เป็นเวลา 5,000 ปีแล้ว ที่หมอแผนโบราณจีนใช้สมุนไพรบำบัดอาการไอ หืด และภาวะภูมิแพ้ต่างๆ 
ปัจจุบันนี้จึงมีการใช้แป๊ะก๊วยในทวีปยุโรปอย่างแพร่หลายเพื่อหวังผลทำให้เลือดลมเดินดี 
ความคิดความอ่านตลอดจนความจำดีขึ้น อีกทั้งชะลอการแก่และป้องกันมะเร็งซึ่งนับเป็นเรื่องน่าสนใจ
ที่มนุษย์ใช้ประโยชน์จากพืชที่เก่าแก่ก่อนยุคไดโนเสาร์ครองโลกเสียอีก 
 ถ้าเปิดเข้าไปดูในอินเตอร์เน็ตจะเห็นการโฆษณาขายแป๊ะก๊วยกันอย่างโจ๋งครึ่ม 
โดยอ้างว่าช่วยทำให้ 
- สติปัญญาดีขึ้น
 - เพิ่มการไหลเวียนของเลือดและออกซิเจนสู่สมอง
 - เสริมความจำและความคิดแจ่มใส
 - เพิ่มเลือดหล่อเลี้ยงแขนขา
 - เพิ่มพลังงานและความแข็งแกร่งของร่างกาย 
 - เสริมอารมณ์และความรู้สึกที่ดีขึ้น 
   
แล้วก็ขายเสียแพงเชียวเช่น ขวด 50 แคปซูลราคา 8.50 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 300 บาท) 
บางเจ้าก็ผสมผสานแป๊ะก๊วยเข้ากับธาตุบางชนิดตลอดจนสารอาหารละเอียดบางอย่าง
โดยสั่งให้รับประทาน 2 แคปซูลตอนเช้า หรือ 1 แคปซูลวันละ 3 เวลา โดยแนะนำให้รับประทาน
พร้อมกับวิตามินและแร่ธาตุรวมอีกด้วย 
 แป๊ะก๊วย (Ginko biloba) ที่เขานำมาสกัดใช้คือ ส่วนของใบ โดยมีกระบวนการสกัดที่ยาวนาน
จนได้สารที่มีชื่อว่า Ginko flavone glycoside (bioflavanoids) และ terpene lactones เป็นตัวยาออกฤทธิ์ 
 บางบริษัทแนะนำให้ใช้สมุนไพรสกัดนี้ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ระยะแรกๆ 
หรือคนสูงอายุที่เริ่มหลงลืม หรือแม้ในผู้ชายที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศเนื่องจาเส้นเลือดแดงตีบตัน 
โดยอ้างว่า สารกสกัดจากแป๊ะก๊วยนี้ช่วยเพิ่มเลือดไหลเวียนไปยังสมอง โดยสกัดกั้นการเกาะกลุ่มกัน
ของเกล็ดเลือดตลอดจนเสริมความยืดหยุ่นของเส้นเลือดแดง นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นด้วย 
 ปัญหาคืองานวิจัยที่แสดงผลดีของแป๊ะก๊วยนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับของวงการประสาท
แพทย์ที่ดูแลคนไข้โรคอัลไซเมอร์เท่าไรนักโดยอ้างว่าไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการวิจัย 
ข้อสำคัญคือมีบทความแสดงสรรพคุณโดยอ้างถึงประสบการณ์ผู้ใช้เพียง 1-2 คน 
แล้วก็เหมาะว่าจะดีกับทุกคน 
 อย่างไรก็ตาม ประเด็นความจำเสื่อมเป็นเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปสนใจใคร่จะกำจัด 
ทำให้สถิติการจำหน่ายแป๊ะก๊วยพุ่งสูงขึ้นทุกปีอย่างในปี 2540 เฉพาะที่สหรัฐอเมริกา
ขายได้ถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3,800 ล้านบาท) 
 ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะควักกระเป๋าซื้อแป๊ะก๊วยไปรับประทานบ้างนั้นควรพิจารณาตรวจสอบดูว่า
มีมาตรการง่ายๆ อื่นๆ ที่ควรคำนึงถึงก่อนหรือไม่ เช่น ยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำอาจทำให้ขี้ลืมได้ 
เป็นฤทธิ์ข้างเคียง เช่นยากลุ่มปิดกั้นเบต้า ที่ใช้ในการบำบัดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูง 
ยาต้านการซึมเศร้ากลุ่ม tricyclic ยากล่อมประสาทกลุ่ม benzodiazepines และยานอนหลับบางขนาน 
 และถ้าจะให้ดีควรปรึกษาคุณหมอเจ้าประจำเสียก่อนเพราะค่ายาแป๊ะก๊วยก็ออกจะแพง 
ไม่ควรใช้จ่ายเงินที่หามาได้ยากเย็นแสนเข็ญในยุคไอเอ็มเอฟนี้โดยไม่คำนึงถึงความคุ้มค่า 
 มาตรการเสริมพลังสมองที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมีอาทิ เช่น  
1. ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต การนอนให้เพียงพอคืนละ 8 ชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
ร่วมไปกับการทำสมาธิ โยคะ หรือออกกำลังกายแอโรบิคจะช่วยลดความเครียดในอารมณ์เป็นอย่างดี 
จัดลำดับของสิ่งที่ควรจำเป็นประการต้นๆ แล้วใช้เครื่องช่วยเช่นจดบันทึก ปฏิทิน 
ผู้ช่วยเตือนความจำ เป็นต้น 
 2. แม้ว่าแป๊ะก๊วยจะไม่เคยแสดงว่าช่วยให้คนปกติมีความจำดีขึ้น แต่คนขี้ลืมก็ไม่ฟังเสียง 
ไปหาซื้อมาใช้ ลำดับแรกจึงควรงดเสียเงินถ้าท่านมีความจำอยู่ในเกณฑ์ปกติ 
สารที่ช่วยความจำได้ก็พอมีอาทิเช่น 
- phosphatidylserine ซึ่งเป็นไขมันที่ร่างกายสร้างได้เอง แต่มีคนสกัดจาก lecithin 
ของถั่วเหลืองมาจำหน่าย 
- วิตามินอี วันละ 2,000 หน่วย (IU) 
- ไอบูโปรเฟน (ibuprofen) แอสไพริน หรือยาต้านการอักเสบ 
ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ 
 
3. ฝึกสมองเพื่อเสริมความจำเช่น เล่นปริศนาอักษรไข้ว 
 
ข้อสำคัญให้ทำใจไว้ด้วยว่า แม้คนหนุ่มสาวอายุ 20 ปี ยังลืมโน่นลืมนี่ได้ตลอด 
โดยพวกเขาไม่เห็นจะต้องกลัวการเป็นโรคอัลไซเมอร์ คราวต่อไปถ้าท่านจะออกจากบ้าน
แล้วนึกไม่ออกว่าวางกุญแจรถไว้ที่ไหนก็ลองผ่อนคลายหายใจเข้าออกลึกๆ และยักไหล่เดินกลับเข้าบ้าน
ไปเล่นปริศนาอักษรไข้วเพลินไปเลยก็ไม่ผิดกติกาอะไร 
กองบรรณาธิการ
  |