดออกมาขณะทะเลาะกันนี่ก็เคยสอนแล้ว เด็กดีไม่ควรพูดคำหยาบแต่ก็ยังไม่ฟัง

เมื่อเห็นถ่มน้ำลายหรือพูดคำหยาบคุณกรากเข้าประชิดตัวและตีๆๆๆ ตีจนลูกคุณร้องและวิ่งหนี ถ้าคุณตีลูกเช่นนี้ การตีคงไม่ได้ผลเพราะลูกคุณบางทีอาจมองว่าเขาถูกตีเพราะอารมณ์คุณไม่ดี มากกว่าเขาทำความผิด นี่ถ้าอารมณ์คุณดีเขาคงไม่ถูกตี และเขาเคยเห็นเพื่อนที่พูดคำหยาบและไม่ถูกตี เขาโชคไม่ดีเลยที่มีพ่อแม่โมโหร้ายและไม่รักลูก

จะดีกว่าไหมถ้าเข้าประชิดตัวแล้วคุณจับตัวเขาเขย่าแล้วแจ้งความผิดให้เขาทราบหลังจากนั้นถึงตี และเมื่อเขาได้สติให้เขาขอโทษและรับปากจะไม่ทำอีก (ซึ่งก็ทำอีกแน่นอนแต่อย่างน้อยเขาจะรู้ว่า การถ่มน้ำลายหรือพูดคำหยาบเป็นสิ่งไม่ดีและมีความผิดทำให้บางครั้งเขาอาจสะกดใจได้)

แต่ทีนี้คุณคงถาม ถ้าไม่ตีเขาเลยควรทำอย่างไรคำตอบก็เห็นจะเป็นให้ดูวิธีตีลูกที่ถูกต้องและปฏิบัติตามนั้น คือให้ทำเลียนแบบทุกอย่างยกเว้นใช้ไม้เรียว

ทำอย่างนี้จะดีกว่าไหมเอ่ย คุณกรากเข้าประชิดดึงลูกคุณออกมาจากวง (ซึ่งจะทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่า สิ่งที่เขาทำไปกำลังเป็นเรื่องใหญ่และร้ายแรง) จ้องไปที่ตาเขา (ซึ่งจะทำให้เขารู้ว่าคุณกำลังเอาจริง) เขย่าตัวเขาแรงๆ (ให้เขารู้สึกว่าคุณไม่พอใจมาก) ต่อจากนั้นจึงแจ้งข้อหาและขอโทษ ซึ่งก็มีวิธีลงโทษลดหลั่นกันไป

โดยอาจเริ่มจากการยึดของเล่น คือถ้าเขากำลังเล่นกับของเล่นที่เขาเพิ่งได้ใหม่ๆ และกำลังเห่อ ก็ให้บอกเขาว่าไม่ให้เขาเล่นของเล่นเป็นเวลาวันหรือสองวัน หรืออาจเพิ่มเป็นสามหรือห้าวันตามที่เห็นสมควร หรืองดให้เขากินขนม หลังกินข้าวหรือตัดเบี้ยเลี้ยงหรือพักดูโทรทัศน์ชั่วคราว คือพยายามเลือกอะไรที่น่าจะทำให้รู้สึกตัว

อย่าลืมหลังลั่นคำประกาศิตให้เขากล่าวขอโทษและให้เขาสัญญาจะไม่ทำอีก เพื่อให้เขารู้การทำอะไรผิด จะต้องมีการลงโทษไม่จำเป็นที่การขอโทษและการสัญญาจะเพียงพอสำหรับการลงโทษ

ลงโทษกักบริเวณ

ทีนี้ลองมาดูการลงโทษอีกแบบกันบ้าง นั่นคือ การกักบริเวณซึ่งนิยมกันไม่น้อย ในหมู่พ่อแม่ที่ไม่ต้องการตีลูก

การกักบริเวณคือ หลังดึงตัวออกมาแล้วและแจ้งโทษแล้ว มีการออกคำสั่งให้ลูกไปนั่งคนเดียว ณ ที่ใดที่หนึ่งโดยมากจะเป็นจุดที่ใช้ลงโทษอยู่แล้วและมีเก้าอี้ประจำวางอยู่ตรงนั้น หรืออาจเป็นในห้องของเด็ก โดยคุณเองพาเขาขึ้นไปและบอกเขาเมื่อถึงเวลาว่าคุณจะขึ้นมารับ

การลงโทษวิธีนี้มีข้อเสียคือ ถ้าเป็นการลงโทษหนแรกหรือหนสอง ลูกคุณตีโพยตีพายคือ เมื่อรู้จะไม่ถูกตีแน่นอน ก็จะถือโอกาสออกอาการโยเยอ้อนให้พ่อแม่เห็นใจ

ถ้าคุณเจอแบบนี้ (ซึ่งก็จะต้องเจอแน่นอน) ให้คุณนั่งอยู่กับเขาโดยนั่งเงียบๆ ไม่พูดด้วย ไม่เอาอกเอาใจอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งหมดเวลาลงโทษทำเช่นนี้เพื่อให้เขารู้ เมื่อถูกลงโทษจะต้องรับโทษ และการดิ้นรนไม่ยอมรับโทษเป็นความผิดเหมือนกัน ที่อาจจะทำให้เขาถูกลงโทษหนักขึ้นอีก

จะเห็นว่าการทำโทษด้วยวิธีที่กล่าวมานี้ล้วนทำแบบทันควันและเด็ดขาดข้อที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุด คือเมื่อเห็นลูกคุณทำอะไรผิดร้ายแรงแล้วไม่ลงโทษ ซึ่งจะทำให้เขาเข้าใจผิดว่าการทำอะไรผิด อาจได้รับการยกเว้นไม่ลงโทษ

และพ่อแม่ไม่ควรคาดโทษลูก คือขู่ลูกว่าถ้าทำอีกจะต้องโดนลงโทษแน่ เพราะเขาจะทำแน่นอน เนื่องจากเขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำแบบนั้นผิดจริงหรือไม่จริง

ป้องกันการลงโทษลูก

มีสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ควรยอมรับนั่นคือ การลงโทษลูกนั้นจะต้องมีตลอดเวลา เพราะเด็กมีธรรมชาติ อยากรู้อยากเห็นชอบทดลองทำโน่นทำนี่ การทำอะไรผิดจึงเป็นเรื่องธรรมดา

เมื่อรู้เช่นนี้จึงควรทำใจ การพยายามไม่ตีลูกเป็นเรื่องดีแล้วและถ้าจะให้ดีกว่านั้น คือการรักษาจิตใจ ให้เยือกเย็นเวลาเห็นลูกทำอะไรผิด จะได้ไม่มีอารมณ์

อีกประการคือต้องรู้จักป้องกันไม่ให้ลูกถูกลงโทษเช่น พยายามเก็บเครื่องแก้วและของมีค่าในที่มิดชิด ถ้าลูกต้องสัมผัสกับสิ่งของเหล่านี้ควรสอนเขาให้รู้จักค่าของมันและการดูแลของ

เช่นเดียวกันเวลาเด็กเล่นกันก็ควรชำเลืองสายตาคอยดูแลเพื่อให้เด็กรู้ว่ามีผู้ใหญ่คุมอยู่น่ะ

และอื่นๆ อีก แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณพยายามจับผิดลูกของคุณ แต่คุณให้การดูแลเอาใจใส่เขาต่างหาก

(update 19 ตุลาคม 2000)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 340 มิถุนายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600