มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc




มาลดเกลือกันดีกว่า
เกลือในที่นี้หมายถึง เกลือแกง ในทาง เคมีเรียกว่า โซเดียมคลอไรด์ ที่มีรสชาติเค็ม อาหารอร่อยก็เพราะเกลือนี่แหละไปกระตุ้นต่อม รับความเค็ม เพิ่มรสชาติให้กับการกินอาหาร หลายคนรักรสเค็มมาก ทุกมื้ออาหารเป็นต้องเติม เกลือเติมน้ำปลาสารพัด ไม่เคยชิมด้วยซ้ำว่า อาหารเค็มพอหรือยัง พฤติกรรมการบริโภคเกลือ อย่างนี้เขาว่าให้ระวังไว้

บ้างเพราะอาจจะเจอปัญหาความดันโลหิตสูงเอาได้

ความดันโลหิตเป็นตัวเลขสองตัว คนทั่วไปมีค่าเท่ากับ 120/80 มม.ปรอท หมายความว่า ความดันโลหิตเมื่อหัวใจบีบตัวเท่ากับ 120 มิลลิเมตรปรอท ขณะที่ความดันขณะหัวใจคลายตัวมีค่าเท่ากับ 80 มิลลิเมตรปรอท หากตัวเลขสูงไปกว่าค่าที่ว่า เช่น สูงถึงระดับ 150/100 สัญญาณเตือนมาแล้วครับว่า ความดันโลหิตสูงได้มาเยือนตัวคุณแล้ว

ความดันโลหิตสูง ก็เหมือนการเพิ่มแรงดันน้ำในท่อประปานั่นแหละ หากอุปกรณ์ทั้งตัวท่อ ทั้งปลายท่อมีปัญหา ท่อกับอุปกรณ์ปลายท่อก็อาจจะพังเอาได้ ใครที่ดูภาพยนตร์เกี่ยวกับเรือดำน้ำ คงได้เห็นปัญหาของเรือเมื่อดำลงไปใต้ทะเลในระดับลึกที่แรงกดของน้ำมีมากขึ้นมหาศาล เจ้าหน้าที่เรือจำเป็นต้องตรวจสอบอุปกรณ์กันทุกครั้งก่อนดำลงน้ำลึก หากอุปกรณ์มีปัญหาแรงกดของน้ำภายนอก อาจกดให้บางจุดของเรือแตกร้าวได้

ฉันใดฉันนั้น ใครที่เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง ขอให้ตระหนักว่าตนเองกำลังกลายเป็น เรือดำน้ำที่กำลังดำน้ำลึก อันตรายเป็นอย่างยิ่งหากไม่รีบหาทางลดความดันโลหิตลง ปล่อยความดันโลหิตให้สูงไว้อย่างนั้นโดยไม่ใส่ใจจะเกิดปัญหาได้สารพัด หากหลอดเลือดเปราะ เพราะมีไขมันและแคลเซียมมาเกาะตัวมากจนขาดความยืดหยุ่นเจอความดันโลหิตสูงเข้า หลอดเลือดฝอยก็อาจจะแตกได้

หลายคนเจอปัญหาที่ไตที่มีหลอดเลือดไปเลี้ยงมาก ทางที่ดีคือดูแลความดันโลหิตให้ปกติอยู่เสมอ ใครที่เกรงปัญหาความดันโลหิตสูง อยากจะใช้โภชนาการลดความดันโลหิต โดยตรวจสอบการบริโภคเกลือ หากรักอาหารเค็ม ชอบเติมเกลือ น้ำปลา หรือซอสถั่วเหลืองอยู่บ่อยๆ ขอให้ลดการบริโภคเกลือลงได้แล้ว

สมาคมโรคหัวใจอเมริกัน แนะนำให้บริโภคเกลือประมาณวันละ 3 กรัม หากสนใจการอ่านฉลากโภชนาการ ที่ติดไว้กับผลิตภัณฑ์อาหาร อาจจะเห็นว่าปริมาณเกลือที่แนะนำอาจจะน้อยกว่า 3 กรัมด้วยซ้ำ การบริโภคมากเกินไปอาจจะไม่เป็นปัญหาก็ได้ หากคนๆ นั้นมีหลอดเลือดแข็งแรง แต่คนทั่วไปไม่รู้ตัวหรอกว่า หลอดเลือดของตนแข็งแรงพอหรือเปล่า ทางที่ดีคือสร้างความเคยชินกับการรับประทานอาหารที่ไม่เค็มจัดน่าจะดีกว่า

ลองมาเรียนรู้วิธีการลดการรับประทานเกลือกันดูก็ได้ นักโภชนาการแนะนำไว้ว่า คนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง ควรจะลดเกลือให้เหลือ 1 มิลลิกรัมต่อกิโลแคลอรี่ เป็นต้นว่า ร่างกายต้องการอาหารประมาณ 2-3 พันกิโลแคลอรี่ ควรได้รับเกลือประมาณ 2-3 พันมิลลิกรัมหรือเท่ากับ 2-3 กรัมตามที่แนะนำข้างต้นนั่นแหละ

ตัวเลขที่แนะนำไว้อย่างนั้น ปฏิบัติได้ค่อนข้างยาก เพราะเราไม่รู้ว่าเกลือในอาหารจริงๆ มีสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่า เราลองมาหาทางลดเกลือจากอาหารกันดูว่าจะทำกันอย่างไรได้บ้าง ก่อนอื่นต้องรู้ว่า การใช้ลิ้นทดสอบเพียงอย่างเดียวนั้นไม่พอ เพราะมีโซเดียมซ่อนอยู่ในอาหารได้ตั้งหลายรูปแบบ ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในรูปเกลือแกงเท่านั้น เป็นต้นว่า โซเดียมในรูปผงชูรส หรือในรูปสารกันเสีย สารกันบูดที่เติมลงไปในอาหาร โซเดียมเหล่านี้ไม่ให้รสเค็ม ใช้ลิ้นทดสอบไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เกลือโซเดียมส่วนใหญ่ในอาหาร มักอยู่ในรูปของเกลือแกง การลดอาหารเค็ม จึงเป็นวิธีการหลักในการลดโซเดียม วิธีการง่ายๆ ในการลดเกลือโซเดียมในอาหารลงคือ การฝึกรับประทานอาหารที่ไม่เค็ม พยายามรักรสอื่นๆ ที่ไม่ใช่รสเค็มบ้าง ชินกับการใช้พืชผักปรุงรสในอาหาร อย่างเช่นใช้ใบแมงลัก ใบโหระพา หรือพืชผักอื่นๆ ปรุงอาหาร หรือใช้น้ำส้ม มะนาว เปลี่ยนจากรสเค็มให้เป็นลดเปรี้ยวบ้างก็ได้

ขณะนี้ผลิตภัณฑ์อาหารในบ้านเรา ติดฉลากโภชนาการกันแพร่หลายแล้ว ใครที่ไม่เคยอ่านฉลากเลย ขอให้หมั่นอ่านฉลากโภชนาการ ดูปริมาณโซเดียมในอาหาร อาหารอย่างเดียวกันพยายามเลือกอาหาร ที่มีโซเดียมต่ำกว่า เมื่อลองได้อ่านฉลากโภชนาการดูแล้ว จะสังเกตได้ในทันทีว่าโซเดียมในอาหาร มีมากกว่าที่เราเคยคิดแยะ อาหารกระป๋องจำนวนไม่น้อยที่เติมเกลือลงไปค่อนข้างมาก เพราะอุตสาหกรรมเขาใช้เกลือในการรักษาสภาพของอาหาร

ใครที่ชอบผักผลไม้กระป๋อง ลองล้างผักผลไม้เหล่านี้ด้วยน้ำสะอาดสักครั้งสองครั้ง จะลดปริมาณโซเดียมที่มีอยู่ได้ถึง 40% แต่วิธีการที่ดีและได้ประโยชน์กว่าคือเลือกผักและผลไม้สด เพราะจะได้วิตามินและเกลือแร่ในปริมาณที่มากกว่า

การปรุงอาหารหรือการเติมเกลือ น้ำปลาหรือซอสปรุงรส ต้องบันยะบันยังกันไว้บ้าง หากเป็นไปได้ให้เอากระปุกเกลือเก็บไว้ให้ห่างตัว น้ำปลาขวดเล็กที่ชอบตั้งไว้บนโต๊ะอาหารเสมอ ก็ต้องเอาไปเก็บซ่อนไว้ ฝึกการรับประทานอาหารที่อ่อนเค็มไว้บ้าง ลองปรุงรสอื่นๆ อย่างที่บอกไว้แต่แรกนั่นแหละ

ใครที่ชอบโรยเกลือบนอาหาร วิธีง่ายๆ ที่จะรู้ว่าเราโรยเกลือลงไปในอาหารสักเท่าไหร่ ให้โรยเกลือลงบนแผ่นกระดาษแทนในปริมาณเดียวกับที่โรยในอาหาร จากนั้นนำเกลือบนกระดาษ รวมใส่ลงในช้อนเล็กที่ใช้ตักกาแฟ ปริมาณเกลือหนึ่งในสี่ของช้อนคือโซเดียม 600 มิลลิกรัมเข้าไปแล้ว

ยาบางอย่างมีโซเดียมอยู่ด้วย อย่างเช่น ยาประเภท laxatives, alkalizers ยาแก้ปวดหลายชนิด หากต้องการจะลดโซเดียมกันให้จริงจัง จะต้องปรึกษาแพทย์ให้สั่งยาชนิดที่ไม่เข้าโซเดียม หากไปซื้อยาที่ร้านขายยาก็ขอให้ถามเภสัชกรประจำร้าน เลือกเฉพาะร้านที่มีเภสัชกรเท่านั้นนะครับ มีบางร้านที่เจ้าของร้านมักใช้เด็กหนุ่มเด็กสาวที่ไม่มีความรู้ทางด้านเภสัชกรรมมายืนขายยาเพื่อลดค่าใช้จ่าย

ขอให้ระวังกันไว้บ้าง ผู้เขียนเคยไปซื้อยาในซูเปอร์มาร์เก็ตย่านแจ้งวัฒนะ คนขายเป็นเด็กสาว เมื่อลองภูมิดูแล้วเธอไม่ใช่เภสัชกร ผู้เขียนถามเธอว่าเรียนจบเภสัชหรือเปล่า เธอก็ยืนยันว่าเรียนจบทางจบเภสัช พอจะเอาเรื่องเอาราวจริงๆ เธอก็หลบหน้าหนีหายไป พวกเราคงต้องระวังกันหน่อย เพราะปัญหาความด้อยมาตรฐาน ในการควบคุมร้านขายยาลักษณะนี้ เกิดขึ้นในบ้านเราบ่อยๆ

การลดเกลือไม่จำเป็นจะต้องแนะนำเฉพาะคนที่มีปัญหาความดันโลหิตสูงเท่านั้น คนทุกคนหากรักหลอดเลือด อยากจะให้หลอดเลือดมีสุขภาพแข็งแรงให้เราได้ใช้บริการนานๆ ขอให้เรียนรู้การลดเกลือโซเดียมไว้บ้าง ฝึกมีความสุขกับอาหารที่ไม่เค็มนัก ทำได้อย่างนี้ สุขภาพดีขึ้นได้แน่นอนครับ

ดร.วินัย ดะห์ลัน

(update วันที่ 25 สิงหาคม 2543)


[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่ 8 ฉบับที่ 428 วันที่ 14-19 สิงหาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600