 |
|

ลักเพศ คือ ความผิดปกติที่เกิดจากการได้รับ
ความตื่นเต้นหรือความสุขทางอารมณ์หรือทางเพศ
โดยการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของเพศตรงข้าม คนพวกนี้
ส่วนใหญ่จะพอใจเฉพาะการแต่งตัวเป็นเพศตรงข้าม
และไม่ต้องการแปลงเพศ แต่มีบางคนประพฤติรัก
ร่วมเพศด้วย เขาสามารถมีกิจกรรมทางเพศกับเพศ
ตรงกันข้ามได้ตามปกติ แต่จะต้องอาศัยเครื่องแต่งกาย
ของเพศตรงข้ามเป็นเครื่องช่วยกระตุ้นอารมณ์ |
เพศ มีความสุขทาง
เพศและความสุขในครอบครัวได้ โดยเฉพาะถ้าคู่สมรสของเขาเข้าใจและให้ความร่วมมือ
โดยปกติลักษณะดังกล่าวนี้จะเริ่มปรากฏตั้งแต่วัยเด็ก ยกเว้นบางรายที่อาจเริ่มมีอาการ
หลังวัยแตกหนุ่มแตกสาว และมักจะดำเนินไปจนตลอดชีวิต เกิดบ่อยในผู้ชาย ประมาณกันว่า
ในประชากร 100 คน จะมีลักเพศ 1 คน คนเหล่านี้มีลักษณะทางเพศของเพศใดเพศหนึ่งอย่างสมบูรณ์
แต่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการรับรู้ความเป็นชายหรือหญิงของตน (gender indentity) ไม่พบว่าคนที่มีความผิดปกติ
ในโครโมโซม ฮอร์โมน หรือเป็นกะเทย (intersex) จะเป็นลักเพศมากกว่าธรรมดา การแต่งตัวด้วยเสื้อผ้า
หรือเครื่องประดับแบบหญิงของผู้ชายที่เป็นลักเพศ เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งถึงความนิ่มนวล อ่อนช้อย
และอารมณ์เพศที่มีอยู่ในตัวเขา แต่การกระทำแบบนี้สังคมไม่ยอมรับ
ความพอใจในการแต่งกายด้วยอาภรณ์ของเพศตรงกันข้ามของพวกลักเพศชายมีความแตกต่างกัน
ตั้งแต่ที่ใช้เครื่องประดับหรือแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบผู้หญิงเป็นครั้งคราว ที่ใช้เครื่องแต่งกายบางอย่างของหญิง
เช่นชุดชั้นในไว้ภายในและสวมเสื้อผ้าผู้ชายไว้ภายนอก จนกระทั่งที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้า
และเครื่องประดับของหญิงอยู่ตลอดเวลา เขาจะมีความพอใจและสบายใจที่ได้กระทำเช่นนั้น
และจะพอใจมากขึ้นเมื่อได้มองภาพตัวเองในกระจกเงา
สาเหตุ
ปัจจัยสำคัญมักจะเป็นเรื่องของจิตใจ ได้แก่
1. การเลี้ยงดูผิดเพศ เนื่องจากพ่อแม่ไม่ทราบเพศที่แท้จริงของเด็ก
หรือไม่ต้องการเพศที่แท้จริงของเด็ก พวกลักเพศชายหลายคนเล่าว่า
เมื่อสมัยเป็นเด็กเขาถูกบังคับให้แต่งตัวเป็นเด็กหญิง
2. การประชดตัวเอง เช่น ผู้หญิงที่รูปร่างหน้าตาไม่สวย อาจประชดตัวเองโดยการแต่งตัวเป็นผู้ชาย
3. ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ลักเพศเกิดจากความกลัวจะถูกตอน ฉะนั้นผู้ชายจึงสร้างความมั่นใจให้ตัวเองว่า
จะไม่มีการตอน เพราะแม้แต่ผู้หญิงก็มีองคชาต โดยสรุปจากลักษณะของตัวเองที่แต่งตัวเหมือนหญิงและมีองคชาต
ปัจจัยทางร่างกายก็มีผู้คิดถึงกัน เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมนในระยะแรกของการตั้งครรภ์ เป็นต้น
แต่อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่นอน
แม้ว่าพวกลักเพศอาจจะมีชีวิตครอบครัวและชีวิตทางเพศเป็นปกติ แต่ก็มักจะมีบุคลิกภาพที่ไม่สมบูรณ์
เช่น เป็นคนไม่เปิดเผย ซึมเศร้า หรือระแวงสิ่งแวดล้อม มักจะมีความบกพร่องทางเพศกับเพศตรงกันข้าม
จึงใช้การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในขณะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของเพศตรงข้ามเพื่อให้ได้รับความสุขสุดยอด
ทางกามารมณ์ บางรายมีความสุขทางเพศกับส่วนของร่างกายของเพศตรงกันข้ามหรือวัตถุ หรือมีความสุขทางเพศ
จากการได้รับความเจ็บปวดด้วย
การรักษา
การรักษามักไม่ค่อยได้ผล ในปัจจุบันมีผู้พยายามใช้พฤติกรรมบำบัดชนิดอะเวอร์ชั่น เทอราปี
แต่ผลการรักษายังสรุปไม่ได้
ตัวอย่างผู้ป่วย
ผู้ป่วยชาย อายุ 65 ปี สมรสแล้ว เคยมีอาชีพเป็นกัปตันเรือหาปลา แต่ปัจจุบันเป็นยาม
รักษาความปลอดภัย มาพบแพทย์เพราะภรรยาไม่พอใจที่เขาชอบแต่งกายเป็นผู้หญิง
โดยทั่วไปถ้าไม่ได้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้หญิง ลักษณะภายนอกและกิริยาท่าทางของเขาก็เป็นผู้ชายเต็มตัว
และเขามีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับเพศตรงกันข้ามเท่านั้นเมื่อ 5 ปีก่อนเขาจะสวมเสื้อผ้าของหญิงไว้ภายใน
หรือใช้อาภรณ์ของหญิงซึ่งไม่สะดุดตา เช่น สวมกางเกงในของผู้หญิงหรือสวมแหวนแบบผู้หญิง เป็นต้น
และเขาชอบถ่ายรูปตัวเองขณะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้หญิงด้วย
ผู้ป่วยจำได้ว่าเขาสนใจเสื้อผ้าของผู้หญิงเมื่ออายุ 12 ปี โดยการเอาเสื้อกางเกงติดกัน
ของน้องสาวมาสวมใส่ และการกระทำเช่นนั้นทำให้เขาเกิดความตื่นเต้นทางเพศ ต่อมาเขาก็สวม
กางเกงในของผู้หญิงเป็นครั้งคราว ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้องคชตแข็งตัวทุกครั้ง
บางครั้งจะหลั่งน้ำกามโดยไม่ต้องทำอะไรเลยและบางครั้งเขาจะสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองไปด้วย
แม้ว่าบางขณะเขาจะนึกอยากเป็นหญิงแต่เขาก็ไม่เคยคิดฝันว่า ตนเป็นผู้หญิง เมื่อยังเป็นโสด
แม้ว่าเขาจะค่อนข้างขี้อายเกี่ยวกับเรื่องเพศแต่ก็เป็นที่ต้องตาต้องใจของหญิงสาวอยู่ไม่น้อย
เขาแต่งงานเมื่ออายุ 22 ปี และนั่นเป็นครั้งแรกที่เขามีเพศสัมพันธ์กับเพศตรงกันข้าม
ความต้องการที่จะสวมเสื้อผ้าของเพศหญิงมีมากขึ้นหลังจากผู้ป่วยแต่งงานแล้ว เริ่มเมื่ออายุ 45 ปี
หลังจากที่มีโอกาสแสดงแบบในนิตยสารฉบับหนึ่งซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับลักเพศ เพราะผู้ป่วยได้ทราบว่า
ยังมีคนอื่นอีกที่เป็นเหมือนเขา เขาหมกมุ่นกับเสื้อผ้าของผู้หญิงมากขึ้น และเริ่มแต่งตัวเป็นหญิง
อย่างสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งมีการเขียนจดหมายถึงพวกลักเพศด้วยกันผ่านทางนิตยสาร
และบางครั้งก็ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ของคนเหล่านี้ การแต่งกายเป็นเพศตรงกันข้ามในงานสังสรรค์
ของพวกลักเพศเป็นโอกาสเดียวที่เขากระทำนอกบ้าน
แม้ว่าผู้ป่วยจะยังมีความรับผิดชอบต่อชีวิตแต่งงานของตน แต่ในระยะ 20 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ทางเพศ
กับภรรยาก็ลดน้อยลงพร้อมกับมีความหมกมุ่นในกิจกรรมดังกล่าวมากขึ้น เมื่อแรกการแต่งกายด้วยอาภรณ์
ของเพศตรงกันข้ามให้ความเร้าใจทางเพศ แต่ต่อมาเมื่อความสนใจทางเพศลดลง อาการจะเกิดขึ้น
เมื่อเขามีความตึงเครียด มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดทางอารมณ์มากกว่าทางเพศ
บิดามารดาของผู้ป่วยนับถือศาสนาต่างกัน ผู้ป่วยเป็นลูกคนโตซึ่งใกล้ชิดและบูชาแม่มากที่สุด
แต่ขณะเดียวกันก็โกรธและเกลียดพ่อซึ่งประพฤติตนเป็นแมงดาและติดสุรา บิดามารดาทะเลาะกันเป็นประจำ
สร้างความสะเทือนใจให้ผู้ป่วยเสมอ ยิ่งกว่านั้นมารดายังเสียชีวิตตั้งแต่ผู้ป่วยอายุเพียง 10 ขวบ
ซึ่งทุกวันนี้เขายังน้ำตาไหลเมื่อพูดถึงการตายของมารดา เมื่อมารดาเสียชีวิตเขาและน้องๆ
ต้องแยกกันไปอยู่กับญาติ และบิดาแต่งงานใหม่ ต่อมาอีกไม่นานนักน้องชายของเขาก็ตกน้ำตายไปอีกคน
และเมื่อเขาอายุได้ 20 ปี บิดาก็เสียชีวิต เข้าใจว่าโดยการฆ่าตัวตาย
เนื่องจากชีวิตประสบกับความแตกแยกของครอบครัวตลอดวัยเด็ก ผู้ป่วยจึงประทับใจในความประพฤติ
ของภรรยาตลอดจนความสามารถของเธอในการดูแลลูกๆ และบ้านช่องอย่างเรียบร้อย ผู้ป่วยเล่าถึง
ความวิปริตทางเพศของเขาให้เธอฟังตั้งแต่แต่งงานกันใหม่ๆ และเธอก็ยอมรับปัญหานี้ได้เป็นอย่างดีตลอดมา
ตราบเท่าที่เขายังกระทำอย่างลับๆ เมื่อลูกๆ ยังอยู่ด้วยผู้ป่วยก็รู้สึกว่าเขามีเครื่องเหนี่ยวรั้งใจ
ไม่ให้กระทำอย่างเปิดเผย แต่เมื่อลูกๆ แยกบ้านไปเขาก็ขาดการยับยั้ง ทำให้ความขัดแย้งกับภรรยารุนแรงขึ้น
และตัวเขาเองก็รู้สึกเสียใจมากขึ้น
ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค
|