มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



เนยเทียมและอาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียน


สองฉบับที่ผ่านมา ผู้เขียนเขียนเรื่อง "เนยแข็ง-เนยเหลว" กล่าวถึงกรดไขมันทรานส์ในเนยเทียมหรืมาร์การีน มีผู้อ่านท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหา กล่าวว่าอยากให้ผู้เขียนระบุชนิดของมาร์การีน เพราะเนยเทียมมีหลายชนิด ผลิตจากน้ำมันถั่วเหลืองบ้าง น้ำมันเมล็ดทานตะวันบ้าง น้ำมันปาล์มบ้าง มาร์การีนชนิดไหนให้กรดไขมันทรานส์ ควรระบุให้ทราบกันด้วย

ก็จริงครับว่าเนยเทียมมีหลายชนิด ในยุโรปและอเมริกาเหนือมีการใช้เนยเทียมกันมาก เจอปัญหาจากเนยเทียมกันบ่อย เนยเทียมแถบนั้นใช้น้ำมันถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบ มีบ้างที่ใช้น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันฝ้าย น้ำมันข้าวโพด น้ำมันเหล่านี้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงในปริมาณมาก ทำให้ต้องเติมไฮโดรเจนในปริมาณมากตามไปด้วย ผลคือเกิดเป็นกรดไขมันทรานส์ได้ง่าย เนยเทียมหรือมาร์การีนในยุโรปและอเมริกาเหนือ หรือที่นำเข้ามาจากประเทศแถบนั้น จึงมีกรดไขมันทรานส์ค่อนข้างสูง

ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับนักอุตสาหกรรมบ้านเราได้ข้อมูลว่ามาร์การีนที่ใช้ปรุงอาหารในบ้านเรา ส่วนใหญ่ผลิตจากน้ำมันปาล์มโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากน้ำมันปาล์มสเตียริน ซึ่งมีความเป็นไขสูงอยู่แล้ว ทำให้เติมไฮโดรเจนน้อยมาก ดังนั้น มาร์การีนในบ้านเราจึงไม่สร้างปัญหาเหมือนมาร์การีนของยุโรป และอเมริกาเหนือ ได้ทราบอย่างนั้นก็สบายใจครับ ผู้เขียนไม่ได้รับประทานมาร์การีนมานาน เพราะเข้าใจผิดว่ามาร์การีนในบ้านเราผลิตมาจากน้ำมันถั่วเหลืองหรือน้ำมันเมล็ดทานตะวัน รู้ข้อเท็จจริงอย่างนี้จะได้หันกลับไปรับประทานได้ดังเก่าเสียที

ทีนี้หันกลับมาพูดคุยกันในเรื่องที่จั่วไว้ตามหัวข้อดีกว่า คือเรื่อง "อาหารสไตล์เมดิเตอเรเนียน" อันที่จริงเรื่องนี้เคยเขียนไว้แล้ว แต่คนละสไตล์กัน เหตุที่ต้องเขียนถึงคราวนี้อีกครั้ง เพราะวันศุกร์ที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา มีการประชุมวิชาการประจำปีของชมรมผู้ให้ความรู้เรื่องเบาหวาน จัดกันใหญ่โตที่อาคารเฉลิมพระบารมีของแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ ผู้เขียนเองได้รับเชิญ ให้ไปบรรยายเรื่องอาหารเมดิเตอเรเนียนผสมกับอาหารไทยจึงอยากจะนำมาเขียนให้พวกเราได้อ่านอีกครั้ง

ก่อนอื่นขอเกริ่นเรื่องชมรมผู้ให้ความรู้เรื่องเบาหวานสักนิดนึงครับ ชมรมนี้มีชื่อไม่ถึงระดับสมาคม แต่มีสมาชิกเป็นกลุ่มก้อนใหญ่โตถึงสองพันคน ประกอบไปด้วยแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักโภชนาการ นักสาธารณสุข นักกายภาพบำบัด นักเทคนิคการแพทย์ ฯลฯ เป็นการรวมกันในเชิงวิชาการ เพื่อสร้างสรรค์ความรู้เพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วยเบาหวาน เอาเป็นว่า ให้ได้มาตรฐานสากล และเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยและกับผู้ป่วยเบาหวานไทย ที่มี 3-5 ล้านคน

มีข้อมูลทางวิชาการจากสหประชาชาติ กล่าวว่า ผู้ป่วยเบาหวานแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี ค.ศ.2000 มีประมาณ 32.7 ล้านคน อีก 25 ปีข้างหน้า ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 79.5 ล้านคน เป็นการเพิ่มสูงที่สุดในโลกและภูมิภาคของเราจะมีผู้ป่วยเบาหวานมากที่สุดในโลก ชมรมเขาก็เลยเริ่มงานกันแต่เนิ่นๆ กำลังจะจัดตั้งเป็นสมาคมหรือมูลนิธิในไม่ช้า เป็นแค่ชมรมก็ผลิตผลงานออกมาได้เยอะแยะแล้วละครับ

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผู้เขียนไปประชุมเรื่องอาหารเมดิเตอเรเนียน ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการประชุมคือ การหาข้อสรุปเกี่ยวกับคุณค่าทางโภชนาการ และการแพทย์ของอาหารเมดิเตอเรเนียน โดยยึดถือข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้เป็นหลัก ผู้เขียนเห็นว่าการประชุมครั้งนี้น่าจะเป็นแบบอย่างสำหรับนักโภชนาการของประเทศไทย ที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับการแสวงหาคุณค่าของโภชนาการอาหารไทย พวกเราน่าจะได้ไปดูฝรั่งเขาทำงานกันบ้าง

เรื่องของอาหารนั้น เป็นวัฒนธรรมครับ ขายอาหารได้นอกจากจะขายวัตถุดิบ ขายผลิตภัณฑ์ได้แล้วยังขายวัฒนธรรมรวมไปถึงการท่องเที่ยวได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียว ได้นกทั้งพวงเลยครับ การรณรงค์เรื่องของอาหารไทยจึงน่าจะทำให้เข้มข้นกว่าที่ทำกันอยู่ในขณะนี้

กล่าวถึงอาหารเมดิเตอเรเนียนก่อนครับ เขาให้นิยามไว้ว่าหมายถึง รูปแบบของอาหารที่ประชากรรอบทะเลเมดิเตอเรเนียนนิยมบริโภคกัน เป็นอาหาร ที่มีพืชผักเป็นองค์ประกอบค่อนข้างสูง มีผลไม้ ผัก ถั่ว ธัญพืชทั้งเมล็ดเป็นแหล่ง อาหารสำคัญ มีปลา ถั่วเปลือกแข็ง รวมถึงผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ อาหารกลุ่ม เมดิเตอเรเนียนนี้มิได้จำกัดปริมาณไขมันเนื่องจากมีข้อมูลเพียงพอว่า ไขมัน ในอาหารเมดิเตอเรเนียน มีระดับที่ไม่สูงนัก ข้อสำคัญในกรณีของไขมัน คือ อาหารเมดิเตอเรเนียนนิยมใช้น้ำมันพืช ได้แก่ น้ำมันมะกอก
เป็นแหล่งไขมันหลัก นอกจากนี้ ยังมีการใช้น้ำมันพืชที่ถูกเติมไฮโดรเจนไม่มากนัก ไม่สร้างปัญหาไขมันทรานส์เพราะใช้น้ำมันมะกอกเหมือนกับที่บ้านเราใช้น้ำมันปาล์มนั่นแหละครับ

ไขมันอิ่มตัวในอาหารเมดิเตอเรเนียนมีค่อนข้างต่ำ อาหารในรูปแบบที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ เขาเชื่อกันว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ประชากรในแถบเมดิเตอเรเนียนมีอุบัติการณ์ของโรค หลายชนิดค่อนข้างต่ำ อาหารทางแถบเกาะครีตของประเทศกรีซและทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี เป็นแบบอย่างของอาหารเมดิเตอเรเนียนที่นักวิชาการพากันกล่าวถึงมากที่สุด

ช่วงคริสตศตวรรษที่ 60 มีรายงานทางการแพทย์และโภชนาการออกมาหลายรายงาน กล่าวถึงประโยชน์ของอาหารเมดิเตอเรเนียนว่าช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคต่างๆ หลายโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็ง ได้ข้อสรุปอย่างนั้นแล้ว ก็ต้องเผยแพร่เกียรติคุณของอาหารเมดิเตอเรเนียนกันหน่อย

ว่าแล้วก็จัดประชุมกันใหญ่โต เชิญผู้เขียนไปร่วมด้วย จะจัดประชุมกันอีกครั้งในเดือนตุลาคมนี้ ไว้ไปจนกลับมาแล้วจะเขียนให้อ่านเพิ่มเติมกันอีกครับ

ดร.วินัย ดะห์ลัน

(update วันที่ 14 กันยายน 2543)


[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่ 8 ฉบับ431 วันที่ 4 - 10 กันยายน 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600