มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 โภชนาการเจ


ปีหนึ่งๆ ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เทศกาลกินเจแวะเวียนมาถึงอีกแล้วละครับ ขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตรงกับเดือน 10 หรือเดือนตุลาคมของทุกปีหมายถึงช่วงเทศกาลกินเจเขาละ

เทศกาลกินเจปีที่แล้ว ผู้เขียนไปร่วมงานกับเขาหลายจังหวัด ทั้งสระบุรี ฉะเชิงเทรา กระบี่ ตรัง ภูเก็ต สตูล สนุกมาหมดแล้ว ได้เห็นประเพณีกินเจของคนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางปักษ์ใต้ ต้องยอมรับเลยว่าคนไทยทั้งเชื้อสายจีน ทั้งเชื้อสายอื่น พากันถือศีลกินเจมากขึ้นทุกปี คนไทยสนุกได้กับทุกประเพณีได้ ยิ่งเป็นประเพณีที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย อย่างการกินเจด้วยแล้ว พวกเราก็ดูเหมือนจะยิ่งชอบ

การกินเจเริ่มต้นในประเทศจีนนับเป็นพันปี มีตำนานเล่าขานกันอยู่หลายตำนาน แต่ประเพณีการกินเจในเดือน 9 หรือที่เรียกว่า "เก้าโหว่ยเจ" เข้าใจกันว่าน่าจะเริ่มขึ้น เมื่อประมาณสี่ร้อยปีมาแล้วประมาณปี พ.ศ.2163-2183 อันเป็นช่วงที่ประเทศจีนถูกรุกราน จากคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า "ชาวแมนจู"

ประเทศจีนทำสงครามพ่ายแพ้และถูกยึดครองโดยชาวแมนจูมาตั้งแต่ครั้งนั้น คนจีนถูกบังคับให้โกนศีรษะด้านหน้าไว้เปียยาวด้านหลัง ล้มเลิกวัฒนธรรมของตนเอง ต้องหันมายอมรับวัฒนธรรมของชาวแมนจูแทน ทั้งคับแค้นทั้งอับอาย

คนจีนเมื่อสูญเสียแผ่นดินแล้ว ก็หวนนึกถึงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันต่อสู้กับกองทัพแมนจู อย่างเลือดเข้าตา ชาวบ้านกลุ่มนี้จะว่าไปแล้วก็คือชาวบ้านบางระจันของจีนนั่นเอง เป็นนักรบชาวบ้านที่เรียกตนเองว่า "หงี่หั่วท้วง" โดยเมื่อครั้งที่รบกับแมนจู ชาวบ้านกลุ่มนี้พากันถือศีลกินเจนุ่งขาวห่มขาวเพราะเชื่อว่าการประพฤติปฏิบัติเช่นนี้ จะช่วยสร้างอิทธิฤทธิ์ป้องกันปืนไฟฝรั่งของชาวแมนจูได้ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้

คนจีนภายใต้การปกครองของชาวแมนจู แม้จะคับแค้นแค่ไหนแต่ก็พยายามรำลึกถึงบุญคุณ ของนักรบหงี่หั่วท้วงเสมอมา ถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำเดือน 9 คนจีนจะพากันประพฤติปฏิบัติ ประเพณีถือศีลกินเจ นุ่งขาวห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินพืชผักที่มีกลิ่นฉุน เพราะเชื่อว่า พืชผักเหล่านี้เกิดขึ้นจากเลือดสัตว์

การกินเจ มีการงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม ทั้งหัวและต้นกระเทียม หัวหอมชนิดต่างๆ หลักเกียว กุ้ยช่าย ใบยาสูบ ซึ่งหมายถึงบุหรี่ ยาเส้น รวมไปถึงของเสพย์ติดมึนเมาด้วย

เชื่อกันว่าผักกลิ่นฉุนเหล่านี้ เพิ่มความกำหนัด ทำลายพลังธาตุในร่างกาย เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ โดยถือกันว่ากระเทียมทำลายธาตุไฟ ทำให้เกิดปัญหากับหัวใจ หัวหอมทำลายธาตุน้ำ ก่อปัญหากับไต กุ้ยช่ายทำลายธาตุไม้ สร้างปัญหาให้ตับ หลักเกียวทำลายธาตุดิน สร้างปัญหาให้กับม้าม และใบยาสูบทำลายธาตุโลหะ สร้างปัญหาให้กับปอด

นอกเหนือจากงดกินผักที่มีกลิ่นฉุนแล้ว ยังมีข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมอีก 9 ประการ ได้แก่
ประการที่หนึ่ง การงดกินเนื้อสัตว์ ซึ่งหมายถึงสัตว์ทุกชนิด ซึ่งพักหลังอาจจะเจอคนบางคน กินเนื้อบางชนิด ดังเช่น หอยนางรม เป็นต้น โดยเชื่อกันว่าหากเป็นสัตว์เล็กก็ไม่เป็นไร เรื่องอย่างนี้ตำนานใครตำนานมันล่ะครับ

ประการที่สอง คือ งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก เค็มมาก เชื่อกันว่าอาหารรสจัดแสดงให้เห็นว่ายังติดอยู่กับกลิ่นรสของอาหาร ยังหลุดไม่พ้นว่างั้นเถอะ ส่วน

ประการที่สาม คือ การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ใช่ไม่กินเนื้อสัตว์อย่างเดียว แต่ต้องไม่ฆ่าสัตว์ด้วย

ประการที่สี่ คือ การกินอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น คนที่เคร่งจริงๆ จะไม่เลือกแค่อาหารเจ แต่จะถามด้วยว่าอาหารที่นำมาบริการนั้น คนปรุงเป็นคนเจด้วยหรือเปล่า

ประการที่ห้า เป็นเรื่องของภาชนะ จะต้องแยกการปรุงจากอาหารประเภทอื่น ต้องล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยม ไม่ใช้ปะปนกัน

ประการที่หก คือการนุ่งขาวห่มขาว หากจะเคร่งครัดจริงๆ ย่อมจะต้องยึดถือข้อนี้ด้วย เหตุนี้เองช่วงเทศกาลกินเจจะพบเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวเต็มเมืองไปหมด

ประการที่เจ็ด คือ การพูดจา ต้องไม่หยาบโลน วาจาต้องไพเราะ การพูดเพ้อเจ้อ นินทาว่าร้าย ถือว่าเป็นข้อห้ามทั้งสิ้น

ประการที่แปด คือ งดสุราและของมึนเมา และ

ประการสุดท้าย คือ การจุดตะเกียง 9 ดวงไว้ ไม่ปล่อยให้ดับ ส่วนเหตุผลเรื่องจุดตะเกียง จะมีว่าอย่างไร ผู้เขียนเผอิญก็จดจำไม่ได้เสียแล้ว
การถือปฏิบัติเก้าบวกหนึ่งหรือสิบประการนี้ หากทำได้จึงจะถือว่าเป็นการกินเจบริสุทธิ์โดยแท้ แต่เห็นทีจะหาได้ยากแล้วล่ะครับในยุคสมัยนี้ ซึ่งมักจะประพฤติปฏิบัติได้ไม่ครบ มีคนจำนวนไม่น้อย ที่กินเจโดยการเลือกกินอาหารเจตามร้านที่ขายอาหารเจหรือที่โรงเจเท่านั้น โดยไม่ได้ปฏิบัติในข้อปลีกย่อยอื่นๆ

มีคนอีกจำนวนไม่น้อยอีกเหมือนกันที่ไม่เข้าใจความเป็นมาของการกินเจ ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วการกินเจหมายรวมถึงการรำลึกถึงผู้มีบุญคุณด้วย อาจจะรำลึกถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง แต่ลืมนึกถึงผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน

มีคนถามว่า การกินเจไม่กินเนื้อ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอะไรบ้างหรือเปล่า คงตอบได้ว่าไม่น่าจะขาดสารอาหารอะไรทั้งนั้น เนื่องจากในพืชผักมีสารอาหารครบถ้วน ขอเพียงให้กินเป็นอยู่เป็นเท่านั้น หากเลือกบริโภคธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง งา อย่างเหมาะสม สารอาหารประเภทโปรตีนก็ได้ครบไม่ขาดแต่ประการใด

แม้จะมีคนที่กินอาหารไม่ถูกส่วนอยู่บ้าง ก็คงไม่เกิดปัญหาอะไรร้ายแรง เพราะการกินเจใช้เวลาค่อนข้างสั้น ยังไม่ทันจะเกิดปัญหาก็เลิกถือกันเสียแล้ว จึงไม่มีอะไรจะต้องห่วง ขอให้กินเจปีนี้ให้มีความสุขสนุกสนานได้บุญได้กุศลมากกว่าทุกปีเถิดครับ

ดร.วินัย ดะห์ลัน

(update วันที่ 27 กันยายน 2543)


[ ที่มา... เนชั่นสุดสัปดาห์   ปีที่ 8 ฉบับที่ 434 วันที่ 25-1 ตุลาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600