โกวิท วงศ์สุรวัฒน์
ความจริงศัพท์ 2 คำนี้ คือ การทำแท้งกับการคุมกำเนิด ดูเผินๆ แล้วก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
คือการทำแท้ง ก็คือ การเอาลูกอ่อนในครรภ์ (fetus) ออกก่อนกำหนดคลอดโดยไม่มีชีวิต
ส่วนการคุมกำเนิด คือ การทำวิธีการต่างๆ ที่ไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมา
ตอนนี้รัฐบาลฝรั่งเศสได้อนุญาตให้มีการขายยาคุมกำเนิดที่ชื่อว่า Norbvo ได้ตามร้านขายยาอย่างเสรี
ใครจะซื้อก็ได้ ซึ่งยา Norbvo นี้รัฐบาลฝรั่งเศสแจกไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ
โดยให้พยาบาลของโรงเรียนแต่ละแห่งแจกให้กับนักเรียนที่มีปัญหาเรื่องจะตั้งครรภ์อีกทีหนึ่ง
เรื่องที่กำลังถกเถียงกันอยู่นี้คือยา Norbvo นี้เป็นยาเม็ดที่กินหลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วภายใน 72 ชั่วโมง
คือภายใน 3 วันนั้นแหละ บรรดาพวกที่เห็นชอบกับการใช้ยา Norbvo ก็บอกว่าเป็นยาคุมกำเนิด
เพราะไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้วยังไม่ได้ฝังตัวอยู่ที่ผนังของมดลูกก็ยังไม่ถือว่าตั้งครรภ์
แต่พวกที่ต่อต้านยาเม็ด Norbvo นี้ก็ได้ว่าเมื่อไข่ผสมกับเชื้ออสุจิแล้วก็ย่อมถือว่าตั้งครรภ์แล้ว
เพราะกินยา Norbvo เข้าไปก็เพื่อขับไข่ที่ผสมแล้วออกมานั่นเอง แล้วจะว่าไม่ตั้งครรภ์ได้อย่างไร
เพราะยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นเป็นยาที่ป้องกันไม่ให้มีการผสมกันระหว่างไข่สุกกับเชื้ออสุจิต่างหาก
ข้อขัดแย้งกันนี้ก็คล้ายกับพวกที่กินอาหารมังสวิรัติประเภทกินไข่ที่ไม่มีเชื้อได้
แต่ห้ามกินไข่ที่ผสมเชื้อแล้วนั่นเอง
ยาประเภท Norbvo นี้มีใช้กันมาร่วมสิบปีแล้วแต่เมื่อฝรั่งเศสได้เปิดเสรีให้ขายได้
โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์แล้ว ทำให้บรรดาประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับ
ยาประเภทกินทีหลังการมีเพศสัมพันธ์กันยกใหญ่โดยเฉพาะประเทศที่มีกฎหมายห้ามการทำแท้ง
เช่น เม็กซิโก บราซิล และเวเนวูเอลลาก็อนุญาตให้ใช้ยาคุมกำเนิด (?) แบบ Norbvo ได้เช่น กัน
สำหรับที่สหรัฐอเมริกาก็แอบใช้ยาประเภท Norbvo นี้มา 4 ปีแล้ว โดยสตรีที่ต้องการยาชนิดนี้
ไม่ต้องพบหมอ เพียงแต่ซื้อจากเภสัชกรเท่านั้น แต่ไม่ได้มีการโฆษณากันอย่างเปิดเผยเหมือนฝรั่งเศสเท่านั้น
ความจริงเรื่องการตีความคำศัพท์นี้ก็เป็นเรื่องราวใหญ่โตก่อนหน้านี้มาเหมือนกัน
ถึงเรื่องการทำแท้งนี่แหละ เพราะพวกที่ต่อต้านการทำแท้งอ้างว่าการทำแท้งคือการฆ่าคนตาย
ฆ่าเด็กทารกนั่นแหละ ส่วนพวกที่เห็นว่าการทำแท้งนั้นเป็นทางเลือกหนึ่งของสตรี ก็ได้ว่า
ตัวอ่อน (fetus) ในครรภ์นั้นยังไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิตโดยสมบูรณ์
ถ้าอ้างกันตามกฎหมายก็ถือว่าการที่เด็กทารกจะเป็นบุคคลได้ก็เมื่อได้คลอดออกมาแล้ว
เริ่มการตีความว่า fetus มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตโดยสมบูรณ์ก็ได้ การเถียงกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต
จนถึงขั้นกำหนดว่าถ้ายังเป็นก้อนเนื้อที่ยังไม่มีแขนขาก็ถึงว่ายังไม่ใช่สิ่งที่มีชีวิต ดังนั้นถ้าทำแท้งก่อนครรภ์
มีอายุ 3 เดือนก็ไม่เป็นไร จนถึงเรื่องว่าเมื่อเชื้ออสุจิผสมกับไข่สุกแล้ว ก็ถึงว่ามีชีวิตแล้วเลยละ
จนกระทั่งใน พ.ศ.2516 ศาลฎีกาสหรัฐได้พิพากษาคดี Roe V.Wade ที่ถือเป็นหลักการว่า
การทำแท้งโดยสตรีที่ตั้งครรภ์ปรารถนานั้นไม่ผิดกฎหมาย เพราะเป็นสิทธิอันชอบธรรมของสตรีผู้นั้น
แต่ผู้เดียวครับ ก็ร่วม 30 ปีมาแล้ว ส่วนบรรดาประเทศต่างๆ ในยุโรป เช่น ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี
นั่นการทำแท้งนั้นรัฐเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยซ้ำไป
สถิติของการทำแท้งเมื่อเทียบกันแล้วปรากฏว่าที่สหรัฐอเมริกามีสถิติการทำแท้งสูงกว่า
บรรดาประเทศในยุโรปตะวันตกมาก คือเทียบกันแล้วตามตัวเลขล่าสุดจาก World Health Organization (WHO)
ถึง พ.ศ.2538 ของสหรัฐอเมริกาสตรี 1,000 คน จะทำแท้ง 29.9 คน (สถิตินะครับถึงมี 0.9 คนได้)
ส่วนฝรั่งเศส 10.5 เยอรมนี 6.8 อิตาลี 6.3 สเปน 4.5 อังกฤษสูงหน่อย 18.5
เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น ทางการสหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้คนอเมริกันใช้ยาเม็ดทำแท้ง
ที่เรียกว่า RU 486 ได้หลังจากฝรั่งเศสได้คิดกันขึ้นมาได้ตั้ง 20 ปีแล้ว และในยุโรปก็ใช้ยาเม็ดทำแท้งนี้
มาสิบกว่าปีแล้ว ซึ่งผู้คนต่างเป็นห่วงเป็นใยกันว่าถ้ามียาเม็ดกินเองทำแท้งได้ ต่อไปคนก็ทำแท้งกันใหญ่
ศีลธรรมเสื่อมทรามอะไรทำนองนั้น
ท่านผู้อ่านเชื่อไหมครับว่า จากสถิติตัวเลขของผู้ทำแท้งในฝรั่งเศสช่วงสิบปีก่อนมียาเม็ดทำแท้ง
กับสิบปีหลังที่มีการให้ใช้ยาเม็ดทำแท้งแล้ว อยู่ในระดับเดียวกันครับ
การที่ผู้เขียนนำเรื่องการทำแท้งมาเขียนก็เนื่องจากอยากให้คนไทยเราเผชิญกับความจริง
เมื่อมีปัญหาก็ต้องสู้ปัญหา ไม่ใช่เสแสร้งว่าไม่มีปัญหา
เรื่องทำแท้งนี่ต้องพูดกันจริงๆ จังๆ เสียทีนะครับ
|