คู่สามีภรรยาหลายคู่ประสบความตึงเครียดในครอบครัว ตัวอย่างคู่ที่สามีไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
ดังที่หวังหรือเกิดปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ตามประสายุคเศรษฐกิจฝืดเคืองทำให้ภรรยาผู้กำลังตั้งครรภ์ที่สอง
ชักไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาเลี้ยงลูกอีกคนหรือไม่ 
 ไหนจะสามีไม่มีทีท่าจะมานั่งลงกอดเข่าปรับทุกข์กัน ฝ่ายหนึ่งคิดว่าอีกฝ่ายเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไป 
เมื่อปีก่อนทุกอย่างในครอบครัวยังแจ่มใส มาตอนนี้ถึงจะรักกันแต่ก็ยากจะประนีประนอมกันได้
ในชีวิตประจำวัน ทำอะไรนิดหน่อยก็น่าโมโหไปหมด 
 นี่เป็นฉากชีวิตที่แสนธรรมดาในครอบครัว แต่เป็นฉากที่ส่งผลให้สมาชิกตัวน้อยในบ้าน
จากทารกทีแสนสุขกลายเป็นเด็กน้อยวัยเตาะแตะผู้มีแต่ความทุกข์ใจเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย 
 พ่อแม่ควรเลี่ยงที่จะแสดงความมึนตึงต่อกันให้ลูกเห็น โดยควรแสดงท่าทีปกติสุด
ที่จะกระทำได้ต่อหน้าลูก หลายคนไม่เคยคิดเชื่อมโยงความรู้สึกของลูกกับของตัวเองเข้าด้วยกัน 
เพราะคิดแต่ว่าลูกยังเล็กอยู่เกินกว่าจะเข้าใจปัญหาพ่อแม่ได้ ทั้งที่ความจริงหนูน้อย
ได้รับผลกระทบกระเทือนมากมายจากสิ่งที่ได้เห็นและได้ฟัง 
 แม้เด็กในวัยเพียงขวบกว่าๆ ไปนั้นยังไม่โตพอจะเข้าใจทุกคำพูด พ่อแม่ได้ก็จริง 
แต่สามารถจับน้ำเสียงเย็นชาเหินห่างระหว่างพ่อกับแม่ได้เท่าๆ กับน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวหนูตกใจกลัวนักหนา
เพราะไม่รู้ว่าพ่อแม่อารมณ์เสียงเรื่องอะไร โมโหหนูกระมัง หนูจึงทำในสิ่งที่เด็กเล็กๆ 
มักกระทำเมื่อเกิดความตกใจกลัวในตัวคนที่ใกล้ชิดหนูมากที่สุด คือการเงียบขรึม เก็บตัว เฉยชา 
 
 อารมณ์ขันของเด็กตัวเล็กๆ นั้นสลับซับซ้อนละเอียดอ่อนเกินกว่าผู้ใหญ่ทั่วไปจะตระหนัก 
หนูเต็มไปด้วยความกลัวซึ่งผู้ใหญ่มักมองข้ามไม่ใส่ใจ นอกเสียจากว่าพ่อแม่จะช่างสังเกตสังกา 
จริงๆ แล้วหนูได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจากความประพฤติของพ่อแม่ด้วย 
 เด็กตั้งแต่วัยหนึ่งขวบที่มีอารมณ์ปกติธรรมดามักเรียนรู้ที่จะลองกระทำกิจกรรมใหม่ๆ 
ในแบบฉบับตัวเอง ขณะเดียวกันก็จะต้องยึดมั่นใฝ่หาความมั่นคงจากพ่อแม่ไปด้วย 
ถ้าพ่อแม่ทำให้ลูกคิดว่าเราปราศจาก ความปลอดภัยที่จะออกเสาะแสวงหาสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ 
กลายเป็นเด็กติดแจกับผู้ใหญ่ กลัวการลองสิ่งใหม่ๆ ซึ่งถ้าไม่พยายามเอาชนะความกลัวนี้ให้ได้ 
เด็กจะหยุดการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวโดยพลันอย่างน่าเสียดายในพัฒนาการเป็นที่สุด 
 ในการจะแสวงหาสิ่งต่างๆ อย่างอิสระเสรีนั้น เด็กเล็กๆ จำเป็นต้องเรียนรู้เป็นสิ่งแรก
ว่าจะสามารถคาดหวังสิ่งไรจากพ่อแม่ได้ ซึ่งถ้าพ่อแม่มัวแต่กังวลเรื่องของตัวเองก็จะไม่ทันได้สังเกตว่า 
ตนแสดงความไม่เสมอต้นเสมอปลายออกไป เวลาพ่อแม่ปล่อยตัวตามสบายก็อาจดูรักใคร่ลูกดีอยู่ 
แต่บางครั้งก็หงุดหงิด เย็นชาเมื่อมีปัญหาคาใจ ความแปรปรวนเอาแน่ไม่ได้ทำให้ลูกตกใจ 
และถ้าเป็นบ่อยครั้งเด็กจะเกิดความกลัวขึ้นมา 
 
- จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกกำลังมีปัญหาเหมือนกัน ? 
 
 
 เด็กวัยตั้งแต่หนึ่งชวบขึ้นไปนั้นตอบโต้ความตึงเครียดในครอบครัวได้หลายทาง 
บางคนแสดงออกด้วยการเก็บตัวเฉย ไม่เล่นกับเพื่อน มีทีท่าเศร้าสร้อย หวาดหวั่น ติดแม่แจ 
บางคนเกเร ก้าวร้าว กระสับกระส่าย กระวนกระวายโดยไม่รู้สึกหิวโหย หลายคนนอนไม่หลับ ละเมอ 
เด็กวัยขวบครึ่งนั้จะมีปฏิกิริยากับเสียงทะเลาะเบาะแว้งของพ่อแม่ที่ตนได้ยินกรอกหูบ่อยครั้ง
ด้วยการเลียนน้ำเสียง เกรี้ยวกราด ได้เหมือนเปี๊ยบ
นี่คืออาการที่แสดงว่าลูกของคุณกำลังจะมีปัญหา!! 
 
 พ่อแม่อาจหยุดความตึงเครียดในครอบครัวไม่ได้ครบถ้วนไปเสียทุกอย่าง แต่สามารถช่วยลดผล
ของความตึงเครียดได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะช่วยลดความรุนแรงที่ส่งมาถึงตัวลูกได้เช่นกัน ทางที่ดีคือ 
เมื่อมีปัญหาครอบครัว พ่อกับแม่ควรคุยกันถึงปัญหานี้ฉันสามีภรรยาคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุข 
อย่าทำตัวเย็นชาเข้าหากันเพราะมีแต่จะเพิ่มพูนความกระวนกระวายของลูกให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก 
 ถ้าคุณรู้ว่ากำลังจะเกิดปากเสียงกันในไม่ช้าก็ขอให้พยายามเลี่ยงออกไปอีกนิด
คุยกันตอนที่คุณสองคนพักผ่อนแล้วเต็มที่ดีกว่า เพื่อยืดชนวนให้ห่างออกไป หรือในคราใด
ที่ไม่เห็นพ้องต้องกันก็ควรพยายามระงับอารมณ์ บังคับตัวเองให้ได้ อย่าโกรธจนลมออกทางหู
เห็นช้างเท่าหมู แทบเข่นฆ่ากันก็เหมือนกับความชาเย็นซึ่งมีแต่เพิ่มพูนความกระวนกระวายในตัวลูก 
 ถ้าลูกมีทีท่าไม่สงบสุข กระสับกระส่าย โปรดให้ความมั่นใจเขาอีกสักนิด ให้ความรัก 
ให้กำลังใจและความเอาใจใส่ อย่าทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอยนความรักหรือการวางระเบียบวินัยอีกต่อไปเลย 
 ช่วยลูกแล้วก็ยังเท่ากับคุณได้ช่วยตัวเอง ช่วยกันประคับประคองชีวิตครอบครัวให้ยืนยาว
ไปอีกนานแสนนาน นับเป็นความพยายามที่คุ้มค่ามิใช่หรือ ?
โสภาพรรณ รัตนัย
  |