มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



แดดร้อน ศัตรูร้ายของผิว


ร้อนนี้อย่าวางใจ แดดเป็นภัยทุกฤดู หาทางป้องกันภัยผิวกันดีกว่า

ฤดูร้อนเช่นนี้ ไปพักผ่อนนอนเล่นริมทะเลคงช่วยคลายร้อนได้บ้าง แต่ต้องระวังผลเสียของแสงแดด ทั้งต่อตัวคุณเองและลูกๆ ด้วย เพราะขณะนี้พบมะเร็งผิวหนังสูงขึ้นทั่วโลก และผลเสียสะสมของแสงแดดนั้น ร้อยละ 80 อยู่ในช่วงวัยเด็ก

ในขณะนี้พบมะเร็งผิวหนังมากขึ้นทั่วโลกในอเมริกาพบผู้ป่วยใหม่ที่เป็นมะเร็งผิวหนังมากกว่าปีละ 5 แสนราย ส่วนในไทยพบปีละหลายพันราย และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ โรคผิวหนังกว่า 40 ชนิดกำเริบเมื่อโดนแดดที่เห็นทันที เช่น ผิวไหม้แดด ผิวคล้ำ ฝ้า กระ แพ้ยา SLE และเริม ที่เป็นผลสะสมระยะยาวเช่น ผิวเหี่ยวแก่ มะเร็งผิวหนัง และตาเป็นต้อกระจก

ปริมาณแสงแดดที่ได้รับตลอดชีวิตนั้น ร้อยละ 80 ได้รับในช่วง 18 ปีแรกของชีวิต และจากการได้เข้าร่วมประชุมสมาคมแพทย์ผิวหนังอังกฤษที่ผ่านมา มีงานวิจัยแสดงว่าเพียงร้อยละ 24 ของครูอังกฤษเท่านั้นที่เคยสอนให้เด็กนักเรียนระวังผลเสียของแสงแดด และร้อยละ 93 ของครูอังกฤษ ไม่มีอุปกรณ์การสอนในเรื่องผลเสียของแสงแดดยังพบว่าครูอังกฤษร้อยละ 16 ไหม้แดดอย่างน้อย 1 ครั้ง ในช่วงปีที่ผ่านมา ถึงจะยังไม่มีงานวิจัยถึงเรื่องทัศนคติในเรื่องผลเสียของแสงแดดในครูไทยแต่ก็พบว่า โรงเรียนหลายแห่งนิยมจัดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่นการเล่นกีฬา การฝึกพละ การเข้าค่ายลูกเสือกลางแดดจัด โดยปราศจากคำแนะนำให้นักเรียนทราบถึงผลร้ายของแสงแดดและอาการแพ้แดดนั้นมีจริง ไม่ใช่เด็กอ่อนแอหรือแกล้งทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรม

วิธีป้องกันผลเสียของแสงแดดได้แก่ การหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วง 8.00-17.00 น. การสวมเสื้อผ้ามิดชิด หมวก แว่นกันแดด กางร่ม และการใช้ยากันแดดที่มีค่า 15 ขึ้นไป ห้ามไปอาบแดดหรือฉายแสงให้ผิวมีสีแทน ยากันแดดนั้นใช้ได้ตั้งแต่เด็ก ส่วนทารกอายุต่ำกว่า 6 เดือน ไม่ควรนำออกมาโดนแดดจัด พบว่าวิถีชีวิตของคนยุคใหม่ซึ่งแต่งกายเปิดเผยเนื้อตัวมากขึ้น ทั้งคนไทยบางส่วนหันมานิยมอาบแดด ให้ผิวสีแทนการจราจรติดขัด บรรยากาศชั้นโอโซนที่ป้องกันแดดบางลง และคนมีอายุสูงขึ้นทำให้คนไทย และคนทั่วโลกได้รับผลเสียของแสงแดดมากขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนั้นขอเตือนว่าชายทะเลไทยแทบทุกแห่งอุดมไปด้วยแมงกะพรุนไฟซึ่งเมื่อถูก จะปวดแสบปวดร้อนเป็นแผล และเกิดแผลเรื้อรังตามมา แผลหายยากมาก บางคนเป็นแผลเรื้อรังนับ 10 ปี เมื่อโดนแมงกะพรุน บางรายอาจคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หมดสติ และจมน้ำตายได้ จึงต้องหลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ ตามหาดที่มีแมงกะพรุนชุกชุม โดยอาจสอบถามจากชาวบ้านก่อน ไม่ควรว่ายน้ำหลังพายุหรือฝนตก หากต้องการดำน้ำต้องสวมเสื้อผ้าให้มิดชิดและสวมถุงมือ หากไม่แน่ใจอาจว่ายน้ำในสระแทน เมื่อโดนแมงกะพรุนไฟต้องรีบขึ้นจากน้ำ ไม่เคลื่อนไหวส่วนที่ถูก เพราะพิษจะยิ่งกระจาย ห้ามใช้น้ำเปล่า น้ำเกลือหรือแอลกอฮอล์ทำความสะอาด เพราะกระเปาะพิษจะยิ่งแตกตามหลักออสโมซิส ทำให้พิษยิ่งแพร่กระจาย อาจใช้น้ำทะเลล้างหรือใช้น้ำส้มสายชูราด แล้วใช้ ATM Card หรือเปลือกหอยค่อยๆ ขูดกระเปาะพิษออกแล้วรีบไปพบแพทย์นะครับ

นพ.ประวิตร พิศาลบุตร



[ที่มา.. นิตยสาร Fitness   ปีที่ 11 ฉบับที่ 108
[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600