มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ความรักเป็นสิ่งเรียนรู้

ใครหนอชอบให้ความเข้าใจที่ผิดๆ ว่า "แล้วเขากับเธอก็รักกัน" ทำคล้ายกับว่าความรักเป็นสิ่งที่อยู่ๆ ก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และเกิดขึ้นได้กับบุคคลทุกรูปนาม

บางคนถึงกับทึกทักเอาว่า คนเราทุกคนที่เกิดมาแล้วไม่เคยรัก หรือมีความรักชีวิตของเขาจะขาดบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญไปทีเดียว
จริงๆ แล้วก็คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า ความรักไม่สำคัญ
ทุกคนรู้ว่า ความรักจำเป็นกับชีวิตอย่างไร แต่หลายคนอาจจะ ไม่เข้าใจว่า ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่จะรู้จักความรัก ทั้งนี้เพราะไม่ใช่ มนุษย์ทุกคนที่จะรักเป็น
การกล่าวเช่นนี้ ท่านผู้อ่านหลายคนอาจสงสัยว่า ความรักมิใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนอารมณ์อื่นๆ เช่น กลัว โกรธ ดีใจ เสียใจ ดอกหรือ ?
ก่อนที่จะตอบคำถามเหล่านี้ อยากจะขอเล่าเรื่องเล่นๆ ที่เป็นจริงให้คุณฟังสักเรื่องหนึ่ง

เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ เด็กชายคนหนึ่งได้ถูกค้นพบในป่า แห่งหนึ่ง ในตำบลเล็กๆ ของประเทศฝรั่งเศส เด็กชายได้ถูกทอดทิ้ง ให้มีชีวิตอยู่ในป่าตามลำพัง เนื่องจากบิดา มารดาของเขาถูกฆ่าตาย แต่ด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฏ เด็กชายกลับไม่ตาย แต่กลับมีชีวิตรอด มาได้โดยการเลี้ยงดูของสัตว์ป่า

แต่แม้ว่าเด็กชายจะมีชีวิตรอดยู่ก็ตาม เขากลับกลายเป็นคนเฉพาะร่างกาย แต่ทุกสิ่งในการแสดงออกทางพฤติกรรม กลับกลายเป็นลักษณะของสัตว์ป่า เขาเดินด้วยขาและมือทั้ง 2 ข้าง ซุกซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้ดิน ไม่สามารถสื่อภาษาคนได้

นอกจากเปล่งเสียงร้องที่คล้ายสัตว์ป่า ไม่มีความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตอื่นใด ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครสนใจ และไม่ใส่ใจกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากมีสัญชาตญาณการที่จะเอาชีวิตรอดเท่านั้น
เรื่องทำนองนี้ ได้เคยปรากฏหลายครั้งในประวัติศาสตร์ของประเทศอินเดีย ที่เด็กหญิงกมลาถูกสุนัขป่านำไปเลี้ยงก็ดี จะปรากฏว่าเด็กที่เติบโตจากการเลี้ยงดูของสัตว์ป่า จะมีการแสดงออกทางพฤติกรรมไม่ต่างไปจากสัตว์ป่าที่เลี้ยงดูเขาเลย

สรุปง่ายๆ ก็คือ มนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ต้องมีการเรียนรู้ที่จะ "เป็นคน" อยู่อย่างคน กินอาหาร พูดจาอย่างคน แสดงพฤติกรรมทุกอย่างเช่นเดียวกับมนุษย์ในสังคมของเขา รวมทั้งความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนต่างๆ เช่น "ความรัก" ก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้ที่จะรักแบบคนเช่นเดียวกัน

นักจิตวิทยา นักสังคมวิทยา นักมนุษยวิทยา ต่างลงความเห็นจากการศึกษาค้นคว้า ได้ผลสรุปออกมาใกล้เคียงกัน ความรักเป็นสิ่งที่บุคคลต้องเรียนรู้ หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า ความรักเป็นการตอบสนองทางอารมณ์ที่ต้องเรียนรู้ เช่นเดียวกับการตอบสนองด้านอื่นๆ เช่นกัน

และการที่บุคคลใดก็ตาม จะเรียนรู้ในเรื่องของความรักได้นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับคนใกล้ชิดในสิ่งแวดล้อมของเขา ที่จะช่วยสอนหรือแสดงให้เขาได้รู้จัก ในแต่ละสังคมก็จะมีการแสดงออกในรูปแบบของความรักที่ต่างกัน หรือแม้แต่ในสังคมเดียวกัน เช่น สังคมไทยบางครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ จะแสดงการกอดรัดสัมผัสลูก เมื่อต้องการแสดงความรัก ในขณะที่บางครอบครัว พ่อแม่ก็จะแสดงเพียงแค่การพูดชื่นชมลูก แต่จะไม่สัมผัสเด็ก ทำให้เด็กที่เติบโตในแต่ละครอบครัวก็จะมีการเรียนรู้ในการแสดงออก เมื่อมีความรักต่างกันไปด้วย

อย่างไรก็ตาม บางครอบครัว พ่อแม่จะไม่เคยแสดงออกทางความรักให้เด็กเห็นเลย และบางครั้งกลับจะแสดงความรู้สึก ในทางที่ตรงข้ามกับความรักเสียด้วยซ้ำไป

เด็กๆ ที่เติบโตมาจากครอบครัวเหล่านี้ จึงขาดความเข้าใจในเรื่องของความรัก มีการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม รักไม่เป็น และเมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เขาจะมีจิตวิญญาณ คล้ายเด็กที่ถวิลหาความรัก อยากที่จะมีคนรักและมีความรัก และบางครั้งก็อาจจะตายไป โดยไม่รู้จักความรักเลยก็มี

จริงๆ แล้วถ้าเราจะพิจารณาด้วยความยุติธรรม เราจะพบว่า ถ้าเราอยากจะมีความรัก เข้าใจความรักและรักเป็น เราก็คงจะต้องมีการทุ่มเท ใส่ใจให้ความสำคัญกับอารมณ์ชนิดนี้ เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ ในชีวิต สมมุติว่า
ถ้าเราอยากจะขับรถเก่ง เราคงจะต้องหมั่นศึกษา สนใจฝึกฝนจนขับคล่อง หรือถ้าเราอยากทำอาหารเก่ง เราคงต้องหมั่นใส่ใจ สังเกตศึกษาทุ่มเทกับมัน จนกระทั่งเราทำอาหารเป็น

ความรักก็เช่นเดียวกัน ถ้าตั้งแต่เด็กเราไม่ได้มีการเรียนรู้ มีประสบการณ์ของการเป็นที่รัก ไม่เคยมีใครทำให้เรามีความรู้สึกว่าเราเป็นคนพิเศษ เราจะรู้จักกับมันได้อย่างไร? เราจะมีความรักให้ผู้อื่น หรือแสดงความรักของเราได้อย่างไร ?

การที่เราจะรู้รักผู้ใด หรือจะให้ความรักของเราแก่ใครเราจำเป็นที่จะต้องมีสิ่งนั้นในตัวเราก่อนเสมอ

ความรักมีการเรียนรู้ได้อย่างไร ?
เด็กเล็กๆ ทุกคนที่เกิดมาไม่ได้เกิดมาพร้อมกับการรู้จักความรัก
เด็กทารกจะมีลักษณะเหมือนกันทุกคนคือ อ่อนแอ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ถ้าถูกทอดทิ้ง ก็จะไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ และกว่าเด็กจะค่อยๆ เติบโตยืนอยู่บนขาของตัวเองได้ ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
เมื่อเด็กค่อยๆ เติบโตขึ้น บุคคลใกล้ชิดในสิ่งแวดล้อมของเขาจะช่วยสอนให้เขาได้เข้าใจ และรู้จักกับความรัก ในตอนแรกๆ เด็กอาจจะรู้เพียงว่า เมื่อเวลาเขาหิว เปียก หรือเจ็บปวด เขาจะร้องและจะมีคนมาคอยดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า โอบอุ้ม ประคับประคอง จนกระทั่งความหิด ความเจ็บและอ้างว้างของเขาหมดไป

การเกี่ยวข้องสัมพันธ์ระยะแรกเหล่านี้ จะทำให้เขาเริ่มเข้าใจถึงความอบอุ่นที่เขาได้รับจากมนุษย์ด้วยกัน
แต่มันไม่ใช่ความรัก
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความรู้สึกที่ดี ที่มีใครมาช่วยปัดเป่าความทุกข์ทางร่างกายให้หมดไปเท่านั้น เด็กๆ มีความต้องการที่อยากจะยึดติดบุคคลใกล้ตัวเหล่านี้ไว้ เพื่อสนองความต้องการของตนเอง มากกว่าที่จะพยายามเข้าใจถึงความต้องการของผู้อื่น

เมื่อเขาโตขึ้น เริ่มรู้จักบุคคลมากหน้าหลายตา บุคคลเหล่านี้ก็จะมีส่วนช่วยสอนให้เขารู้จักความรัก ในรูปแบบต่างๆ เช่น ความรักของพี่น้อง พี่ป้า น้าอา เพื่อนฝูงและวิธีการปฏิบัติตัวของบุคคลเหล่านี้ต่อเด็ก ก็จะทำให้เขาค่อยๆ จดจำและเลียนแบบการปฏิบัติตัวตามทีละเล็กละน้อย เด็กจะมีวิธีการแสดงออก (หรือไม่แสดงออก) ในด้านของความรัก เหมือนกับสมาชิกในครอบครัวของเขา และในทางกลับกัน สมาชิกในครอบครัวไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่พี่ป้าน้าอาของเขา ก็จะสอนให้เด็กรู้จักกับความรัก ตามวิถีทางที่พ่อแม่พี่ป้าน้าอาเหล่านั้นได้เรียนรู้ผ่านมาเป็นทอดๆ

ดังนั้น ถ้าปู่ย่าตายายของเด็กไม่เคยแสดงความรู้สึกอบอุ่น หรือมีการสัมผัสลูกของเขา พ่อของเด็กก็จะเรียนรู้วิธีการแสดงออกของความรักโดยไม่มีการสัมผัสกอดจูบลูกของเขา เด็กๆ จากครอบครัวนี้ ก็จะไม่เคยได้รับการกอดจูบจากพ่อของเขา และเมื่อเขาเติบโตมีลูกของเขาเอง เขาก็จะไม่กอดลูกของเขาเช่นกัน

รูปแบบการแสดงออกถึงความรัก จึงเป็นสิ่งที่ถูกถ่ายทอดมาจากคนรุ่นหนึ่ง ไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
หากคุณเผอิญไปรักและแต่งงานกับคู่สมรส ที่มาจากครอบครัวที่ไม่เข้าใจความรัก ขาดวิธีแสดงออกซึ่งความรักอย่างเหมาะสม เขาก็อาจจะให้ความรักในรูปแบบที่คุณต้องการไม่ได้

บ่อยครั้งเราจึงมีบุคคลที่เข้าใจว่า ความรักคือความใคร่
มองความรักว่าเป็นเพียงการมีเพศสัมพันธ์
เราจึงมีคุณแม่ที่คิดว่าการให้ความรักต่อลูก คือการพาไปเที่ยวต่างประเทศ ให้ของขวัญราคาแพง ไม่เฆี่ยนตีลูก
เราจึงมีสามีที่คิดว่า ความรักคือการให้ทรัพย์สินเงินทองแก่ภรรยา ฯลฯ
บุคคลเหล่านี้จึงน่าสงสาร เพราะเขารักไม่เป็น
ขาดการเรียนรู้ที่จะมีความรักและแสดงออกถึงความรักทางด้านจิตใจ ที่มีความละเอียดอ่อนกว่าการให้ทางวัตถุ
เมื่ออ่านมาถึงช่วงนี้ คุณก็คงเห็นด้วยกับผู้เขียนแล้วว่า

ความรักไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนทุกคน ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และไม่ใช่ทุกคนที่จะรักเป็น เพราะความรักเป็นศิลปะที่จะต้องเรียนรู้ พัฒนาให้งอกงามในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปและหากใครพลาดโอกาส ของการเรียนรู้ความรักจากครอบครัวเดิมของเขาแล้ว เขามักจะมีความลำบากในการแสดงออกถึงความรัก เมื่อเขาเป็นพ่อคน แม่คนในภายภาคหน้า ลองคิดตอบคำถามง่ายๆ ก่อนจบตอนนี้ได้หรือไม่ว่า คุณได้เรียนรู้การแสดงออกถึงความรักจากครอบครัวเดิมอย่างไร (อบอุ่น/แข็งกระด้าง?) และรูปแบบการเรียนรู้ที่คุณจดจำมานั้นมันมีผลต่อการแสดงออกของความรักของตัวคุณเองกับคนใกล้ตัว อย่างไรบ้างในัจจุบันนี้ ?

นวลศิริ เปาโรหิตย์

(update 14 ธันวาคม 2000)


[ ที่มา...หนังสือรักให้เป็น โดยนวลศิริ เปาโรหิตย์ ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600