มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



อาหารเสริมกับโรคเบาหวาน



สวัสดีค่ะคุณหมอคะ ดิฉันอยากทราบอาหารเสริมที่มีขายกันทั่วไป คนที่ป่วยเป็นเบาหวาน สามารถรับประทานได้หรือเปล่าคะ มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือเปล่า ขอบพระคุณค่ะ

ศิริรัตน์


สวัสดีค่ะ คุณศิริรัตน์ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่า การรับประทานอาหารเสริม หรือแม้แต่สมุนไพร จะช่วยลดระดับน้ำตาลให้เป็นปกติได้แม้ว่าอาหารเสริมบางชนิด จะมีบทบาทสำคัญ ต่อสุขภาพก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์ตามสรรพคุณที่ผู้ผลิตอ้างไว้บนสลากผลิตภัณฑ์ เสียทั้งหมด และบางชนิดมีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายด้วย ผู้ป่วยเบาหวาน ก็จัดเป็นหนึ่งในผู้บริโภคอาหารเสริมที่มีความหวังว่า อาหารเสริมจะช่วยเยียวยารักษาโรคที่เป็นอยู่ให้หายขาดได้ จนกระทั่งบางคนถึงกับละทิ้งยาแผนปัจจุบันเพราะเชื่อมั่นว่า บริโภคอาหารเสริมก็เพียงพอแล้ว

ในปัจจุบันนักวิจัยจึงเริ่มให้ความสนใจกับผลของอาหารเสริมต่อการบำบัดโรคบางชนิดเพิ่มขึ้น ต่างประเทศเริ่มมีการศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจังเมื่อไม่นานมานี้

รอยัลเยลลี

รอยัลเยลลี คือ อาหารของผึ้งตัวอ่อนและผึ้งนางพญา ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดอะมิโน ไขมัน กรดไขมัน วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ และฮอร์โมนบางชนิด เช่น เทสทอสเทอโรน เอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน และคอร์ติซอล

รอยัลเยลลีเป็นอาหารเสริมที่นิยมบริโภคกันมานานในหลายๆ ประเทศ เช่น ฝรั่งเศส บัลแกเรีย อิตาลี เยอรมนี อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ มีรายงานผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ออกมาเรื่อยๆ ถึงประโยชน์หลายๆ อย่างเช่น ฤทธิ์ต้านมะเร็ง ต้านแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ผลต่อสุขภาพทั่วไปโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เป็นต้น

ทางด้านเภสัชวิทยา มีรายงานว่า รอยัลเยลลีสามารถยับยั้ง การเจริญของมะเร็งในหนูทดลอง ส่วนในคนที่เป็นมะเร็ง การให้รอยัลเยลลีร่วมกับเคมีบำบัดช่วยให้ผลการรักษาและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ดีกว่าการรักษาทางเคมีบำบัดอย่างเดียว

การวิจัยในหนูที่เป็นเบาหวาน พบว่า รอยัลเยลลีไม่มีผลในการลดระดับน้ำตาลในเลือด จากการศึกษาผู้ป่วยเบาหวาน พบว่า ระดับน้ำตาลก่อนอาหารตอนเช้าและอินซูลินในผู้ป่วยลดลง เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ข้อควรระวังสำหรับผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ คือ คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ เช่น หอบ หืด ไม่ควรใช้เพราะรอยัลเยลลี อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ โดยกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันให้ทำงานมากเกินควร จนอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ตามที่เคยมีรายงานในประเทศออสเตรเลียมาแล้ว

บีพอลเลน

คือ ผลิตภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งของผึ้งที่ได้รับความนิยมในวงการผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากมีผู้สังเกตว่าคนเลี้ยงผึ้งมักมีอายุยืน เพราะรับประทานน้ำผึ้งที่เหลือติดในรังผึ้ง ซึ่งมีบีพอลเลนปนอยู่เป็นจำนวนมาก

บีพอลเลน ประกอบด้วย โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบีรวม วิตามินซี กรดโฟลิก เกลือแร่ต่างๆ นอกจากนี้ อาจมีสารโลหะหนักบางชนิด สารเคมีกำจัดศัตรูพืช และเชื้อราปะปนมากับเกสรดอกไม้ที่ติดตามตัวผึ้งและคลุกเคล้ามากับน้ำผึ้ง

ส่วนประกอบที่พบในบีพอลเลน จึงเป็นจุดโฆษณาผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณค่าทางอาหารสูง และเชื่อว่านอกจากจะเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงแล้ว ยังใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น มะเร็ง หลอดลมอักเสบ โรคลำไส้ โรคภูมิแพ้และชะลอความแก่

เนื่องจากบีพอลเลนประกอบด้วยเกสรดอกไม้ ผู้ที่แพ้ละอองเกสรดอกไม้จึงไม่ควรรับประทาน เคยมีรายงานว่าผู้ป่วยที่รับประทานบีพอลเลนเป็นเวลาหลายสัปดาห์เกิดอาการแพ้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดท้อง อุจจาระร่วง คันตามร่างกาย ความจำเสื่อมโดยไม่พบสาเหตุ แต่เมื่อหยุดรับประทาน อาการเหล่านี้จะหายไป และเมื่อรับประทานใหม่อาการต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นมาอีก

โสม

นักวิจัยชาวเยอรมันเชื่อว่า โสม (ginseng) จะช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความไวต่ออินซูลินเพิ่มขึ้น และช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ผลงานวิจัยของชาวฟินแลนด์สนับสนุนความเชื่อ ของนักวิจัยชาวเยอรมัน

ผู้ป่วยเบาหวานประเภทที่ 2 (ชนิดไม่พึ่งอินซูลิน) ที่ได้รับโสมในปริมาณวันละ 100-200 มิลลิกรัม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ มีระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้า (fasting blood sugar) ต่ำลงอย่างชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่ได้รับโสม

เมื่อเร็วๆ นี้ การวิจัยในประเทศแคนาดา พบว่า โสมช่วยลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยเบาหวานประเภท 2 นักวิจัยเตือนผู้ป่วยที่ใช้ยาเบาหวานและดื่มโสม ควรระวังอาการน้ำตาลต่ำโดยไม่รู้ตัว วิธีป้องกันคือ ดื่มโสมพร้อมมื้ออาหาร และไม่ควรยึดการดื่มโสมอย่างเดียวในการลดระดับน้ำตาล ควรดูแลเรื่องโภชนาการ และออกกำลังกายเป็นหลัก

ในยุโรป สมุนไพรอย่างเช่น โสม จะได้รับการควบคุมการผลิตและทดสอบคุณภาพ ก่อนที่จะนำออกสู่ท้องตลาด ซึ่งตรงกันข้ามกับในประเทศอื่นๆ สมุนไพรจำนวนมากไม่ได้ควบคุม ดังนั้น จึงไม่มีทางทราบได้เลยว่าสมุนไพรที่เราซื้อมานั้นมีตัวยาอ่อนหรือแรงเพียงใด ซึ่งทำให้ยาก ต่อการควบคุมปริมาณในการใช้ให้เหมาะสม

ถึงแม้จะมีงานวิจัยที่แสดงผลที่ทำให้ผู้ป่วยเบาหวาน มีความหวังว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด อาจจะช่วยให้ผู้ป่วยควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้น แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเบาหวาน ก็ยังไม่แนะนำให้ผู้ป่วย ยึดอาหารเสริมเป็นหลักในการควบคุมโรค เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันผลและความปลอดภัยในระยะยาว อย่างชัดเจนในการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ไม่ว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีประโยชน์หรือโทษต่อผู้ป่วยเบาหวาน นักโภชนาการก็ยังแนะนำ ให้ผู้ป่วยยึดถือการรับประทานอาหารอย่างถูกต้องเป็นหลัก โดยการลดปริมาณคอเลสเตอรอล และไขมันรวมในอาหาร โดยเฉพาะกรดไขมันอิ่มตัว (ไขมันสัตว์บก, น้ำมันมะพร้าว) ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสม ของไขมันไม่อิ่มตัวในปริมาณพอเหมาะ รับประทานอาหารที่มี เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และวิตามินอีสูง ลดอาหารเค็ม ออกกำลังกาย และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

แล้วผู้ป่วยเบาหวานจะรู้สึกว่าโรคนี้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลยด

ศ.นพ.เทพ หิมะทองคำ

(update 31 ตุลาคม 2000)


[ ที่มา... หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ   วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600