มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



ยาแท้ง RU-486 ในสังคมไทย

วรากรณ์ สามโกเศศ

การอนุมัติให้มีการขายยาที่ทำให้เกิดการแท้งอย่างสะดวกด้วยการกินยาดังที่มีชื่อว่า RU486 โดย FDA (FOOD AND DRUG ADMINISTRATION) โดยสหรัฐอเมริกาเมื่ออาทิตย์ก่อนนี้ เชื่อได้ว่าจะมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนวัยหนุ่มสาวไทยและทั่วโลกเป็นอย่างมากในเวลาข้างหน้า

ข้อถกเถียงเรื่องการทำแท้งมีในโลกมานับพันปี ความเห็นทางศาสนาทั่วโลก ประณามการทำแท้งว่าเป็นสิ่งไม่ดี ผิดศีลธรรม จรรยา เป็นบาปที่ไม่พึงกระทำ และดูจะเห็นพ้องต้องกัน อย่างไม่มีใครกล้าโต้แย้งเพราะเกรงว่าจะเป็นคนนอกศาสนา เป็นคนไร้ศีลธรรม อย่างไรก็ดีในราว 30 ปี ที่ผ่านมา ความเห็นเป็นเอกฉันท์ในเรื่องดังกล่าวก็เริ่มเปลี่ยนไป

ในประเทศโลกตะวันโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้นำความเห็นของโลก ในขอบเขตหนึ่ง ได้เกิดขบวนการที่เรียกว่า PRO-CHOICE (สนับสนุนการเลือก) โดยโต้เถียงว่า การท้องเป็นเรื่องส่วนตัว เด็กที่อยู่ในครรภ์เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะสตรี ดังนั้นเจ้าของร่างกาย ควรมีสิทธิที่จะเลือกให้เด็กอยู่ในครรภ์ต่อไปหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นจะมาบอกให้ห้ามทำแท้ง

ถ้าเด็กในครรภ์เกิดขึ้นมาแล้วเป็นปัญหาของตัวเขาๆ ก็ควรจะมีสิทธิในการเลือก กลุ่ม PRO-CHOICE บอกว่า "ไม่มีผู้หญิงคนไหนจะเรียกตัวเองได้ว่ามีอิสระ ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของและสามารถบังคับ ร่างกายของตนเองได้"

สำหรับกลุ่มตรงข้ามที่เรียกว่า PRO-LIFE (สนับสนุนชีวิต) นั้นถกเถียงว่าเด็กในครรภ์เป็นสิ่งที่มีชีวิต ที่ต่อไปจะออกมาเป็นมนุษย์ เป็นสมาชิกของมนุษยชาติ มิใช่เป็นเพียงอวัยวะชิ้นหนึ่งธรรมดา การที่ใครคนหนึ่งทำทารุณกรรมหรือฆ่าสัตว์เลี้ยงในบ้านเขาเอง หรือทารุณโหดร้ายกับลูกของเขาเอง เรายังไม่ยอมเพราะเป็นความป่าเถื่อนและผิดกฎหมาย และนี่เป็นการฆาตกรรมทารกในครรภ์ที่ไม่รู้เดียงสา และนี่เป็นการฆาตกรรมทารกในครรภ์ที่ไม่รู้เดียงสา ไม่มีสิทธิต่อสู้แต่อย่างใด เราจะยอมกันได้อย่างไร

อย่างไรก็ดี ถึงแม้สองกลุ่มนี้ในสหรัฐอเมริกา จะมีเสียงก้ำกึ่งกันก็ตามแต่ในสังคมทั่วไปของสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่โลกแล้วการทำแท้งของแพทย์ไม่ใช่สิ่งที่แพทย์กล้าแสดงความภาคภูมิใจที่จะเล่าให้ใครฟังแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นก็ตาม เราคงต้องยอมรับกันว่าถ้าไม่มีแพทย์เหล่านี้โลกเราจะวุ่นวายและมีปัญหากว่านี้

ในบ้านเรากฎหมายยอมรับให้ทำแท้งในกรณีที่แม่ถูกข่มขืน หรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของแม่ซึ่งข้อความหลังนี้เป็นเกราะป้องกันได้พอควร สำหรับแพทย์ที่เต็มใจทำแท้งให้ แต่แพทย์จำนวนไม่น้อยก็ปฏิเสธที่จะทำ

อย่างไรก็ดีด้วยจำนวนประชากรไทยและดีกรีของความอิสระเสรีทางเพศที่พุ่งสูงขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา การทำแท้งในบ้านเราก็ดำเนินไปอย่างเป็นล่ำเป็นสัน คาดว่าไม่ต่ำกว่าปีละหลายแสนรายด้วยแพทย์ที่มีความรู้ และหมอเถื่อน (ดังที่เห็นโฆษณาในหนังสือพิมพ์ที่ใช้คำว่า คลินิกรักษาปรึกษาวางแผนครอบครัว) ซึ่งเชื่อได้ว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อย

ยา RU-486 ที่เพียงกินก็ช่วยให้เกิดการแท้งได้อย่างสะดวกนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อ DE.ETIENNE-EMILE BAULIEU เป็นผู้ที่คิดค้นได้ตั้งแต่ปี 1980 บริษัทยาฝรั่งเศสชื่อ ROUSSEL-UCLAF (RU) เป็นผู้ผลิตโดยได้รับการอนุมัติให้ขายในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1988

RU-486 หรือชื่อทางการว่า MIFEPRISTONE ทำหน้าที่ไปขวางกั้นฮอร์โมนธรรมชาติ PROGESTERONE ซึ่งจำเป็นต่อการดำรงอยู่ของครรภ์ เมื่อไม่มีฮอร์โมนนี้ออกมาการมีครรภ์ก็สิ้นสุดลง

ยานี้ใช้ได้เฉพาะภายในเวลา 40 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนของวงจรประจำเดือนครั้งสุดท้าย (หรือพูดง่ายๆ ว่าใช้ได้เฉพาะกับท้องอ่อนๆ ประมาณหนึ่งเดือนเศษๆ เท่านั้น) การใช้ก็คือกินยานี้ 3 เม็ด และอีก 48 ชั่วโมงต่อมากินยาที่มีชื่อว่า MISOPROSTOL อีก 2 เม็ด

ยา RU-486 สามเม็ดแรกจะทำให้การมีครรภ์สิ้นสุดลง ส่วนยา 2 เม็ดหลังจะทำให้มดลูกหดตัว ผลักตัวอ่อนที่เกาะติดผนังมดลูกออกมา โดยจะมีผลภายใน 4 ชั่วโมง วิธีการของ FDA ก็คือ 3 เม็ดแรก กินต่อหน้าหมอ ส่วนอีก 2 เม็ดกินที่บ้าน และเมื่อการผลักดันตัวอ่อนจบสิ้นลงก็มาให้หมอตรวจอีกครั้งหนึ่ง

ในยุโรปมีกรณีที่ทำแท้งแบบนี้แล้ว 500,000 ราย โดยเชื่อว่าไม่มีผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ส่วนการทดลองของ FDA เป็นเวลา 7 ปีกับ 10,000 กรณี พบว่าเทคนิคนี้มีประสิทธิภาพถึงร้อยละ 92-97 ของกรณีทำแท้งทั้งหมด กรณีที่ไม่ประสบผลสำเร็จต้องทำแท้งด้วยวิธีการปกติในปัจจุบันที่หมอต้องลงมือทำเอง เช่น ฉีดยาให้มดลูกรัดตัว ใช้ของเหลวถ่ายผ่านเข้าไปในมดลูก ฯลฯ

ผลข้างเคียงของยาเหล่านี้ก็ได้แก่ ความเจ็บปวดจากการที่มดลูกรัดตัว เลือดออกมาก ปวดท้องคลื่นไส้ อาเจียน เป็นลม ฯลฯ กล่าวสั้นๆ ได้ว่าเป็นวิธีการทำแท้งครรภ์อ่อนๆ ที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูง

การอนุมัติของ FDA ครั้งนี้เป็นผลพวงของการต่อสู้ของกลุ่ม PRO-CHOICE ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ที่ต้องการให้มีการใช้ RU-486 ในสหรัฐอเมริกา ในปี 1989 ประธานาธิบดีบุช แบบการนำเข้ายานี้จากยุโรป ต่อมาอีก 4 ปี ประธานาธิบดีคลินตันยกเลิกการห้ามนำเข้าและให้มีการทดลองได้

สงครามเรื่องการทำแท้งในสหรัฐอเมริกานั้นน่าสนใจมาก ถึงแม้ในปี 1973 ศาลสูงจะยอมให้มีการทำแท้งได้ภายใต้เงื่อนไขกฎเกณฑ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วหมอเถื่อนก็มีมากมาย เพราะมีแพทย์ไม่มากที่กล้าทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากกลุ่ม PRO-LIFE นั้นหมายหัวไว้ จะเอาชื่อประจานมีกระทั่งการฆาตกรรมแพทย์หลายรายที่ทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย ดังนั้น การอนุมัติของ FDA ครั้งนี้ที่เพียงการกินยาก็ก่อให้เกิดการแท้งได้จึงถือได้ว่าเป็นกิจสำคัญ ของกลุ่ม PRO-CHOICE

การที่ยานี้จะต้องได้รับอนุมัติจากแพทย์เป็นกรณีไป ทำให้กลุ่ม PRO-LIFE บอกว่าจะตามดูว่า แพทย์คนใดให้ยานี้ จะนำมาแฉให้คลินิกไม่มีคนเข้า แต่กลุ่ม PRO-CHOICE เชื่อว่าการให้ยา กับการลงมือทำแท้งนั้นต่างกันมาก และจะทำให้การทำแท้งมีความปลอดภัยขึ้นมาก

สำหรับบ้านเราถึงแม้ผู้เขียนจะมิได้อยู่ในวงการทำแท้งแม้แต่น้อยนิดและก็ไม่เคยท้องด้วย ก็คาดเอาได้ว่า RU-486 คงมีการใช้กันอย่างลับๆ อยู่บ้างแล้วจากการลักลอบเข้ามาจากยุโรป แต่ก็คงไม่แพร่หลายนัก เพราะยานี้มีข้อจำกัดในเรื่องอายุของครรภ์ (ในฝรั่งเศสที่มียานี้ใช้มากกว่า 2 ปี ก็มีการใช้ยา RU-486 เพียงร้อยละ 16.3 เท่านั้นเอง ที่เหลือก็ใช้วิธีการที่หมอลงมือทำแท้ง) และคงมีราคาแพงเนื่องจากผิดกฎหมาย

การอนุมัติ RU-486 ของ FDA ครั้งนี้จะมีผลทำให้มีการใช้ยานี้แพร่หลายมากขึ้นในบ้านเรา และอีกหลายประเทศในโลกที่มีสัมพันธ์ทางธุรกิจ การค้าและวัฒนธรรมกับสหรัฐอเมริกา ประการสำคัญก็คือเมื่อมีตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นตลาดใหญ่มาก ต้นทุนการผลิตก็จะลดลงไป เนื่องจากประโยชน์จากขนาดการผลิต (ECONOMY OF SCALE)

ประวัติศาตร์ของการอนุมัติยาในประเทศกำลังพัฒนาโยงใยหรือตามหลักการอนุมัติของ FDA อยู่มาก ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าในเวลาอีกไม่นาน RU-486 ก็จะได้รับอนุมัติในไทยด้วยเช่นกัน และผลพวงที่จะเกิดตามมาก็คือ การทำแท้งจำนวนหนึ่งจะเกิดขึ้นด้วย RU-486 ซึ่งถือได้ว่าเป็นจำนวนที่หลุดพ้นจากเงื้อมมือของหมอเถื่อน ที่ก่อให้เกิดอันตรายอยู่บ่อยๆ ผู้ต้องการทำแท้งจำนวนนี้จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ทั้งในรูปราคาและคุณภาพ

อย่างไรก็ดี เชื่อได้ว่าการลงมือทำแท้งของแพทย์ทั้งเถื่อนและไม่เถื่อนด้วยวิธีการดั้งเดิมก็จะยังคงอยู่ แต่จะลดจำนวนลงไปเมื่อเทียบกับกรณีของผู้ใช้ RU-486 หรือไม่ ขึ้นอยู่กับดีกรีของการได้รับข่าวสาร จากประโยชน์ของ RU-486 และเงื่อนไขประกอบในเรื่องอายุของครรภ์

คงไม่มีใครอยากบากหน้าเข้าไปทำแท้งแบบทั้งเดิมกับคลินิกเถื่อนหรือกับโรงพยาบาลหรอก หากรู้ว่ามียา RU-486 ให้กินอยู่ในราคาพอควรที่คลินิกของหมอปกติหรือแม้แต่คลินิกเถื่อน เพียงแต่ว่าต้องเป็นครรภ์ที่มีอายุเดือนเศษๆ เท่านั้น ดังนั้นหน้าที่กระจายข่าวสารดังกล่าวอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อ RU-486 แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยในเวลาข้างหน้า

RU-486 นี่ไม่ใช่ยาวิเศษ แก้ไขปัญหาชีวิต เพียงแต่เป็นยาช่วยแก้ปัญหาในระดับหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้ว่ามนุษยชาติจะรังเกียจการทำแท้งและลึกๆ แล้วไม่สบายใจแต่ในโลกแห่งความเป็นจริง มนุษย์ส่วนใหญ่เป็นนักปฏิบัติ (REALIST) ที่รู้ว่าถึงอย่างไรก็มีการทำแท้งในที่ลับอยู่มากมายแล้ว ภายใต้การตัดสินใจของแต่ละคน ดังนั้นการช่วยทำให้การทำแท้งปลอดภัย ไม่ถูกหาประโยชน์อย่างผิดๆ น่าจะเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่าการหลับตาข้างเดียว และเห็นภาพที่น่าเกลียดจากการ ถูกเอาเปรียบและความไม่รู้

สำหรับกลุ่ม PRO-CHOICE แล้ว RU-486 คือสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงมีดีกรีของความเป็นเจ้าของ และสามารถบังคับชีวิตและร่างกายของตนเองเพิ่มขึ้น แต่สำหรับกลุ่ม PRO-LIFE แล้ว RU-486 คือ HUMANPESTICIDE (ยาฆ่ามนุษย์แบบยาฆ่าสัตว์ที่มนุษย์รำคาญไม่ต้องการ) และเป็นชุดเครื่องมือทำแท้ง ด้วยตนเอง (DO-IT-YOURSELF ABORTION KT)

ไม่ว่าแต่ละฝ่ายมีความเห็นสุดโต่งอย่างไรก็ตาม ทางออกที่จะประนีประนอมความคิดของคนสองกลุ่มนี้ ได้ดีที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้ท้อง (CONTRACEPTION) ซึ่งเป็นทางออกที่มีต้นทุนถูกที่สุด และปวดร้าวน้อยที่สุด

แต่แค่นี้มนุษย์ที่ชอบเล่นกับไฟจำนวนมากก็ยังไม่มีปัญหา

(update 13 ตุลาคม 2000)


[ ที่มา... หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน   วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600