ภญ.รศ.เทวี โพธิผละ
ถึงแม้ยาจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็มิได้หมายความว่า ทุกคนจะต้องกินยาทุกวัน
เหมือนกินอาหารวันละ 2-3 มื้อ ดังที่ปรากฏข่าวดาราหรือคนมีเงินแสวงหายากินกันเป็นแฟชั่นตามโฆษณา
หรือคำบอกเล่าและความเชื่อกันเอง โดยไม่สนใจการตรวจรักษาจากแพทย์สั่งจ่ายยาให้ ตามกระบวนการสาธารณสุข
เช่น กินวิตามินอี เพราะเชื่อว่าทำให้ผิวพรรณผุดผ่องหรือกินน้ำมันปลาลดไขมัน เป็นต้น
ความจริงแล้ว ยา หมายถึงสารที่ใช้เพื่อการบำบัดรักษาป้องกันหรือตรวจวินิจฉัยโรค
หรือความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือจิตใจ เนื่องมาจากความแปรปรวนผิดปกติของระบบการทำงาน
ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายหรือสาเหตุมาจากการรุกรานของเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งยาที่อาจเป็นพิษ
ที่ถูกนำเข้าสู่ร่างกาย
ยา จึงมีทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับลักษณะและวิธีการใช้ยาดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีบุคลากร
ที่มีความรู้เรื่องยาโดยเฉพาะเช่น แพทย์ เภสัชกร แนะนำการใช้ยาอย่างถูกต้องและเหมาะสมสำหรับ
การเยียวยารักษาอาการผิดปกติต่างๆประชาชนทั่วไปไม่ควรเลือกซื้อยาใช้เองแม้จะคิดว่า
เป็นยาบำรุงร่างกายก็ตามเพราะอาจเกิดโทษได้หลายประการดังนี้
|
|
อาการติดยา
|
ก็คือ อาการที่มีความอยากหรือต้องการยาที่ใช้ในทางที่ผิดอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ
จึงจะดำรงชีวิตประจำวันหรือทำงานตามปกติได้ หากไม่ได้รับยานั้นจะมีอากรขาดสติสัมปชัญญะ ก่ออาชญากรรมรุนแรง
ดังเป็นข่าวปรากฏอยู่เนืองๆ เช่น การติดยาบ้า เฮโรอีน ฝิ่น มอร์ฟีน
|
|
อาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
|
ยาบางอย่างแม้จะมีการใช้อย่างถูกต้องตามคำแนะนำของบุคลากรทางการแพทย์แล้ว
ยังอาจแสดงฤทธิ์อย่างอื่นที่ไม่มีประโยชน์ในการบำบัดรักษาโรค หรืออาจเกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ เช่น
การใช้ยาแก้ปวด ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือการใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิดนานเกินไป
ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนหรือการใช้ยานอนหลับหรือยากล่อมประสาทเป็นประจำ
ทำให้เกิดอาการหลงลืมหรือการใช้ยาแก้แพ้ ทำให้ง่วงนอน ปากแห้ง คอแห้ง
เมื่อมีอาการผิดปกติจากการใช้ยาจึงต้องรีบหยุดยากลับไปพบปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ที่สั่งจ่ายยาให้ทันที
|
|
อาการแพ้ยา
|
คือ อาการผิดปกติต่างๆ มากน้อยแตกต่างกันยากที่จะคาดคะเนได้ ตั้งแต่เป็นผื่นแดงคัน ลมพิษ
ผิวหนังอักเสบ หอบหืด ปวดท้อง ท้องเดิน ความดันโลหิตต่ำ มึนงง หรืออาจรุนแรงถึงขั้นหมดสติ โคม่าเสียชีวิตได้
โดยทั่วไปแล้วจะเกิดอาการใช้ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด ยาต้านอักเสบ ยาต้านมะเร็ง อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
ได้มากกว่ายากลุ่มอื่นๆ แม้บางคนไม่เคยมีประวัติแพ้ยาใดมาก่อน ก็อาจเกิดอาการแพ้ยาใดเมื่อใดก็ได้
ขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายและจิตใจขณะนั้น จะมีความต้านทานเพียงใด
|
ดังนั้นทุกคนจึงควรดูแลรักษาสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เป็นปกติ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลากหลายชนิด
ไม่ซ้ำซากจำเจ จัดสรรให้ได้ปริมาณสารอาหารครบ 6 ชนิดตามสภาพความต้องการของร่างกาย
ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามสภาพร่างกาย อยู่ในที่มีอากาศปลอดโปร่ง เพื่อสุขภาพดีถ้วนหน้าในปี 2543
โดยไม่ต้องใช้ยาหรือวิตามินใดๆ ซึ่งนอกจากจะเสียเงินแล้วยังอาจเกิดโทษดังที่กล่าวมาแล้วได้
|