มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



คุณรู้จักสคริปต์ชีวิตของคุณหรือยัง ?


"สคริปต์ชีวิต" ชื่อนี้ฟังแล้วไม่เคยได้ยิน คุณเคยได้ยินแต่สคริปต์หนัง ที่เขาเขียนให้คนแสดงไม่ว่าจะเป็นบทพระเอก นางเอก หรือผู้ร้าย เขาก็จะมีเขียนไว้หมด หน้าที่ของนักแสดงก็คือเล่นตามบทของสคริปต์นั้นๆ

แต่สิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ ไม่ใช่สคริปต์หนังแต่เป็นสคริปต์ชีวิตที่คุณเองเป็นผู้เขียนให้ตัวเองเล่น

สคริปต์ชีวิตคืออะไร ?
สคริปต์ชีวิตก็คือ บทบาทที่คุณจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตเล่น เป็นบทบาทที่คุณเองตกลงใจจะเล่น ตั้งแต่สมัยคุณยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ

เด็กทุกคนเมื่อเติบโตขึ้นมาพ่อและแม่จะเป็น "ผู้ทรงอำนาจ" ในความคิดของลูกๆ เด็กมองพ่อและแม่อย่างบูชา และพยายามจะทำทุกอย่างตามที่พ่อแม่ต้องการ ทั้งนี้ก็เพื่อให้พ่อแม่มารักและดูแลใส่ใจเขานั่นเอง การตัดสินใจทำตัวตามที่พ่อแม่ต้องการก็คือ การเขียนสคริปต์ให้ตัวเองเล่นตามบทที่พ่อแม่ปรารถนา

สมมุติว่าเด็กคนใดชอบพูด ชอบแสดงออก แต่เผอิญมีพ่อแม่ที่ไม่สนับสนุนให้เด็กกล้าพูดหรือแสดงออก เด็กก็จะเรียนรู้ว่าถ้าเขาอยากให้พ่อแม่รักเขาก็จะต้องไม่พูดมาก ไม่แสดงออก เด็กก็จะเรียนรู้ที่จะเก็บกด ความรู้สึกของตนเองไว้เสมอ

สคริปต์ในใจของเด็กในกรณีนี้ก็คือ "อย่าพูด อย่าคิด อย่าแสดงความรู้สึก" เมื่อเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น เขาก็จะกลายเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงออก รู้สึกอย่างไรก็จะเก็บกดเอาไว้ แม้สถานการณ์จะแปรเปลี่ยนไปเท่าใดก็ตาม

หรือแม้ว่าพ่อแม่ของเขาจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว แต่สคริปต์ในใจของเด็กก็จะไม่เปลี่ยนเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ อายุจะมากเท่าใดก็ตามเขาก็จะยังไม่กล้าแสดงออก และเก็บความรู้สึกไว้เช่นเดิมคล้ายกับที่เขาเคยเป็นสมัยเด็ก

แม้ว่าเขาอยากจะทำอะไรที่แตกต่างออกไปจากสคริปต์ดั้งเดิมที่เคยทำจนชิน เช่นอยากมีความกล้าพูด กล้าแสดงออกให้มากขึ้นมันก็ยากที่เขาจะทำได้สำเร็จ เพราะทุกครั้งที่เขาอยากทำอะไรที่ต่างออกไปนั้นเขาก็จะ "ได้ยินเสียง" คล้ายกับที่เขาเคยได้ยินในวัยเด็กเตือนเขาว่า "อย่าพูด อย่าคิด อย่าแสดงความรู้สึก" แม้ว่าเสียงจริงๆ จากพ่อแม่จะไม่มีอีกแล้วก็ตาม แต่เสียงในใจของเขาก็ยังเป็นตัวปิดกั้นไม่ให้เขาทำ พูด คิด ออกไปอย่างที่ต้องการ

อ่านมาถึงช่วงนี้แล้วคุณก็คงพอจะเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่า ทำไมคนเราจึงเปลี่ยนนิสัยกันยากนัก ? ที่เปลี่ยนยากนั้นก็เป็นเพราะว่า มนุษย์ทุกคนล้วนทำตามสคริปต์ดั้งเดิมและซื่อตรงต่อสคริปต์นั้น โดยไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าสคริปต์บางเรื่องจะดูล้าสมัย ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะ "ติด" อยู่กับสคริปต์เดิมจนยากที่จะเปลี่ยนแปลงเสียแล้ว

คุณผู้อ่านอยากจะทราบบ้างหรือไม่ว่า สคริปต์มีอะไรบ้าง หรือตัวคุณเองติดอยู่กับสคริปต์อะไร ?

นักจิตวิทยาได้รวบรวมลักษณะของสคริปต์เอาไว้ประมาณ 12 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

...1. ฉันไม่น่าที่จะเกิดมาเลย ...

สคริปต์นี้มักจะเล่นโดยเด็กที่พ่อแม่ไม่ปรารถนาให้เกิด แต่เผอิญเกิดขึ้นมา เด็กจะรู้สึกถึงความเกลียดชังและไม่พึงปรารถนาในตัวเขาจากพ่อแม่ของเขาเอง เด็กจะมีความคิดลึกๆ ว่าฉันไม่สมควรมีชีวิตอยู่ ถ้าฉันตายไปเสียทุกคนจะมีความสุขขึ้น บางทีถ้าฉันตายลงไปจริงๆ ทุกคนอาจจะรักฉันก็ได้ ฯลฯ
เด็กกลุ่มนี้เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หลายคนมีแนวโน้มเบื่อชีวิต อาจใช้ความตายเพื่อแก้ปัญหาชีวิต ทำร้ายตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เสพสารเสพติด รู้สึกหมดคุณค่า ไม่มีความหมายกับผู้ใด ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อสิ่งใดรู้เพียงแต่ว่า โลกนี้ไม่มีใครต้องการ
หลายคนอาจจะเคยถูกพ่อแม่ทุบตีทำร้ายร่างกายและจิตใจ เคยได้ยินคำพูดจากพ่อแม่ทำนองว่า "ถ้าฉันไม่มีแกเกิดมา ฉันคงจะมีความสุขกว่านี้ ฯลฯ
เด็กจากสคริปต์นี้จะมีชีวิตที่ผูกพันอยู่กับความเจ็บปวด เกลียดชังตนเองและอยากหนีชีวิต

... 2. ฉันไม่ควรเป็นตัวของฉันเองเลย ...

เด็กกลุ่มนี้มักจะมีพ่อแม่ที่ปฏิเสธเด็ก เช่น อยากได้ลูกชายแต่เผอิญได้ลูกสาวหรือกลับกัน พ่อแม่อาจจะพยายามแต่งตัวให้เด็กโดยใช้เสื้อผ้าเพศตรงข้าม ปฏิบัติต่อเด็กเหมือนไม่ยอมรับเพศของเด็ก ทำให้เด็กเริ่มเกลียดชังเพศตัวเอง มีสคริปต์ในใจว่า "ฉันไม่ควรเป็นตัวเองเลย"

... 3. ฉันไม่ควรแสดงนิสัยเป็นเด็กๆ ...

กลุ่มนี้มักจะมาจากครอบครัวที่พ่อแม่แสดงการไม่พอใจ ถ้าเด็กทำตัวเป็นเด็กที่สนุกสนานร่าเริง พ่อแม่มักจะไม่ชอบเมื่อเด็กแสดงความเป็นเด็ก แต่ต้องการให้เด็กแสดงตัวให้เรียบร้อยอยู่ในโอวาท ทำตัวคล้ายผู้ใหญ่ตั้งแต่เด็กยังเล็กๆ อยู่
พ่อแม่ของเด็กประเภทนี้มักจะมีชีวิตวัยเด็กที่ขาดความสนุกสนาน รื่นเริง ถูกจำกัดการแสดงออก ดังนั้นเมื่อมีลูกเอง ก็จะมาเข้มงวดกับลูกๆ เพราะในส่วนลึกพวกเขาจะอิจฉาที่ลูกๆ จะเติบโตอย่างมีอิสระ
เราจะสังเกตผู้ใหญ่ที่มีสคริปต์นี้ได้โดยง่าย คือเขามักจะมีพฤติกรรมประเภท
เงียบขรึม ค่อนข้างจะไว้ตัวไม่สุงสิงใครง่ายๆ ไม่พูดจาเล่นหัวกับใคร เมื่อยู่ต่อหน้าเด็กก็จะรู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูก
บางคนอาจจะออกมาทางหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่สนุกสนานรื่นเริง เป็นต้น

... 4. ฉันควรจะเล่นบทคล้ายเด็ก ...

ตรงข้ามกับสคริปต์เมื่อสักครู่ เด็กที่เล่นบทนี้มีสคริปต์ที่อยู่ในใจว่า ถ้าฉันทำตัวเป็นเด็กๆ อยู่เสมอใครๆ ก็จะรักจะเอ็นดูฉัน (ลูกคนเล็กมักชอบเล่นบทนี้ และเล่นได้ดีกว่าคนอื่น)
ทั้งนี้เพราะพ่อแม่จะคาดหมายให้เด็กคงความเป็นเด็ก และตราบใดที่เด็กเล่นบทนี้ พ่อแม่ก็จะให้ความรักความเอ็นดู ทำให้เด็กเข้าใจว่าการเล่นเป็นเด็ก (ที่ไม่รู้จักโต) จะทำให้ทุกคนมารักเอ็นดูให้ความสนใจเขา
เราจะสังเกตเห็นผู้ใหญ่ที่เล่นสคริปต์นี้ได้โดย
แต่งเนื้อแต่งตัวอย่างไม่สมอายุ (แก่แล้วยังแต่งเป็นเด็กๆ)
มีการพูดจา กิริยา พฤติกรรมคล้ายเด็ก (ดื้อ งอน ไร้เดียงสา ช่วยตัวเองไม่ได้)
หลีกเลี่ยงการต้องรับผิดชอบในสถานการณ์ต่างๆ (ถ้าเป็นสามีก็จะไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว ทำอะไรไม่เคยได้เรื่องได้ราวสนุกไปวันๆ ฯลฯ)

... 5. ฉันไม่ควรจะประสบความสำเร็จ ...

บทนี้มักจะเล่นโดยเด็กที่มาจากครอบครัว ที่พ่อแม่รู้สึกทนไม่ได้ที่ลูกจะประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพราะตัวพ่อแม่เองอาจไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้รู้สึกอึดอัดที่ลูกจะเกินหน้าไป
คุณผู้อ่านอาจจะนึกว่า เป็นไปได้อย่างไรที่พ่อแม่ไม่อยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ ไม่มีพ่อแม่คนใดที่อิจฉาลูก แต่สำหรับสคริปต์นี้คนที่เล่นมักจะเล่นโดยไม่รู้ตัวและอยู่ในระดับจิตใต้สำนึก
เด็กที่เติบโตมาจากสคริปต์นี้ เมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ มักจะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับเป็นการปิดกั้นตัวเอง จากความสำเร็จอยู่เสมอ คล้ายกับสภาวะ "ตกม้าตายตอนจบ" หรือทำความสำเร็จมากมาย แต่พอถึงช่วงสุดท้ายที่สำคัญกลับล้มเหลวเอาดื้อๆ

... 6. อยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ...

สคริปต์นี้มาจากการสื่อสารที่พ่อแม่ทำกับลูกให้ลูกรู้โดยไม่ตั้งใจว่า "การกระทำหรือพฤติกรรมอะไรของลูก ก็แล้วแต่ล้วนไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นอย่าได้ทำอะไรเป็นดีที่สุด"
เด็กที่เติบโตจากสคริปต์นี้ เมื่อเวลาเป็นผู้ใหญ่มักจะมีลักษณะ
ระวังตัวเกินเหตุไม่กล้าทำอะไร จะทำอะไรสักอย่างก็คิดอยู่นั่นแล้ว
ไม่กล้าตัดสินใจเพราะกลัวความผิดพลาด
กลัวถ้าจะทำและกลัวถ้าไม่ทำ

... 7. อย่าทำให้ตัวเองเป็นคนสำคัญ ...

สคริปต์นี้จะมาจากครอบครัวที่พ่อแม่รู้สึกหงุดหงิดที่ลูกจะเด่นจะดังกลายเป็นคนสำคัญ เพราะลึกๆ ลงไป จะมีจิตใต้สำนึกที่แข่งกับลูกในที
เด็กที่มาจากสคริปต์นี้ เมื่อพวกเขาได้เป็นผู้ใหญ่จะมีลักษณะดังนี้คือ
อยากได้แต่ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงให้ผู้อื่นรู้ถึงความต้องการของตนเอง
ไม่ชอบเป็นผู้นำ ไม่ชอบแสดงตน อึดอัดถ้าจะต้องเป็นจุดแห่งความสนใจ
รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่สำคัญต่ำต้อยไร้คุณค่า

... 8. ฉันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของที่นี่ ...

ผู้หญิงที่มีสคริปต์นี้จะรู้สึกว่า เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม มีความรู้สึกที่แปลกแยกออกไปจากคนอื่นๆ แม้อยู่ในกลุ่มเพื่อนก็จะรู้สึกโดดเดี่ยวไม่เหมือนเพื่อน ถ้าอยู่ในชั้นเรียนก็จะคิดว่า ไม่เหมือนกับเพื่อนๆ กลับไปอยู่กับครอบครัวก็รู้สึกว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว
เด็กที่มาจากสคริปต์นี้มักจะมีพ่อแม่ที่มีปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์มาก่อน

... 9. ฉันไม่ควรเข้าใกล้ใคร ...

เด็กกลุ่มนี้จะมาจากครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ใคร่ใกล้ชิดกับเขา ไม่กอดรัดสัมผัส ให้การเอื้ออาทรกับเด็ก ทำตัวห่างเหินลูก ทำให้ลูกเองก็ไม่กล้าสนิทกับใครเหมือนกัน
บางครั้งพ่อแม่จะปฏิบัติต่อเด็กอย่างไม่สม่ำเสมอเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เด็กจะเกิดความสับสน ทำให้เกิดเป็นสคริปต์ว่า "ฉันไม่ควรเข้าใกล้ใครและไม่ไว้วางใจใคร"
เด็กคนนี้ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ไว้ใจใครเลย เมื่อเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีพฤติกรรมที่
ไม่อยากสัมผัสผู้ใด ไม่อยากให้ใครมาสัมผัสตัว
ขาดความอ่อนโยน ไม่รู้จักถ่ายทอดความอบอุ่นให้ผู้อื่น
ให้และรับความรักไม่เป็น ไม่กล้ารักและสนิทสนมกับใครมากนัก

...10. ฉันไม่ควรแข็งแรงสมบูรณ์ ...

เด็กที่เล่นสคริปต์นี้เรียนรู้จากครอบครัวเดิมของเขาว่า ถ้าเจ็บหรืออ่อนแอพ่อแม่หันมารัก และเอาใจใส่เขา ดังนั้นเมื่อเขาเป็นผู้ใหญ่ เขามักจะมีร่างกายที่ไม่แข็งแรง เจ็บออดๆ แอดๆ อยู่เสมอ สาเหตุก็เป็นเพราะเขาได้รับความรักการดูแลเอาใจใส่จากคนใกล้ชิด ถ้าเขาเล่นบทนี้นั่นเอง

...11. ฉันต้องไม่คิด ...

สคริปต์นี้เด็กเรียนรู้ว่าพ่อแม่จะไม่ชอบใจถ้าเขาแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา เด็กก็มักจะหยุด ไม่คิดและบ่อยครั้งที่เด็กเห็นพ่อแม่ใช้อารมณ์แทนการพูดอย่างมีเหตุผล เด็กก็จะเลียนแบบคือ ให้อารมณ์แทนการคิดอย่างมีเหตุผล
ผู้ใหญ่ที่มีสคริปต์นี้เมื่อมีเรื่องราวอะไรก็จะแสดงอารมณ์รุนแรง ไม่มีเหตุผลหรือบางครั้งถ้าจะต้องคิดอะไร ก็มักจะมีอาการ "มืดแปดด้าน" คิดไม่ออกและเลิกคิดไปเลยก็มี

...12. ฉันต้องไม่แสดงความรู้สึก ...

เด็กเรียนรู้ที่จะไม่แสดงความรู้สึกออกมา เช่น ลูกชายอาจถูกคุณพ่อดุเมื่อร้องไห้และถูกสั่งสอนว่า ผู้ชายต้องไม่ร้องไห้ เด็กชายก็จะเก็บกดอารมณ์ไว้ภายในไม่ยอมให้ใครเห็นน้ำตา
เมื่อเด็กชายเป็นผู้ใหญ่เขาอาจไม่เคยแสดงอารมณ์ ไม่แสดงความรู้สึก ไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และทั้งเด็กชายและเด็กหญิงที่เก็บกดอารมณ์ที่เป็นพิษเหล่านี้ไว้ในตัวเองมากๆ พิษเหล่านี้ ก็อาจจะกลายออกมาเป็นโรคภัยไข้เจ็บที่รักษาเท่าไรก็ไม่หาย บ่อยครั้งอาจต้องหันไปพึ่งสารเสพติด เช่น ดมกาว เหล้า สารระเหยต่างๆ เพื่อปิดบังอารมณ์ที่ตัวเองยอมรับไม่ได้

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงพอทำให้คุณได้เข้าใจถึงสคริปต์ชีวิตคร่าวๆ ทั้งของตัวเราเอง และบุคคลที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย

คนบางคนอาจมี 1 สคริปต์ แต่คนบางคนก็มีหลายสคริปต์ แต่ไม่ว่าจะมีกี่สคริปต์ก็ตาม การรู้จักเรื่องของสคริปต์ชีวิตจะทำให้เราเข้าใจตัวเราเองและผู้อื่นดีขึ้นและเมื่อถึงจุดหนึ่ง คุณอาจจะอยากเปลี่ยนสคริปต์เดิมที่ล้าสมัยแล้วไม่ให้ประโยชน์ หรือทำความทุกข์ใดกับชีวิตของคุณเอง เป็นสคริปต์ใหม่ที่นำความสุขมาให้แก่ชีวิตมากขึ้น เพราะไหนๆ คุณก็ไม่ใช่เด็กแล้ว คุณสามารถตัดสินใจ ที่จะใช้สคริปต์ที่ดีกับชีวิตได้มิใช่หรือ

โดยนวลศิริ เปาโรหิตย์

(update 20 ธันวาคม 2000)


[ ที่มา...หนังสือ รักให้เป็น โดยนวลศิริ เปาโรหิตย์ ]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600