สวัสดีค่ะคุณหมอคะ ดิฉันอยากทราบอาหารเสริมที่มีขายกันทั่วไป คนที่ป่วยเป็นเบาหวาน
สามารถรับประทานได้หรือเปล่าคะ มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือเปล่า ขอบพระคุณค่ะ  
ศิริรัตน์ 
  |  
  
 สวัสดีค่ะ คุณศิริรัตน์ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า การรับประทานอาหารเสริม
หรือแม้แต่สมุนไพร จะช่วยลดระดับน้ำตาลให้เป็นปกติได้แม้ว่าอาหารเสริมบางชนิด จะมีบทบาทสำคัญ
ต่อสุขภาพก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์ตามสรรพคุณที่ผู้ผลิตอ้างไว้บนสลากผลิตภัณฑ์  
เสียทั้งหมด และบางชนิดมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย ผู้ป่วยเบาหวาน 
ก็จัดเป็นหนึ่งในผู้บริโภคอาหารเสริมที่มีความหวังว่า อาหารเสริมจะช่วยเยียวยารักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หายขาดได้ 
จนกระทั่งบางคนถึงกับละทิ้งยาแผนปัจจุบันเพราะเชื่อมั่นว่า บริโภคอาหารเสริมก็เพียงพอแล้ว 
 ในปัจจุบันนักวิจัยจึงเริ่มให้ความสนใจกับผลของอาหารเสริมต่อการบำบัดโรคบางชนิดเพิ่มขึ้น 
ต่างประเทศเริ่มมีการศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้ 
 
 รอยัลเยลลี คือ อาหารของผึ้งตัวอ่อนและผึ้งนางพญา ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน 
กรดอะมิโน ไขมัน กรดไขมัน วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ และฮอร์โมนบางชนิด เช่น เทสทอสเทอโรน เอสโทรเจน 
โพรเจสเทอโรน และคอร์ติซอล 
 รอยัลเยลลีเป็นอาหารเสริมที่นิยมบริโภคกันมานานในหลายๆ ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส บัลแกเรีย อิตาลี 
เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ มีรายงานผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 
ออกมาเรื่อยๆ ถึงประโยชน์หลายๆ อย่างเช่น ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ 
ผลต่อสุขภาพทั่วไปโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เป็นต้น 
 ทางด้านเภสัชวิทยา มีรายงานว่า รอยัลเยลลีสามารถยับยั้ง การเจริญของมะเร็งในหนูทดลอง 
ส่วนในคนที่เป็นมะเร็ง การให้รอยัลเยลลีร่วมกับเคมีบำบัดช่วยให้ผลการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
ดีกว่าการรักษาทางเคมีบำบัดอย่างเดียว 
 การวิจัยในหนูที่เป็นเบาหวาน พบว่า รอยัลเยลลีไม่มีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด
จากการศึกษาผู้ป่วยเบาหวาน พบว่า ระดับน้ำตาลก่อนอาหารตอนเช้าและอินซูลินในผู้ป่วยลดลง
เพียงเล็กน้อยเท่านั้น 
 ข้อควรระวังสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ คือ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบ หืด ไม่ควรใช้เพราะรอยัลเยลลี 
อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันให้ทำงานมากเกินควร จนอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 
ตามที่เคยมีรายงานในประเทศออสเตรเลียมาแล้ว 
  
 คือ ผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งของผึ้งที่ได้รับความนิยมในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 
เนื่องจากมีผู้สังเกตว่าคนเลี้ยงผึ้งมักมีอายุยืน เพราะรับประทานน้ำผึ้งที่เหลือติดในรังผึ้ง 
ซึ่งมีบีพอลเลนปนอยู่เป็นจำนวนมาก 
 บีพอลเลน ประกอบด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม วิตามินซี 
กรดโฟลิก เกลือแร่ต่างๆ นอกจากนี้ อาจมีสารโลหะหนักบางชนิด สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 
และเชื้อราปะปนมากับเกสรดอกไม้ที่ติดตามตัวผึ้งและคลุกเคล้ามากับน้ำผึ้ง 
 ส่วนประกอบที่พบในบีพอลเลน จึงเป็นจุดโฆษณาผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง 
และเชื่อว่านอกจากจะเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว ยังใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง 
หลอดลมอักเสบ โรคลำไส้ โรคภูมิแพ้และชะลอความแก่ 
 เนื่องจากบีพอลเลนประกอบด้วยเกสรดอกไม้ ผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้จึงไม่ควรรับประทาน
เคยมีรายงานว่าผู้ป่วยที่รับประทานบีพอลเลนเป็นเวลาหลายสัปดาห์เกิดอาการแพ้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ 
คลื่นไส้ ปวดท้อง อุจจาระร่วง คันตามร่างกาย ความจำเสื่อมโดยไม่พบสาเหตุ แต่เมื่อหยุดรับประทาน
อาการเหล่านี้จะหายไป และเมื่อรับประทานใหม่อาการต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นมาอีก 
  
 นักวิจัยชาวเยอรมันเชื่อว่า โสม (ginseng) จะช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความไวต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น 
และช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ผลงานวิจัยของชาวฟินแลนด์สนับสนุนความเชื่อ
ของนักวิจัยชาวเยอรมัน 
 ผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 (ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน) ที่ได้รับโสมในปริมาณวันละ 100-200 มิลลิกรัม 
เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มีระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้า (fasting blood sugar) ต่ำลงอย่างชัดเจน 
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รับโสม 
 เมื่อเร็วๆ นี้ การวิจัยในประเทศแคนาดา พบว่า โสมช่วยลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 
นักวิจัยเตือนผู้ป่วยที่ใช้ยาเบาหวานและดื่มโสม ควรระวังอาการน้ำตาลต่ำโดยไม่รู้ตัว วิธีป้องกันคือ
ดื่มโสมพร้อมมื้ออาหาร และไม่ควรยึดการดื่มโสมอย่างเดียวในการลดระดับน้ำตาล ควรดูแลเรื่องโภชนาการ 
และออกกำลังกายเป็นหลัก 
 ในยุโรป สมุนไพรอย่างเช่น โสม จะได้รับการควบคุมการผลิตและทดสอบคุณภาพ
ก่อนที่จะนำออกสู่ท้องตลาด ซึ่งตรงกันข้ามกับในประเทศอื่นๆ สมุนไพรจำนวนมากไม่ได้ควบคุม ดังนั้น
จึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าสมุนไพรที่เราซื้อมานั้นมีตัวยาอ่อนหรือแรงเพียงใด ซึ่งทำให้ยาก
ต่อการควบคุมปริมาณในการใช้ให้เหมาะสม 
 ถึงแม้จะมีงานวิจัยที่แสดงผลที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวาน มีความหวังว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด 
อาจจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวาน ก็ยังไม่แนะนำให้ผู้ป่วย
ยึดอาหารเสริมเป็นหลักในการควบคุมโรค เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันผลและความปลอดภัยในระยะยาว
อย่างชัดเจนในการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 
 ไม่ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีประโยชน์หรือโทษต่อผู้ป่วยเบาหวาน นักโภชนาการก็ยังแนะนำ
ให้ผู้ป่วยยึดถือการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องเป็นหลัก โดยการลดปริมาณคอเลสเตอรอล 
และไขมันรวมในอาหาร โดยเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัว (ไขมันสัตว์บก, น้ำมันมะพร้าว) ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสม
ของไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณพอเหมาะ รับประทานอาหารที่มี เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีสูง 
ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกาย และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง 
 แล้วผู้ป่วยเบาหวานจะรู้สึกว่าโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลยด
ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ
  |