มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



เติม ความหวาน ให้ชีวิตคู่


ผมได้รับเชิญให้ไปบรรยายเรื่อง "เติมความหวานให้ชีวิตคู่" เมื่อสองวันก่อน ก็เลยนึกถึงคุณผู้อ่านทุกท่านว่าน่าจะเขียนเรื่องนี้ให้อ่านบ้าง
ชีวิตคู่ต้องการ "ความหวาน" ไปทำไม
ทั้งๆ ที่ชีวิตคู่นั้น ควรจะเป็นชีวิตที่มีครบทุกรส... ไม่ใช่หวานอย่างเดียว
ไม่อย่างนั้นจะเป็นชีวิตอย่างไร??

ชีวิตคนเรานั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ธรรมชาติไม่อยู่นิ่ง ธรรมชาติคือการเปลี่ยนแปลง พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนไว้ว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ท่านสอนไม่ให้ยึดติด ท่านพุทธทาสก็ได้เทศนาสอนว่า อย่ายึดติดกับตัวกู ของกู
การที่คนเราทุกข์มากขึ้นในยุคนี้ ก็เพราะยึดติดกับคำว่า ตัวกู ของกู นี่แหละครับ
แต่งงานใช้ชีวิตคู่แล้ว ก็เกิดการยึดมั่นว่า เธอเป็นของฉัน คุณเป็นของผม กลายเป็นตีค่าของคนว่า เป็น "ของ" ไปแล้ว เลยไม่ค่อย "หวาน" ให้แก่กัน... หลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว
เดี๋ยวนี้ คนที่ใช้ชีวิตคู่เลยต้องการเติม "ความหวาน" ให้ชีวิตคู่ เพราะคิดว่า ชีวิตคู่ของตนนั้น มันไม่ "หวาน" เหมือนก่อน เหมือน...ก่อนแต่งงานน่ะครับ จะแต่งโดยพฤตินัย หรือนิตินัย ก็ตามเถิด
ลองมานึกดูกันดีๆ นะครับว่า "ความหวาน" ในชีวิตคู่ที่ต้องการเติมน่ะ มันคืออะไร

"ความรัก" นั่นไง ที่ชีวิตคู่ต้องการ
ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่น ความสบายใจ ใช่ไหมที่ชีวิตคู่ต้องการ ไม่ใช่ "ความหวาน" สักหน่อย ความหวานเป็นแค่ผงชูรสให้ดูรสชาติดีเท่านั้น
ผมเลยขอเติม "ความรัก" ให้ชีวิตคู่ น่าจะดีกว่าเติม "ความหวาน" แต่เพียงอย่างเดียว เคล็ดลับมันอยู่ตรงนี้ครับ

คิดอยู่เสมอๆ นะครับว่า การที่เราสองคนมาใช้ชีวิตคู่กันอยู่นี้ เป็นเพราะเรารักกัน อยากใช้ชีวิตร่วมกัน จะเป็นเพราะบุญธรรมแต่ชาติปางก่อนหรืออะไรก็สุดแท้แต่จะเชื่อ ไม่ว่าคุณจะเป็นคู่บุญ หรือ คู่กรรม คุณก็เป็น "คู่กัน"
รากฐานของชีวิตคู่ จึงเกิดจาก "ความรัก"
ความรัก อาจจะเปรียบได้กับ "กองไฟ" ซึ่งคุณสองคนเป็นคนก่อขึ้นมา เมื่อติดไฟดีแล้ว ถ้าไม่รู้จักเติมฟืน เติมถ่าน หรืออาจจะเติมแก๊สให้ทันยุคทันสมัย ไฟก็อาจจะมอดดับไปได้
ความรักก็เช่นกัน ต้องหมั่นเติมเชื้อความรักตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นความรักก็จะจืดจางลง
ทำอะไรก็ได้ที่จะบอกเขาว่า ฉันรักเธอเสมอ และจะรักตลอดไป
ทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้เธอรู้ได้ว่า ผมยังรักคุณอยู่เสมอ และไม่มีวันเปลี่ยนใจ

คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน ย่อมทำให้ผู้ฟังเกิดความนิยมยินดี
และถ้าคนฟังเป็นคนที่เรารัก... เขาและเธอยิ่งเกิดความยินดีจนปีติสุข
เดี๋ยวนี้ คนเราพูดกันด้วยถ้อยคำที่ไพเราะน้อยลง
คำพูดที่ไพเราะ ไม่ใช่คำหวาน เพราะคำหวานอาจจะไม่จริงใจ คำพูดที่ไพเราะและจริงใจเท่านั้น จึงจะเป็นความหวาน และความรักของชีวิตคู่
แทนที่จะพูดกับเขาว่า "มัวแต่เถลไถลไปไหนมากลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ไม่ห่วงลูกห่วงเมีย"
ก็พูดว่า "คุณทำงานเหนื่อยไหมคะ กลับบ้านดึกเชียว ทานอะไรมาหรือยัง มานั่งโต๊ะนี่ซิคะ เดี๋ยวจะทำอะไรอร่อยๆ ให้รับประทาน" ผลที่ได้ต่างกันลิบเลย
แทนที่จะพูดกับเธอว่า "เลิกบ่นเสียทีดีไหม บ่นได้ทุกวี่ทุกวัน รำคาญ"
ก็พูดว่า "เออ เรื่องมันเป็นอย่างไรนะ ค่อยๆ เล่ามาซิว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เดี๋ยวผมช่วยแก้ไขให้ ที่รักก็รู้อยู่แล้วว่าผมพร้อมจะฟังและช่วยคุณเสมอ"
ไม่เชยหรอกครับ ที่คุณจะหัดพูดคำที่ไพเราะแก่กัน ไม่ต้องกลัวใครเขาว่า ก็ชีวิตของคุณ... ใครๆ ก็ไม่เกี่ยว

หัดพูดคำว่า "ที่รัก" แทน "เธอ-ฉัน" บ้าง
หัดพูดคำว่า "ขอโทษ" และ "ขอบคุณ" บ้าง... และควรพูดเป็นประจำด้วย เมื่อทำอะไรพลาดไป ต้องรู้จักขอโทษ เมื่อเขาหรือเธอขอโทษแล้ว เราต้องให้อภัย เพราะความรักคือการให้... ให้อภัยอย่างไรเล่าครับ
LOVE IS FORGIVING, FORGIVING AND FORGIVING
อย่าลืมนะครับ...บอกผมหน่อยซิครับว่า วันนี้คุณพูดอะไรที่ไพเราะแก่คนข้างตัวคุณหรือยัง

เดี๋ยวนี้ เรามักจะพูดกันว่า "ไม่มีเวลา" ทั้งๆ ที่เวลาเป็นของเรา ชีวิตก็เป็นของเรา มนุษย์เราเกิดมาเพื่อที่จะเป็นอิสระ เพราะฉะนั้นคำที่ว่า "ไม่มีเวลา" น่าจะเป็น "ไม่รู้จักจัดการกับเวลา" เสียมากกว่า
คนเราชอบแข่งกับเวลา...แข่งกันทำงาน แข่งขันกันเลื่อนตำแหน่ง เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางเดียวกัน คือ "ความตาย"
เขาว่าชีวิตของคนเรานั้น เหมือนหน้าปัดนาฬิกา เริ่มจากเลข 12 แล้วก็ไปสุดที่เลข 12 เกิดมาจากดิน แล้วก็ร่วงลับดับไปสู่ดิน เร่งเวลากันเพื่อที่จะไปสู่ดิน
รู้แล้วยังเร่งเวลาไปทำไม
เหลือเวลาไว้ให้เขาหรือเธอคนนั้นบ้าง... เพื่อที่จะบอกรักแก่กัน
จะด้วยปาก การกระทำ หรือ สัมผัสรักด้วยภาษากาย ก็ตามแต่
แต่ต้องมีเวลาอยู่ด้วยกัน...มีเวลาที่จะระลึกว่า "วันวานยังหวานอยู่"
ให้เวลาแก่เขาและเธอบ้าง...เพราะเขาและเธอเป็นคู่ของคุณ

กามารมณ์ เป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ เป็นสัมผัสรักที่เรียบง่าย เป็นการบอกรักด้วยการเคลื่อนไหวทางกาย โดยไม่จำเป็นจะต้องพูดจา เป็นสีสันแห่งความรักที่คุณสองคนจะช่วยกันระบายในผืนผ้าใบ ให้เป็นภาพของความรัก ความหวานแหววที่คุณต้องการ
ชีวิตคู่ จึงขาดกามารมณ์ไปไม่ได้!!
เพราะฉะนั้น คุณผู้หญิงไม่ควรจะ "ไร้อารมณ์รัก" และคุณผู้ชายไม่ควรจะ "หมดแรงรัก"
หาเวลาบอกรักด้วยภาษากายกันบ้าง จำนวนน่ะไม่สำคัญหรอกครับ
ปริมาณนั้นสู้คุณภาพไม่ได้แน่นอน ในเรื่องของการบอกรักด้วยภาษากายนี้
และอย่าลืมเด็ดขาดนะครับว่า กระบวนการในการแสดงความรักนั้น สำคัญกว่าความสุขสมในบั้นปลาย
เพราะในกระบวนการที่คุณสองคนกระทำ บทรักที่คุณแสดงต่อกันนั้น มันซาบซึ้งมีความสุข มากกว่าวินาทีเดียวที่คุณเกร็งตัวเวลาไปถึงจุดสุดยอด
แต่จุดสุดยอด ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา
ดังนั้น นอกจากแสวงหากระบวนการ ท่วงท่า และลีลาแห่งความรักใหม่ๆ หาสถานที่แปลกใหม่ ในการบรรเลงบทเพลงแห่งความรักแล้ว คุณทั้งสองจะต้องมีใจร่วมกันในการจะมีกิจกรรมแห่งความรักใคร่
นั่นจึงเป็นความหวาน มัน เปรี้ยว เผ็ด ในชีวิตคู่
เพราะเมื่อสุขสมจากกามารมณ์แล้ว อะไรต่อมิอะไรก็ดูจะสดใสไปเสมอ
ชีวิตรักจะได้ไม่ขมอย่างไรเล่าครับ

คนเขาว่าชีวิตคู่นั้น จะต้องเข้าใจกัน ไว้ใจกัน ให้อภัยกัน เคารพนับถือซึ่งกันและกัน รวมทั้งต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
การเป็นที่พึ่งของคู่ของตนนั้นในทุกเวลา ทุกขณะ เป็นความมั่นคงของการใช้ชีวิตคู่
เป็นที่พึ่งในยามยาก... ร้องไห้ให้แก่กันในยามทุกข์โศก ช่วยเหลือแก้ไขทุกข์ต่างๆ ฟันฝ่าอุปสรรคของชีวิตไปด้วยกัน
เพื่อที่จะได้หัวเราะในบั้นปลาย!!!
การเป็นเพื่อนพึ่งพายามยากนั้น ยิ่งกว่าเป็นความหวานในชีวิตคู่เสียอีก
"คุณเท่านั้นที่ฉันพึ่งได้"...เพราะคุณเป็นคู่ของฉัน
เราเป็นคู่ของกันและกัน...เพราะชีวิตเป็นของเรา
รักย่อมเข้าใจในรักเสมอ...ถ้าเป็นรักแท้
หารักแท้ให้พบ นะครับ...เพราะรักแท้หวานอยู่เสมอ
ในโลกนี้ ไม่มีอะไรที่จีรัง...นอกจากรักแท้
เช่น ผมรักคุณ

น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

(update วันที่ 27 กันยายน 2543)


[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่ 8 ฉบับที่ 434 วันที่ 25-1 ตุลาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600