มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 เป็นพ่อแม่ที่เข้มงวดกับลูกเกินไปหรือไม่


พ่อแม่หลายคนรักลูกมาก ขณะเดียวกันก็หวังในตัวลูกมาก
ความหวังนี่เองที่ทำให้เลี้ยงลูกด้วยความรักและเอาใจใส่ เป็นความใส่ใจ ที่บางครั้งก็หวังผลเลิศเกินไปโดยไม่รู้ตัว จนทำให้ลูกเครียดได้
เช่น คุณทอเงินสอนนิคลูกชายวัย 5 ขวบ แบบจ้ำจี้จ้ำไซจนนิคเริ่มเป็นคน ทำอะไรแบบย้ำคิดย้ำทำ

เริ่มตั้งแต่เล็กเขียน ก ไก่ ข ไข่ เสร็จนคิจะลบทิ้งแล้วเขียนใหม่ บางครั้งขณะนิคเขียน แม่จะบอกว่าไม่สวยให้เขียนใหม่ พอเขียนเสร็จไปให้แม่ดูหวังจะได้รับคำชมเชย แม่ก็บอกว่าไม่สวยให้เขียนใหม่อีก
นิคเริ่มไม่มั่นใจตัวเองในการทำอะไร

มาริลีนโมทส์ เคเนดี้ (Marilyn Moats Kennedy) ผู้เขียนนิวสเลตเตอร์รายเดือนกล่าวว่า
คนที่ถูกเลี้ยงดูแบบเล็งผลเลิศอาจกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นตัวเองได้ไม่พอ ยังไม่พอใจสิ่งที่ตัวทำ ทั้งๆ ที่ดีอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ ถ้าหวังแกมากแกอาจจะกลัวที่จะทำ เพราะถ้าทำแล้วพ่อแม่ชื่นชมก็จะมีกำลังใจ แต่ถ้าพ่อแม่ตำหนิแกก็จะเก็บกดเกิดความกังวลว่า พ่อแม่อาจไม่รักแกก็ได้

กรณีต้อยวัย 8 ขวบ เคยโทรศัพท์มาบอกผู้เขียนว่า แกอยากตายเพราะพ่อแม่ไม่เคยเห็นว่า แกทำอะไรดีเลย ชมแต่น้อง ตำหนิเขา ทั้งๆ ที่แกทำดีกว่าน้องไม่ว่าด้านการเรียนหรือช่วยงานในบ้าน

นายแพทย์อัลเลน มัลลินเจอร์ จิตแพทย์ผู้แต่งหนังสือ Too Perfect : When Being in Control gets out of Control เน้นว่า
ถ้าใครก็ตามถูกสอนแบบเข้มงวดจะทำให้คนๆ นั้นกลายเป็นคนกังวลและกลัวจะโดนว่าอยู่เรื่อย จนอาจสุขภาพจิตเสีย การเลี้ยงดูเด็กก็เช่นกัน ถ้าไม่มีการผ่อนสั้นผ่อนยาวอาจจะทำให้แกสิ้นหวังได้

นิคเป็นตัวอย่างที่เข้ากับสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวคือแม้ทำดีก็กลัวตลอด
วันหนึ่งแม่ถามนิคว่าได้เกรดอะไร
นิคบอกแม่ว่าได้ A มา 4 ตัว มี C มาหนึ่งตัว นิคหวังว่าแม่คงจะชื่นชมที่ได้ A มาก แต่แม่กลับพูดว่า "ทำไมไม่ได้ A หมด"

นิคจัดว่าเป็นเด็กที่เรียนดีในระดับห้องของแกทีเดียว เด็กประถมต้นทำได้แค่นี้ก็นับว่าดีมากแล้ว นิคมีความรู้สึกว่าแกไม่เป็นเด็กดีของแม่เลย
ผลก็คือ แกมักจะบ่นปวดหัว ปวดท้อง เจ็บหน้าอก หรือไม่สบายอยู่เรื่อยๆ เพราะแกคิดว่าแกทำให้แม่ผิดหวัง

ถ้าพ่อแม่ไม่เข้าใจ และเลี้ยงลูกเจ้าระเบียบหรือหวังจะให้ลูกเก่งลูกดีเกินไป ก็เท่ากับผลักดันให้ลูกกลายเป็นคนมีปัญหา
เผลอๆ อาจเห็นบ้านเหมือนคุกมีแม่เป็นผู้คุม พ่อเป็นผู้คุม ถ้าหนีได้คงหนีไปแล้ว

ทดสอบว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่เข้มงวดกับลูกมากไปหรือไม่
1. เราเป็นคนที่สั่งแล้วต้องทำตามกำหนดเวลามากเกินไปหรือไม่
2. แม้ลูกจะทำได้ตามใจ เราจะไม่พอใจ
3. เป็นคนช่างติมากกว่าช่างชม
4. มองโลกในแง่ร้าย คิดว่าใครก็เลี้ยงลูกไม่ได้ดีเท่าตัวเรา คนอื่นจึงไม่ควรเข้ามาก้าวก่าย
5. ไม่ยอมรับว่าเราหวังในตัวลูกมากเกินไป
6. ไม่ยอมฟังเสียงใคร
7. หวังคำชม ไม่หวังคำติ
8. หวังมากเกินไป เลยกดดันลูกมากทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว
9. ถ้าไม่ได้ดังใจจะโทษตัวเอง
10. ไม่ยอมรับผิด
คำแนะนำ

ถ้าอยากให้ลูกของเราเป็นเด็กปกติเหมือนเด็กทั่วไป ต้องเลี้ยงดูตั้งแต่เล็กแบบมีเหตุผล
การเลี้ยงเด็กสักคนจึงควรจะพอเหมาะพอควรไม่เข้มงวดเกินกว่าเหตุ แต่ก็ไม่ปล่อยจนเหลิง
เด็กที่พ่อแม่เล็งผลเลิศอาจกลายเป็นคนกังวล เครียด และเหนื่อยหน่ายต่อการทำให้ถูกใจ จนอาจทำให้ทำอะไรได้ช้า เพราะมัวกลัวว่าจะไม่ดีอย่างพ่อแม่คิด

เคเนดี้จึงแนะนำว่า พ่อแม่ควรผ่อนปรนและให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นบ้างแล้วบอกลูกว่า
" ลูกทำได้ "
" ไม่เป็นไร ผิดวันนี้ พรุ่งนี้อาจถูกก็ได้ "
" เก่ง "
" แม่ภูมิใจที่ลูกทำได้ดีขนาดนี้ "
ฯลฯ
ขณะเดียวกันต้องคอยดูและฟังลูกพูดบ้าง โดยไม่ได้แย้งตั้งแต่แรก แม้จะไม่ถูกใจแต่ให้ถามแทนว่า
" ที่แม่ให้ทำการบ้านมาก ลูกคิดอย่างไร " และยอมรับว่าลูกอาจจะพูดไม่ถูกใจเราได้ เราต้องยอมรับ เช่น
" แม้ทำให้หนูไม่มีเวลาเล่น "
" หนูทำการบ้านไม่ไหว "
" แม่เพื่อนไม่เหมือนแม่ "
ฯลฯ
แม้จะทำให้แม่สะเทือนใจไปบ้างก็คงต้องหันมาดูตัวเอง

การแก้ไขไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีใจอยากจะแก้ด้วยการ
1. ยอมรับ เราเป็นแม่ที่หวังลูกเกินไปหรือเปล่า ไม่ว่าลูกจะทำถูกใจเราหรือไม่ ยอมรับลูกจากจุดนั้นแล้วค่อยๆ นำทางแกไปเรื่อยๆ แกจะได้มีกำลังใจทำได้ดีขึ้น
2. อย่าใช้อารมณ์ หากลูกไม่ได้ดังใจ อย่าโกรธลูกคนหนึ่งและลงอีกคนหนึ่งหรือใครก็ตาม
3. อย่าจุกจิกเรื่องเล็กๆ น้อย อย่าเล็งผลเลิศ ชอบจับผิดเล็กๆ น้อยๆ หรือในเรื่องรายละเอียดจนเกินไป จนทำให้ลูกๆ ขยาด
4. ยอมรับว่าเด็กทุกคนต่างกัน ไม่ว่าด้านสติปัญญา ความสามารถ ความคิดอ่าน อย่าคิดว่าลูกต้องทำได้ตามที่เราคาดหวังไว้ เพราะเท่ากับบีบลูกให้เครียดไปเรื่อยๆ หากแกไม่อาจทำได้
5. ยอมรับว่าทุกอย่างมีผิดพลาดได้ อย่ายึดการเล็งผลเลิศหรือการเป็นบุคคลสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) จนเกินไปเพราะจะทำให้ไม่ยอมรับอาจมีการผิดพลาดได้ ผลก็คือจะทำให้มีแต่ความหดหู่ คิดมาก เศร้าใจ และไม่มีความสุขไปในที่สุด ทุกคนทำผิดพลาดได้ ไม่ว่าคนเก่งที่สุดหรือคนไม่เอาไหนที่สุด นี่คือข้อเท็จจริงของชีวิต
6. หาความสุขจากสิ่งที่ทำไป ไม่ว่าลูกจะทำได้แค่ไหน จงเป็นสุขจากจุดนั้นเพื่อลูกจะได้เป็นสุขด้วย
อย่าได้มุ่งแต่จับผิดขอให้ชื่นชมและเป็นสุขในส่วนที่ทำได้ดี แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม เพื่อลูกจะได้มีกำลังใจ
7. ให้กำลังใจ กำลังใจช่วยให้ทุกอย่างไปได้ดี คิดเสมอว่าลูกคือเลือดเนื้อของเรา ถ้าเราไม่ให้ใจแก่ลูกเราให้สู้ให้ได้ แล้วใครจะมาสู้ข้างลูกแทนเรา
การหวังให้ลูกเป็นคนเก่งคนสมบูรณ์แบบไม่ผิด แต่หากลูกได้เป็นในสิ่งที่ลูกสามารถเป็นได้
นั่นคือความสมบูรณ์แบบที่สุดมิใช่หรือ !!

รศ.สุพัตรา สุภาพ

(update 5 มกราคม 2001)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 339 พฤษภาคม 2543]

main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600