ไม่บ่อยครั้งนักที่จะเห็นประธานาธิบดีสหรัฐออกมากล่าวหรือถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่า
ประกาศถึงความสำเร็จผลงานที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือเศรษฐกิจนอกจากเรื่องของวิทยาศาสตร์
แม้จะมีข่าวเกี่ยวกับโคลนนิ่งหรือการทำสำเนาชีวิตได้ก็ไม่ออกข่าวเพียงแต่ให้ข่าว
แต่เกี่ยวกับเรื่อง HGP หรือ
Human Genome Project มีการประกาศถึงความสำเร็จ โดยป่าวประกาศไปทั่วโลกเมื่อ 26 มิ.ย.43 นี่เอง
และเปรียบได้กับยุคใหม่ของมนุษยชาติ ที่มนุษย์ได้ทำลายกำแพงความลับของชีวิตมนุษย์
ที่ตัวเราเองไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมมนุษย์ต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้
ในอดีตเป็นหน้าที่ของพระผู้เป็นเจ้าลิขิตมา แต่ ณ บัดนี้มนุษย์เริ่มรู้จักตัวเองแล้ว เพียงแต่ต้องค้นคว้าศึกษาอีกมาก
การที่มาถึง ณ จุดนี้เกิดจากการร่วมมือกันของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก โดยการสนับสนุนของรัฐบาลประเทศต่างๆ
จัดตั้งศูนย์ศึกษาหน่วยพันธุกรรมทั่วโลกเริ่มประมาณปี 1987 มี 3 ศูนย์กำหนดระยะเวลา 15 ปี
ด้วยเงินทุนมหาศาล 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำการศึกษาต่อเนื่องสิบกว่าปี
มีองค์กรเอกชนในสหรัฐอเมริกาได้ทำการศึกษาและแข่งขันกันปในทิศทางเดียวกันแล้ว
ก็ประสบผลในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
ทำไม DNA ถึงมีความสำคัญเพียงนั้น ? ก็ไม่ใช่เจ้า DNA ที่ประธานาธิบดีคนเดียวกันนี้
เกือบหลุดจากตำแหน่งเมื่อหลงลืมทำหล่นบนเสื้อผ้าเพศตรงกันข้ามหรอกหรือ ? แล้วก็เป็น DNA
นี่อีกที่ถูกประกาศว่า ทำให้มนุษย์สามารถจะล่วงรู้อดีตและอนาคตของตัวเองได้ และมนุษย์จะได้ประโยชน์จากความรู้นี้มากมาย
มารับใช้มนุษย์ในด้านการแพทย์ แต่ธรรมชาติไม่เคยมอบยาพิษโดยไม่มียาแก้พิษ
เพราะเมื่อพบประโยชน์ก็จะมีโทษแฝงมาด้วย HGP ก็เช่นกัน ประโยชน์ที่ได้มหันต์แต่ก็มีโทษที่แฝงมาอนันต์ทีเดียว
ชีวิตมนุษย์ที่สลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนปมมากมายนั้น ก่อกำเนิดมาจากอนุมูลสารเคมีเพียง 4 ตัวเท่านั้น
คือ Carbon, Oxygen, Hydrogen, และ Nitrogen ซึ่งตรงกับภูมิปัญญาไทยที่ว่าชีวิตกำเนิดมาจากธาตุทั้ง 4 คือ
ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เปรียบดินได้กับ Carbon น้ำเปรียบได้กับธาตุ Nitrogen และไฟเปรียบได้กับ Oxygen ซึ่งไวไฟ
และเป็นตัวเร่งการเผาผลาญ จะเห็นว่าบรรพบุรุษชาวไทยก็มีความคิดความชาญฉลาดไม่แพ้ฝรั่ง
แต่ผู้สืบทอดรุ่นต่อๆ มากลับไม่เอามาวิจัยศึกษาต่อ
ในสิ่งมีชีวิตจะมีโครโมโซม ซึ่งมีลักษณะคล้ายปาท่องโก๋คือ มี 4 ขา ใน 1 โครโมโซม มนุษย์มี 23 คู่โครโมโซม
โดย 1 คู่ จะเป็นโครโมโซมที่ควบคุมเกี่ยวกับเพศ โครโมโซมนั้นมนุษย์สามารถมองเห็นได้
ด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นปาท่องโก๋นั้นเกิดจากสายพันธุ์ยีน (Gene) ซึ่งเป็นกลุ่มของ DNA
(กรดไรโบนิวคลิอิค = Ribonucleic) รูปแบบต่างๆ มาต่อเรียงกันเป็นสายและบิดพันกันคล้ายกับเชือกมะนิลา
ตัวยีนนี่แหละเป็นตัวกำหนดพันธุกรรม หรือลักษณะของสิ่งมีชีวิต ในมนุษย์มียีน 70,000 ยีน
ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายให้มนุษย์ต้องมีขา 2 ข้างที่แข็งแรง มีแขนเหยียดตรง
มีตาอยู่ด้านหน้า 2 ดวง มีหูแบนราบกับกระโหลก ฯลฯ หรือต้นไม้ต้องมีเปลือกสีน้ำตาล
เมเปิลใบต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงในหน้าร้อน ปลาต้องมีครีบ ปลาลิ้นหมาต้องตัวแบน
ในยีนหนึ่งจะมีกรดไรโบนิวคลิอิคหลายชนิด ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการเรียงสลับไปมาของอนุมูล 4 ตัวเท่านั้น
คือ Adenin, Thynin, Cytosin และ Guanin แต่อนุมูล 4 ชนิดนี้ก็สามารถจะบงการชีวิตมนุษย์ทั้งชีวิต
ให้มนุษย์หกพันล้านคนไม่เหมือนกันเลย ถือเป็นความยอดเยี่ยมของธรรมชาติ
เป็นเวลาหลายล้านปีที่มนุษย์กำเนิดมาและเพิ่งจะ 10 กว่าปีมานี้เองที่มนุษย์เริ่มจะรู้จักตัวเองบ้าง
และเริ่มเก็บเกี่ยวเอาความอุตสาหะนี้มาใช้ประโยชน์กับตัวเองในด้านการแพทย์
โดยเฉพาะด้านการรักษาความเจ็บป่วยที่กำลังพัฒนากันมากคือ การดูแลรักษาโรคมะเร็ง
การปลูกถ่ายอวัยวะซึ่งมักก่อปัญหาแกว่งการแพทย์ในการปฏิเสธอวัยวะที่ปลูกถ่ายเข้าไปให้ผู้ป่วย
ปัจจุบันก็เริ่มมีเค้าความสำเร็จในการที่จะดูแลในประเด็น ดังกล่าวเพราะพบว่าที่ DNA ของโครโมโซมที่ 6
(มนุษย์มี 46 โครโมโซม มี DNA ประมาณ 3,100 ล้านหน่วย) เป็นบริเวณที่แสดงคุณสมบัติของการจดจำหรือไม่จดจำ
ควบคุมตัวเองได้หรือไม่ การรู้ตำแหน่งจำเพาะจะช่วยทำให้สามารถที่จะกระตุ้นหรือทำลายให้ยีนตำแหน่งนั้นทำงาน
หรือไม่ทำงานเพราะในขบวนการปลูกถ่ายอวัยวะนั้นระบบร่างกายของมนุษย์จะมีระบบภูมิคุ้มกันพื้นฐาน
ที่จะคอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาสู่ร่างกาย สิ่งแปลกปลอมนั้นหมายถึงสิ่งที่เม็ดเลือดขาว
ที่ไหลวนเวียนในกระแสโลหิต ซึ่งจะได้สัมผัสกับเนื้อเยื่อทุกส่วน มีระบบความจำเหมือนกัน
เซนเซอร์หรือเครื่องอิเลคโทรนิคตามเคาน์เตอร์คิดเงินของห้างสรรพสินค้าที่จะคอยจดจำบาร์โค๊ด
ของทุกเซลทุกเนื้อเยื่อไว้ได้
เมื่อมีการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น เปลี่ยนไตเกิดขึ้น เนื้อเยื่อไตใหม่ย่อมจะมีความแตกต่างจากเนื้อเยื่อของผู้รับ
แม้จะเป็นฝาแฝดก็ยังมีความแตกต่างซึ่งมีระบบตรวจสอบทางห้องปฏิบัติการถึงการเข้ากันได้
ของเนื้อเยื่อผู้ให้และผู้รับ ถ้าแตกต่างกันน้อยมากจึงจะปลูกถ่ายได้ แต่เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน
ก็แสนจะไวต่อความแตกต่างกรูกันเข้ามาล้อมทำปฏิกิริยาต่อต้านการอักเสบจนเกิดการปฏิเสธ
เนื้อไตนั้นก็จะวายต้องมีการคัดเลือดการเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้ในการปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ
จึงต้องมีระบบการเข้าชื่อรอเรียกกันยาว บางครั้งได้คิวต้นๆ แต่เนื้อเยื่ออาจจะเข้ากันไม่ได้
แต่คนคิวท้ายเนื้อเยื่อพอเข้ากันได้ก็ต้องหลุดคิวไป ถึงแม้จะมีความเข้ากันได้เมื่อปลูกถ่ายอวัยวะแล้ว
ก็ต้องได้รับการดูแลหลังปลูกถ่ายนานพอสมควร เพราะต้องให้ยากดภูมิต้านทานที่จะต่อต้านอวัยวะ
ซึ่งค่อนข้างแพงและใช้เวลา
จะเห็นว่าโดยพื้นฐานแล้วระบบต่างๆ ในร่างกายมนุษย์นั้นทำงานเป็นระบบชื่อตรงต่อหน้าที่
หน้าที่มีอย่างไรก็ทำอย่างนั้นไม่เบี่ยงเบน แม้จะเกิดประโยชน์แก่ตัวดังเม็ดเลือดขาวที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน
แต่ที่มนุษย์แสดงออกยังเห็นแก่ตัวถึงความคดโกง ไม่รู้ว่ามาจากยีนตัวไหน โดยเฉพาะยีนที่ชอบความรุนแรง
ชอบทุบตีม็อบ จับม็อบ แต่ที่ก้าวหน้าไปมากคือ การตัดต่อยีนที่นำไปใช้ในการสร้างวัคซีน ที่ประสบความสำเร็จมากคือ
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ
ในสาขามะเร็งวิทยานั้นมีความก้าวหน้ามากเช่นกัน เพราะพบว่าลายแทงพื้นฐานของมะเร็งอยู่ที่ DNA นั่นเอง
นักวิทยาศาสตร์ได้เร่งศึกษาความแตกต่างของพันธุกรรมเฉพาะหรือจีโนมของมะเร็งกับจีโนมปกติ
ซึ่งมะเร็งในมนุษย์มีประมาณ 200 กลุ่มนั้น ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์สามารถค้นพบจีโนมมะเร็งประมาณ 100 ชนิด
ที่พัฒนาไปมาก คือจีโนมของมะเร็งเต้านม ซึ่งในประเทศตะวันตกมีอุบัติการสูงมาก ในสตรีสหรัฐอเมริกา 1 ใน 9 คน
จะเป็นโรคมะเร็งเต้านม
ได้มีการศึกษาคำนวณตำแหน่งที่แน่นอนและได้ตั้งชื่อเสียงเรียงนามไว้ว่า BRCA1 และ BRCA2
สองตำแหน่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง และปัจจุบันสามารถพัฒนาการตรวจหาความผิดปกติของตำแหน่ง
ดังกล่าวนี้ได้ ปัจจุบันพบว่าสตรีบางคนเข้ารับการผ่าตัดเต้านมโดยยังไม่เป็นมะเร็ง แต่ตรวจพบว่า
มีจีโนมที่บ่งบอกความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง จึงเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมเพราะมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็ง
ที่ลึกลับซ่อนเร้นแอบซ่อนได้เก่ง แม้เต้านมจะเป็นอวัยวะภายนอกที่ตรวจตราได้ง่าย การชัณสูตรโรคก็มีหลายวิธี
แต่ก็ยังสามารถเล็ดลอดจนก่อมะเร็งได้ ทำให้ปัจจุบันมะเร็งเต้านมจึงเป็นมัจจุราชสำคัญของหญิง
ทางประเทศตะวันตกที่พัฒนาแล้ว
แม้อดีตภรรยาประธานาธิบดีสหรัฐท่านหนึ่งยังหลีกหนีโรคนี้ไม่พ้น ภรรยาของนักร้องก้องโลกสี่เต่าทอง
หรือ The Beatle ท่านหนึ่งก็เสียชีวิตจากโรคนี้ ซึ่งทั้งสองท่านนั้นสามารถใช้เทคโนโลยีขั้นสูงทุกอย่าง
ที่มีก็ยังไม่สามารถหลีกหนีโรคนี้ ทั้งนี้เพราะพระเจ้ากำหนดมาแล้ว โดยอยู่ในรูปของจีโนม BRCA1, BRCA2
แม้มนุษย์จะสามารถทำแผนที่พันธุกรรมหรือเรียงลำดับจีโนมได้ แต่ก็ยังมีงานที่จะต้องศึกษาค้นคว้าอีกมาก
เพราะมี DNA อยู่ถึง 3,100 ล้านหน่วย และภายใน DNA นั้นยังประมาณการว่ามีพันธุกรรมประมาณ 50,000 หน่วย
เป็นส่วนที่แสดงการสืบทอดจากพ่อและแม่ แต่ละหน่วยจะเป็นตัวบอกว่าเซลล์ต่างๆ
จะทำงานอย่างไรตลอดชั่วชีวิตของคนเรา ถ้ามีการขาดหายไปหรือมีหน่วยพันธุกรรมที่ผิดแผกไป
แม้เพียงการเรียงสลับอนุมูลทั้ง 4 ผิดลำดับเพียงหน่วยเดียวก็จะนำไปสู่การเกิดโรคได้
โรคทาลาสซีเมียเป็นโรคความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ซึ่งมีแฝงในประชากรคนไทยทั้ง 40 เปอร์เซ็นต์
ทำให้โอกาสที่สามีภรรยาจะมีจีโนมผิดปกติแฝงเร้นอยู่สามารถถ่ายทอดมาสู่ลูก ซึ่งมีโอกาสสูงพอสมควร
ในคนไทยจากพ่อและแม่มาสู่ลูกชนิด Two in One ก็เลยแสดงฤทธิ์เดชเป็นโรคทาลาสซีเมียชัดเจน
ตับโต ม้ามโต ตัวแคระแกรน เม็ดเลือดแดงเปราะ ต้องถ่ายเลือดบ่อยๆ และอายุจะสั้น หรือที่มีข่าวบ่อยๆ
ตามหน้าหนังสือพิมพ์ที่ทั้งครอบครัวเป็นอัมพาตคือ กล้ามเนื้อลีบฝ่อนั้นเอง
ที่กำลังฮิตและฮอต คือโรคไขมันในเลือดสูงปรากฏว่าเป็นกันทั้งครอบครัวชนิดนี้
ปัจจุบันพบว่าเกิดจากจีโนมที่อยู่บนโครโมโซม 19 เกิดความผิดปกติ โรคนี้จะพบว่า
เป็นสภาวะผิดปกติมี Cholesterol ในกระแสโลหิตสูงทั้งครอบครัว ถ้าไม่ได้รับการรักษา
มักจะจบลงด้วยเส้นเลือดหัวใจตีบและเสียชีวิต ปัจจุบันยังพบว่ามีความผิดปกติของจีโนมบนโครโมโซม
ที่ควบคุมแทน คือ โครโมโซม X ซึ่งจะพบได้ในเพศชายโดยอัตรา 1 ใน 3,500
การศึกษาในสาขาพันธุกรรมเจริญควบคู่ไปกับ Genetic Engineer หรือวิศวพันธุกรรมคือ
การตัดแต่งยีนซึ่งในอนาคตเมื่อรู้ตัวตำแหน่งที่ควบคุมการทำงานของยีนระดับต่างๆ แล้ว
ก็จะสามารถหาความผิดปกติซึ่งการแก้ไขให้ตำแหน่งของ Gene นั้นเข้าสู่ปกติต้องอาศัยการจัดลำดับอนุมูล
กรดนิวคลิอิคหรือ DNA โดยอาศัยความรู้ทาง Genetic Engineer ซึ่งเป็นวิชาความรู้สาขาใหม่
เป็นเครื่องมือของวิศวแขนงหนึ่งที่อาจจะเป็นไวรัสหรือจุลินทรีย์หรือปฏิกิริยาเคมีแทนเครื่องจักรกล
ในอนาคตมนุษย์อาจจะอายุยืนเกินศตวรรษได้ แต่จะต้องกลายเป็นคนตกงานตลอดชีวิต
ต้องอาศัยสวัสดิการของรัฐหรือภาระสังคม ซึ่งเป็นผลด้านลบของการศึกษา HGP และเมื่อสำเร็จบริบูรณ์แล้ว
อนาคตของมนุษย์จะไม่ต้องอาศัยหมอดู โหราจารย์ หรือยิบซีอีกต่อไป เพียงเลือดเดียวหรือผมเส้นเดียว
ความลับของอนาคตก็จะถูกเปิดเผย
ต่อไปอนาคตของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเฉลียวฉลาดหรือคุณวุฒิเพราะการคัดเลือกบุคลากร
จะกำหนดด้วย HGP ความหลากหลายของกระแสชีวิตในสังคมจะหมดไป คนที่มีความบกพร่องในพันธุกรรม
จะกลายเป็นผู้ด้อยโอกาสไปทันที บริษัทประกันจะไม่รับเข้าเป็นลูกค้า บริษัทจะไม่รับเข้าทำงาน
มนุษย์จะสูญเสียโอกาสตั้งแต่เกิดออกมา ในอนาคตโลกจะมีมนุษย์เหลือเพียงเผ่าพันธุ์เดียว
และในที่สุดก็จะสูญพันธ์ไปจากโลก
นพ.วีระ สุรเศรณีวงศ์
|