ปีหนึ่งๆ ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน เทศกาลกินเจแวะเวียนมาถึงอีกแล้วละครับ ขึ้น 1 ค่ำ
ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตรงกับเดือน 10 หรือเดือนตุลาคมของทุกปีหมายถึงช่วงเทศกาลกินเจเขาละ
เทศกาลกินเจปีที่แล้ว ผู้เขียนไปร่วมงานกับเขาหลายจังหวัด ทั้งสระบุรี ฉะเชิงเทรา กระบี่
ตรัง ภูเก็ต สตูล สนุกมาหมดแล้ว ได้เห็นประเพณีกินเจของคนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางปักษ์ใต้
ต้องยอมรับเลยว่าคนไทยทั้งเชื้อสายจีน ทั้งเชื้อสายอื่น พากันถือศีลกินเจมากขึ้นทุกปี
คนไทยสนุกได้กับทุกประเพณีได้ ยิ่งเป็นประเพณีที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
อย่างการกินเจด้วยแล้ว พวกเราก็ดูเหมือนจะยิ่งชอบ
การกินเจเริ่มต้นในประเทศจีนนับเป็นพันปี มีตำนานเล่าขานกันอยู่หลายตำนาน
แต่ประเพณีการกินเจในเดือน 9 หรือที่เรียกว่า "เก้าโหว่ยเจ" เข้าใจกันว่าน่าจะเริ่มขึ้น
เมื่อประมาณสี่ร้อยปีมาแล้วประมาณปี พ.ศ.2163-2183 อันเป็นช่วงที่ประเทศจีนถูกรุกราน
จากคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อว่า "ชาวแมนจู"
ประเทศจีนทำสงครามพ่ายแพ้และถูกยึดครองโดยชาวแมนจูมาตั้งแต่ครั้งนั้น
คนจีนถูกบังคับให้โกนศีรษะด้านหน้าไว้เปียยาวด้านหลัง ล้มเลิกวัฒนธรรมของตนเอง
ต้องหันมายอมรับวัฒนธรรมของชาวแมนจูแทน ทั้งคับแค้นทั้งอับอาย
คนจีนเมื่อสูญเสียแผ่นดินแล้ว ก็หวนนึกถึงชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันต่อสู้กับกองทัพแมนจู
อย่างเลือดเข้าตา ชาวบ้านกลุ่มนี้จะว่าไปแล้วก็คือชาวบ้านบางระจันของจีนนั่นเอง
เป็นนักรบชาวบ้านที่เรียกตนเองว่า "หงี่หั่วท้วง" โดยเมื่อครั้งที่รบกับแมนจู
ชาวบ้านกลุ่มนี้พากันถือศีลกินเจนุ่งขาวห่มขาวเพราะเชื่อว่าการประพฤติปฏิบัติเช่นนี้
จะช่วยสร้างอิทธิฤทธิ์ป้องกันปืนไฟฝรั่งของชาวแมนจูได้ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้
คนจีนภายใต้การปกครองของชาวแมนจู แม้จะคับแค้นแค่ไหนแต่ก็พยายามรำลึกถึงบุญคุณ
ของนักรบหงี่หั่วท้วงเสมอมา ถึงวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำเดือน 9 คนจีนจะพากันประพฤติปฏิบัติ
ประเพณีถือศีลกินเจ นุ่งขาวห่มขาว ไม่กินเนื้อสัตว์ ไม่กินพืชผักที่มีกลิ่นฉุน เพราะเชื่อว่า
พืชผักเหล่านี้เกิดขึ้นจากเลือดสัตว์
การกินเจ มีการงดกินผักฉุนหรือผักที่มีกลิ่นแรง 5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม ทั้งหัวและต้นกระเทียม
หัวหอมชนิดต่างๆ หลักเกียว กุ้ยช่าย ใบยาสูบ ซึ่งหมายถึงบุหรี่ ยาเส้น รวมไปถึงของเสพย์ติดมึนเมาด้วย
เชื่อกันว่าผักกลิ่นฉุนเหล่านี้ เพิ่มความกำหนัด ทำลายพลังธาตุในร่างกาย
เป็นเหตุให้อวัยวะหลักสำคัญภายในทั้ง 5 ทำงานไม่ปกติ โดยถือกันว่ากระเทียมทำลายธาตุไฟ
ทำให้เกิดปัญหากับหัวใจ หัวหอมทำลายธาตุน้ำ ก่อปัญหากับไต กุ้ยช่ายทำลายธาตุไม้ สร้างปัญหาให้ตับ
หลักเกียวทำลายธาตุดิน สร้างปัญหาให้กับม้าม และใบยาสูบทำลายธาตุโลหะ สร้างปัญหาให้กับปอด
นอกเหนือจากงดกินผักที่มีกลิ่นฉุนแล้ว ยังมีข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติมอีก 9 ประการ ได้แก่
ประการที่หนึ่ง การงดกินเนื้อสัตว์ ซึ่งหมายถึงสัตว์ทุกชนิด ซึ่งพักหลังอาจจะเจอคนบางคน
กินเนื้อบางชนิด ดังเช่น หอยนางรม เป็นต้น โดยเชื่อกันว่าหากเป็นสัตว์เล็กก็ไม่เป็นไร
เรื่องอย่างนี้ตำนานใครตำนานมันล่ะครับ
ประการที่สอง คือ งดอาหารรสจัด ซึ่งหมายถึงอาหารเผ็ด หวานมาก เปรี้ยวมาก
เค็มมาก เชื่อกันว่าอาหารรสจัดแสดงให้เห็นว่ายังติดอยู่กับกลิ่นรสของอาหาร
ยังหลุดไม่พ้นว่างั้นเถอะ ส่วน
ประการที่สาม คือ การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ใช่ไม่กินเนื้อสัตว์อย่างเดียว
แต่ต้องไม่ฆ่าสัตว์ด้วย
ประการที่สี่ คือ การกินอาหารเฉพาะที่คนกินเจด้วยกันเป็นผู้ปรุงเท่านั้น
คนที่เคร่งจริงๆ จะไม่เลือกแค่อาหารเจ แต่จะถามด้วยว่าอาหารที่นำมาบริการนั้น
คนปรุงเป็นคนเจด้วยหรือเปล่า
ประการที่ห้า เป็นเรื่องของภาชนะ จะต้องแยกการปรุงจากอาหารประเภทอื่น
ต้องล้างหม้อไหจนสะอาดเอี่ยม ไม่ใช้ปะปนกัน
ประการที่หก คือการนุ่งขาวห่มขาว หากจะเคร่งครัดจริงๆ ย่อมจะต้องยึดถือข้อนี้ด้วย
เหตุนี้เองช่วงเทศกาลกินเจจะพบเห็นคนนุ่งขาวห่มขาวเต็มเมืองไปหมด
ประการที่เจ็ด คือ การพูดจา ต้องไม่หยาบโลน วาจาต้องไพเราะ การพูดเพ้อเจ้อ
นินทาว่าร้าย ถือว่าเป็นข้อห้ามทั้งสิ้น
ประการที่แปด คือ งดสุราและของมึนเมา และ
ประการสุดท้าย คือ การจุดตะเกียง 9 ดวงไว้ ไม่ปล่อยให้ดับ ส่วนเหตุผลเรื่องจุดตะเกียง
จะมีว่าอย่างไร ผู้เขียนเผอิญก็จดจำไม่ได้เสียแล้ว
การถือปฏิบัติเก้าบวกหนึ่งหรือสิบประการนี้ หากทำได้จึงจะถือว่าเป็นการกินเจบริสุทธิ์โดยแท้
แต่เห็นทีจะหาได้ยากแล้วล่ะครับในยุคสมัยนี้ ซึ่งมักจะประพฤติปฏิบัติได้ไม่ครบ มีคนจำนวนไม่น้อย
ที่กินเจโดยการเลือกกินอาหารเจตามร้านที่ขายอาหารเจหรือที่โรงเจเท่านั้น โดยไม่ได้ปฏิบัติในข้อปลีกย่อยอื่นๆ
มีคนอีกจำนวนไม่น้อยอีกเหมือนกันที่ไม่เข้าใจความเป็นมาของการกินเจ ไม่ทราบว่าจริงๆ
แล้วการกินเจหมายรวมถึงการรำลึกถึงผู้มีบุญคุณด้วย อาจจะรำลึกถึงพ่อแม่ญาติพี่น้อง
แต่ลืมนึกถึงผู้มีบุญคุณต่อแผ่นดิน
มีคนถามว่า การกินเจไม่กินเนื้อ จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอะไรบ้างหรือเปล่า
คงตอบได้ว่าไม่น่าจะขาดสารอาหารอะไรทั้งนั้น เนื่องจากในพืชผักมีสารอาหารครบถ้วน
ขอเพียงให้กินเป็นอยู่เป็นเท่านั้น หากเลือกบริโภคธัญพืช ถั่วเมล็ดแห้ง งา อย่างเหมาะสม
สารอาหารประเภทโปรตีนก็ได้ครบไม่ขาดแต่ประการใด
แม้จะมีคนที่กินอาหารไม่ถูกส่วนอยู่บ้าง ก็คงไม่เกิดปัญหาอะไรร้ายแรง
เพราะการกินเจใช้เวลาค่อนข้างสั้น ยังไม่ทันจะเกิดปัญหาก็เลิกถือกันเสียแล้ว
จึงไม่มีอะไรจะต้องห่วง ขอให้กินเจปีนี้ให้มีความสุขสนุกสนานได้บุญได้กุศลมากกว่าทุกปีเถิดครับ
ดร.วินัย ดะห์ลัน
|