มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



กินอะไรจ๊ะ ฟันถึงสวย


คำถามนี้หมอพิมได้ยินบ่อยมาก ใครๆ ก็อยากให้ฟันของลูกสวยทั้งนั้นจริงไหมคะ และการกินอาหารนั้นมีผลต่อฟันหลายแง่ทีเดียวค่ะ

เรามาว่ากันตั้งแต่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์กันเลยทีเดียว ฟันของลูกในท้องนั้น จะเริ่มสร้างเป็นหน่อฟัน (Tooth bud) เล็กๆ ตั้งแต่คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เพียง 6 สัปดาห์เลยนะคะ ดังนั้นอาหารที่คุณแม่ทานเข้าไป จึงมีผลช่วยให้ฟันของลูกดีด้วย เรียกว่าปูพื้นฐานให้ฟันลูกสวยมาตั้งแต่แกอยู่ในท้องกันเลย

ช่วงที่ลูกยังอยู่ในท้องนี้ ถ้าคุณแม่ได้อาหาร แร่ธาตุและแคลอรี่ไม่เพียงพอ ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับฟันและอวัยวะอื่นๆ ของลูกได้ คุณแม่จึงควรรับประทานอาหาร ให้ถูกสัดส่วนและเพียงพอต่อคามต้องการโดยมีหลักง่ายๆ ดังนี้
1. อาหารพวกเนื้อสัตว์ นม ไข่ และถั่ว ควรรับประทานเพิ่มมากขึ้นจากที่เคยรับประทานอยู่
2. วิตามิน แร่ธาตุจากผักใบเขียวและผลไม้ควรรับประทานมากขึ้น ที่สำคัญคือแร่เหล็กมีมากในเนื้อและตับ
3. อาหารพวกแป้ง น้ำตาล ข้าว ขนมหวานต่างๆ ให้รับประทานเท่าเดิม
4. ไขมันทานตามปกติหรือลดลงในรายที่มีสะสมเพียงพอแล้ว
5. น้ำ ควรดื่มเพิ่มขึ้น
6. นมสดควรดื่มอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว
ต่อมาเราจะว่ากันถึงกรณีที่เด็กคลอดออกมาแล้ว โตพอที่จะทานอาหารต่างๆ ได้ เราควรให้ลูกทานอะไรและอย่างไรดี ฟันของลูกจึงจะสวยไม่ผุกร่อนไป

ก่อนอื่นหมอพิมขอพูดคร่าวๆ ในเรื่องของการเกิดฟันผุว่า ไม่ได้เกิดจาก "แมงกินฟัน" ตามความเชื่อสมัยก่อนนะคะ ฟันผุนั้นจริงๆ แล้วเกิดจากการที่เราแปรงฟันไม่สะอาด จึงมีแผ่นคราบฟันหรือที่เรียกว่า Plaque ติดอยู่บนตัวฟัน ในแผ่นคราบฟันมีเชื้อจุลินทรีย์อาศัยอยู่มากมาย ทีนี้ถ้าเรารับประทานอาหารพวกแป้งและน้ำตาลเข้าไป เชื้อนี้ก็จะสร้างกรดได้จากแป้งและน้ำตาลเหล่านั้น กรดจึงไปกัดกร่อนฟันให้ผุได้ ดังนั้นปัญหาฟันผุจึงเกิดจากการที่เราทานแป้งและน้ำตาลเข้าไป

หมอพิมไม่ได้กำลังจะห้ามคุณๆ ไม่ให้ทานแป้งและน้ำตาลเลยนะคะ แต่เราควรจะทราบว่า เราจะหลีกเลี่ยงและป้องกันอย่างไรไม่ให้ฟันผุ หรืออย่างน้อยก็ทานแป้งกับน้ำตาล ให้อยู่ในลักษณะที่อันตรายต่อฟันน้อยที่สุด

เรามาดูกันดีกว่าว่าทานแป้งและน้ำตาลอย่างไรที่มีโทษต่อฟันมาก
1. เกี่ยวกับลักษณะของอาหารถ้าเป็นชนิดที่เหนียวติดฟันนาน ผลร้ายต่อฟันจะยิ่งมาก ยกตัวอย่างเช่น กะละแม ตังเม ทอฟฟี่ชนิดยืดๆ เหนียวๆ ต้องใช้เวลานานมาก กว่าน้ำลายจะชะล้างออกจากฟันได้ ทำให้อาหารพวกนี้มีผลให้เกิดฟันผุอย่างสูง

2. รับประทานในมื้อหรือนอนมื้อ การรับประทานอาหารพวกแป้งและน้ำตาลนอกมื้ออาหาร มีผลเสียมากกว่าทานในมื้ออาหาร พูดง่ายๆ คือถ้าทานในมื้ออาหารเรายังมีกับข้าว, ผัก, เนื้อสัตว์ต่างๆ ผสมคลุกเคล้าหรือบางครั้งทานกับน้ำแกงจืดด้วยก็ทำให้ความเข้มข้นของกรด ที่จะทำลายฟันลดลง

3. ความบ่อยครั้งในการทานแป้งและน้ำตาล มีผลร้ายยิ่งกว่าปริมาณอาหารพวกแป้ง และน้ำตาลที่ทานเข้าไปเสียอีก เช่น น้ำอัดลม ถ้าทานเพียง 1 ขวด แต่นั่งจิบทีละหน่อย ผลร้ายจะมีมากกว่าการทานรวดเดียวหมด
ส่วนเรื่องทอฟฟี่ ลูกอม คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าไม่ควรซื้อให้ลูกทาน เพราะจะทำให้ฟันผุง่าย บางท่านที่ลูกยังเล็กมาก ยังไม่ถึงวัยที่จะทานทอฟฟี่ได้อาจจะงงว่า เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ซื้อทอฟฟี่ให้เด็ก ต้องขอบอกว่า เป็นไปได้ค่ะ อย่างน้อยๆ ก็หน่วงเวลา ที่จะให้ลูกรู้จักทอฟฟี่ไปให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เด็กเหมือนผ้าขาวถ้าแกไม่เคยได้ลิ้มลอง แกจะไม่รู้และไม่ติดใจค่ะ

ยกตัวอย่างใกล้ตัว เอาเจ้าลูกชายคนโตของหมอพิมเอง (ขณะนี้จะ 9 ขวบแล้ว) จำได้ว่า เขาไม่รู้จักทอฟฟี่จนอายุเกือบ 3 ขวบ จึงค่อยได้ทดลองอมทอฟฟี่ครั้งแรก ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้อม แม้แต่เม็ดเดียวด้วยความที่คุณแม่ (เจ้าเล่ห์) หลอกว่าเป็นยา เห็นทอฟฟี่ที่ไหนไม่มีร้องจะเอา เพราะไม่รู้ว่ามันช่างหวานอร่อย (และทำให้ฟันผุมาก) เพียงใด แต่เมื่อถึงวัยที่เขาโตขึ้นอีกนิด มีสังคม (แต่บางครั้งคุณครูที่โรงเรียนก็แจกทอฟฟี่) นั่นจึงถึงเวลาที่เลี่ยงไม่ได้

เด็กมีความสุขที่ได้อมทอฟฟี่ก็ยอมเขาบ้าง แต่ขอให้ยอมให้น้อยที่สุด และถ้าเป็นไปได้ ควรแปรงฟันหลังอมลูกอม ฟังดูเป็นเรื่องที่จุกจิกจู้จี้ ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่บางครั้งคุณพ่อคุณแม่ ก็ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่สถานการณ์จะพาไป เพื่อชะลอการผุของฟันของลูกหรือไม่ผุเลยยิ่งดี จริงไหมคะ

นอกจากนี้เวลาซื้อขนมกินเล่นสำเร็จรูปให้ลูก คุณแม่ควรดูส่วนประกอบด้วย การไม่ให้ลูกทานของพวกนี้เลยในทางปฏิบัติแล้วเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นคุณแม่ควรดูว่าขนมนั้นทำจากอะไร ถ้ามีแต่แป้งและน้ำตาลเยอะๆ ควรเลี่ยงเสียเพราะนอกจากจะทำให้ฟันผุแล้ว ยังทำให้เด็กอิ่ม ทีนี้เมื่อถึงมื้ออาหารก็ไม่ยอมทานข้าวอีกแล้วทำให้เด็กขาดพวกโปรตีนวิตามินต่างๆ ที่ควรได้ในมื้ออาหารไป

ถ้าดูแลเรื่องอาหารให้ลูกดังกล่าวมาแล้ว ปัญหาฟันผุจะลดลงมากและข้อสำคัญพยายามแปรงฟัน ให้ลูกอย่างสม่ำเสมอด้วย คุณจะพบว่าฟันของลูกรักสวยงามไม่ผุกร่อน กระดำกระด่างไม่น่าดู

เห็นลูกยิ้มออกมาฟันสวยใส คุณพ่อคุณแม่ก็จะภูมิใจจนยิ้มไม่หุบเชียวค่ะ

ท.ญ.วิริยา ออประยูร

(update 9 มกราคม 2001)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 339 พฤษภาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600