มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



เลี้ยงลูกให้ดีได้…แม้จะเป็นแม่ม่าย


ใครที่ทำงานมีลูกเล็กๆ และเอาลูกไปให้ญาติพี่น้องหรือคนอื่นเลี้ยง ลองอ่านข้อคิดต่อไปนี้ ท่านจะได้อะไรไม่น้อย เป็นเรื่องของแม่ชาวอเมริกันคนหนึ่ง โดยเธอใช้ชื่อเรื่อง "วันที่ดีที่สุดของชีวิตเรา" (The Best Day of Our Lives) ผู้ที่ถ่ายทอดความรู้สึกนี้คือ คอลลีน ฮาร์ทรี่ (Colleen Hartry)

เป็นการเริ่มเรื่องว่าเธอเพิ่งหย่ามาสดๆ ร้อนๆ โดยมีลูกชายวัย 7 ขวบ ต้องเลี้ยงดูตอนนี้ และเธออยากไปฝึกฝนวิชาชีพบางอย่างที่จะช่วยให้เธอสามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้ดีขึ้น

เธอรู้แต่ว่าการหย่าร้างเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบหมดแรงทำอะไรไม่ได้ไม่พอยังต้องห่วงว่า จะมีงานทำได้เมื่อไร พอเครียดมากๆ เลยไปขอความเห็นเพื่อน หวังจะให้ปลอบจิตแต่เพื่อนพูดแบบสั้นๆ แต่เล่นเอาตื่นเต้นว่า
"รีบหางานทำเสีย" เหมือนว่าหางานทำไม่ได้ยังดีที่ตบท้ายว่า "แต่มีชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุด และใช้ชีวิตกับคนที่รักเราจริงๆ และมีความหมายแก่เรา"

เธอจึงได้คิดและหันมาดูตัวเองว่า เธอจะจัดการกับชีวิตอย่างไรดี
ในที่สุดก็ปลงตกว่าเสียเวลากับการถูกทิ้งมานาน ควรจะชดเชยให้ลูกมีความสุขจะดีกว่า

เมื่อลูกกลับมาจากโรงเรียน เธอจึงเล่นกับลูก เป็นการเอาเกมเด็กๆ ที่แกมีอยู่มาเล่น แต่เธอมีงานอื่นทำจึงเล่นกันไม่สนุกเพราะเธอเล่นๆ หยุดๆ อย่าว่าแต่เธอเบื่อเลยลูกชายพลอยเซ็งไปด้วย ในที่สุดเลยหาเกมใหม่ที่ลูกชอบและแม่ (พยายาม) ชอบได้บรรยากาศจึงสนุกสนานและเป็นสุขขึ้น

แม่กับลูกเล่นกันอย่างมีชีวิตชีวาทั้งเย็นแล้วกินข้าวด้วยกัน คุยกัน เล่านิทานให้ฟังกันบ้าง พอได้เวลานอนเธอบอกลูกว่า
"แม่กับสตีฟไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมานานแล้วเราไปเที่ยวกันดีไหมลูก แม่อาจจะให้ลูกประหลาด ด้วยการไปรับลูกที่โรงเรียนแล้วไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ กันสักวัย"

สตีฟหน้าตาแสดงถึงความดีอกดีใจที่อยู่ๆ แม่ที่หาตัวไม่ค่อยเจอกลับมาอยู่ใกล้ๆ ได้อย่างไร
"เอาวันพฤหัสบดีนะแม่"
"ทำไมต้องเป็นวันพฤหัสบดี" แม่ถาม
"ก็วันประกาศคะแนนหนูไม่ชอบเวลามาอ่านคะแนนและความประพฤติ" …แสดงว่าสตีฟคงเรียนเอาดียากไม่พอ ความประพฤติก็คงจะแย่ด้วย แกถึงได้กลัวการอ่านสมุดประจำตัวในห้อง
"ไม่เป็นไรลูก แม่จะไปรับลูกวันพฤหัสบดี" แม่พูดเสียงดังฟังชัด
"จริงๆ นะแม่" สตีฟถามเหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าแม่โกหกมามากแล้ว

หลังจากนั้นสองอาทิตย์เธอไปรับลูกที่โรงเรียน แม่เดินเข้าไปในห้องเรียน สตีฟมองแม่ตาแป๋ว แต่ครูกลับมองอย่างงงๆ ที่อยู่ๆ เธอเดินเข้ามาในเวลาเรียนได้อย่างไร และครูยิ่งงไปกว่านั้น เมื่อเธอบอกว่าขอลูกชายลาเรียนสักวันโดยไม่บอกเหตุผล เธอจะบอกได้อย่างไรว่า เธอจะพาลูกไปเที่ยวให้พ้นจากเมืองนี้

เธออาจจะเห็นว่าการเรียน ป.2 สำคัญแต่สำคัญไปกว่านั้นคือ ลูกของเธอได้สนุกสักวัน

แม่จูงลูกไปที่รถที่จอดอยู่ สตีฟขึ้นรถด้วยใบหน้าเบิกบาน ทั้งแม่และลูกหัวเราะชอบอกชอบใจ (ที่ไม่ต้องเรียน) แม่หัวเราะจนน้ำตาไหลแล้วขับรถออกไปในรถมีแต่ของกินมากมายไม่พอ ยังมีหนังสือ เสื้ออาบน้ำ ลูกบอลชายหาดและเสื้อคลุม แม่มุ่งสู่ชายทะเล

ที่ชายหาดมีผู้หญิงสองคน ผู้ชายสองคนและเด็กหญิงเล็กๆ อีกคนกำลังเล่นทรายกัน สตีฟถอดเสื้อผ้าออก แล้วใส่ชุดว่ายน้ำแทนแล้วลงไปเล่นน้ำก่อนแม่จะทันตั้งตัว เด็กหญิงเล็กๆ เห็นสตีฟมีลูกบอลก็สนใจ จึงมานั่งขุดทรายกับสตีฟ

ข้างพ่อของเด็กหญิงเลยมาแนะนำตัวพร้อมกับเพื่อนๆ ซึ่งเป็นชาวอินเดียนแดง และบอกว่าเป็นครั้งแรกที่ได้มาแคลิฟอร์เนียและชายทะเล

แล้วชาวอินเดียนแดงก็สอนภาษาอินเดียนแดงให้สตีฟ สตีฟก็สอนคำว่า "น้ำอัดลม" ให้เด็กหญิงตัวเล็กๆ แล้วชาวอินเดียนแดงก็จากไปเหลือแต่สตีฟเล่นน้ำโต้คลื่นอยู่ใกล้ๆ แม่ สตีฟหัวเราะอย่างพออกพอใจ

แม่เสียใจที่ไม่ได้เอากล้องวิดีโอหรือกล้องถ่ายรูปมาถ่ายภาพอันไร้เดียงสาของลูกวันนี้ เพราะเมื่อวันนี้ผ่านไป ทุกอย่างก็จะหายลืมเลือนไป แต่ถ้าถ่ายเก็บเอาไว้จะได้เอามาฉายดูเมื่อไรก็ได้ แม่กับลูกเลยเปลี่ยนใจเขียนชื่อและพิมพ์นิ้วมือนิ้วเท้าบนทราย และเฝ้ามองดูคลื่นที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง แม่กับลูกเดินเล่นปีนป่ายไปตามโขดหิน ดูฟอสซิสกันอย่างสนุกสนาน ท้องฟ้าวันนี้แจ่มใส เหมือนแม่ลูกคู่นี้ที่เป็นสุขกับสิ่งต่างๆ รอบตัว

วันนั้นดูผ่านไปอย่างรวดเร็ว แม่กับลูกเล่นน้ำจนเย็นและเมื่ออากาศเริ่มหนาวท้องก็เริ่มร้อง… ถึงเวลาอาหารแล้วน่ะสิ

สตีฟเก็บก้อนกรวด สาหร่าย เปลือกหอยเป็นที่ระลึกกลับบ้านด้วย
"เราต้องกลับบ้านแล้วใช่ไหมครับ"
"ไม่หรอกลูกแม่จะพาลูกไปกินอาหารที่ภัตตาคาร"
"ดีใจจัง" สตีฟตอบเสียงดังฟังชัด

หลังกินอาหารเย็นสตีฟนอนหลับตลอดทางกลับบ้าน พอถึงบ้านแม่อุ้มสตีฟไปวางบนเตียงของแก
"แม่ครับเป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุด"
"แม่ก็เช่นกันจ้ะ ลูก"

แม่มีความรู้สึกว่า แม้เธอจะสูญเสียสามี แต่สิ่งที่เธอไม่เคยสูญเสียเลยคือ "ลูก" ลูกที่จะรักเธอ และเธอรักตลอดชั่วชีวิต การที่เห็นลูกเป็นสุขเหมือนเป็นพลังให้เธอรู้สึกมีกำลังใจจะต่อสู้ต่อไป ไม่ว่าทางข้างหน้าจะมีขวากหนามแค่ไหน

เธอเชื่อพลังแห่งความรักที่มีต่อลูกจะทำให้เธอต่อสูชีวิตต่อไปอย่างไม่ท้อถอย เธอเสียสามีไปคนหนึ่ง แต่เธอจะไม่ยอมเสียเวลากับอดีตที่ขมขื่น เธอจะอยู่กับปัจจุบันที่มีลูกชายที่น่ารัก

สิ่งที่แม่คนเดียวต้องเลี้ยงลูกจึงเป็นเรื่องที่ต้อง
1. ยอมรับความจริง ความจริงที่ว่าเราคือ แม่ม่ายที่ต้องยืนหยัดด้วยขาของเราเอง
2. เราต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกให้ลูกรู้ว่าแม่จะยืนเคียงข้างแกตลอด แม้ในยามทุกข์หรือสุข
3. ไม่ควรส่งเสริมลูกให้เกลียดพ่อ ต้องบอกลูกว่า พ่อยังรักแก เพียงแต่ตอนนี้ต้องแยกกันอยู่ แต่พ่อคือพ่อของลูกที่รักลูกเสมอ
4. อย่าด่าว่าพ่อต่อหน้าลูกลูกอาจสะเทือนใจ ลูกไม่น้อยจะรักพ่อ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย โดยเฉพาะในวัยอายุต่ำกว่า 8 ขวบ จะไม่ค่อยคิดว่าพ่อหรือแม่เลวร้าย ฉะนั้นการตำหนิ หรือด่าทอสามีมีแต่จะทำให้ลูกไม่สบายใจและสับสน
5. ให้พ่อพบลูกได้ อย่ากีดกันหรือคอยเปรียบเทียบว่าแม่จะรักลูกมากกว่า การที่เด็กได้พบพ่อทำให้แกพัฒนาการได้ดีเพราะเด็กวัยแค่นี้ยังต้องการพ่อเป็นแบบ โดยเฉพาะลูกชาย
6. แสดงความรักลูกด้วยการกอดจูบ อย่าเอาแต่พูดว่ารัก แต่ไม่เคยทำให้ลูกรู้ว่าความรัก ความอบอุ่นคืออะไร
จอยส์ บราเธอร์ส (Joyce Brothers) นักจิตวิทยาชื่อดังย้ำเสมอว่า ความรัก ความอบอุ่นในบ้าน เป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นการแสดงทั้งกาย วาจา และใจ
เด็กเล็กๆ จะเข้าใจภาษากายมากกว่าแค่พูด อ้อมกอดของพ่อแม่จึงมีความหมายแก่ลูก แต่ความรักต้องพอดีพอควรไม่ควรชดเชยที่ลูกขาดพ่อ แล้วให้ลูกมากกว่าที่ควรจะเป็นได้ จนเหมือนการตามใจเกินกว่าเหตุ ลูกอาจเสียคนได้
7. อย่าแสดงความท้อให้ลูกเห็น ถ้าแม่เอาแต่เศร้าโศรกลูกจะทำอะไรไม่ได้ แกอาจกลายเป็นเด็กอ่อนแอหรือไม่สู้ชีวิต
8. มองโลกในแง่ดี ชีวิตแม่ม่ายอาจจะดีกว่าชีวิตคู่ก็ได้ อย่างน้อยได้ทำงานได้เต็มที่ และยังมีความคล่องตัว แถมมีลูกที่ได้แนบชิดสนิทสนมยิ่งกว่าเก่า
เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่ถ้าแม่ต้องเลี้ยงลูกแค่คนเดียวแม่น่าจะดีใจว่า อย่างน้อยในชีวิตอาจจะล้มเหลวในบางเรื่องแต่เรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงคือ
มีลูกรักอยู่ข้างกายตลอดไป

รศ.สุพัตรา สุภาพ

(update 12 ธันวาคม 2000]


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 22 ฉบับที่ 329 พฤศจิกายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600