มาที่นี่ที่เดียว ได้อ่านบทความทางด้านการแพทย์ ภาษาไทย จากเกือบทุกโฮมเพจที่มีใน INTERNET
http://www.oocities.org/Tokyo/Harbor/2093/
จำสั้นๆ i.am/thaidoc



 ท้องแล้วหลุด

ขณะทำหน้าที่แจ๋วรับใช้สามีและลูก เธอเกิดปวดท้อง
ก็คิดว่าปวดถ่ายอุจจาระ ที่ไหนได้พอเบ่งก็มีถุงน้ำคร่ำหลุดออกมา
ทางช่องคลอด พร้อมทารกที่ยังมีชีวิตอยู่ภายใน
หมอบอกว่า เธอท้องแล้วหลุด เพราะปากมดลูกหลวมคราก !!

ฟังชื่อดูแปลกๆ จริงๆ แล้วผู้เขียนก็เพิ่งเคยได้ยินจากการซักถามประวัติของผู้ป่วย ที่มาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล

ในขบวนการฝากครรภ์โดยเฉพาะการฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น คุณแม่ที่เคยมีบุตรมาก่อน คงมีประสบการณ์เหมือนถูกหมอ "สอบ" ไม่มีคำว่า "สวน" แบบตำรวจสอบผู้ร้ายซึ่งมีทั้งสอบและสวน ทางการแพทย์ก็สอบและถามประวัติตั้งแต่ปัจจุบันย้อนไปหาอดีต บางกรณีไม่พอลามไปถึงปู่ย่าตายาย อาจจะถึงทวดหรือมากกว่า ถ้ามีกรณีสงสัย เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรมในครอบครัว ประวัติระดู เรื่องส่วนตัวล้วนๆ

ยิ่งถ้าเคยผ่านการคลอดบุตรมาก่อน ก็จะถูกซักเกี่ยวกับการคลอดที่ผ่านมาแทบจะทุกขั้นตอน ของการตั้งครรภ์ครั้งก่อนเท่านั้นไม่พอยิ่งขบวนการคลอดก็ยิ่งถูกซักไซ้ชอนไชมีคำถาม ที่อาจจะทำให้ผู้ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์แต่ได้ยินงุนงง เช่น น้ำเดินไหม คงงง ทำไมของเหลว อย่างน้ำเดินได้ ตกเลือด? น้ำหนักเท่าไร บวม? ปวดหัว ตามัว? (ยุค IMF ไม่น่าจะต้องถาม บางคนคงคิดอย่างนั้น) เคยแห้งไหม พ่อแม่เคยเป็นครรภ์แฝดไหม ถามลามไปถึงบุพการีเลยฯ

ที่หมอต้องถาม เน้นคำว่าต้องถามเพราะต้องการทราบประวัติศาสตร์การคลอด การเจริญพันธุ์ในครอบครัว เพราะการตั้งครรภ์การคลอด เป็นเหตุการณ์ที่มักจะซ้ำรอยประวัติศาสตร์ ถ้าพ่อแม่มีประวัติท้องแฝดโอกาสแฝดก็จะมีมาก การตั้งครรภ์ก็มักจะซ้ำๆ รอยเดิม ถ้าท้องก่อนๆ มีความผิดปกติท้องต่อมาก็อาจจะซ้ำรอยได้ เช่น โรคครรภ์พิษ เป็นต้น อุบัติการเกิดซ้ำจะสูง หรือการตกเลือดหลังคลอดก็เช่นกัน

ที่เป็นที่สนใจใคร่รู้ของคุณแม่คือ ความพิการของทารก หัวอกพ่อแม่ทุกคนก็ว่าได้คำถามแรก เมื่อทารกคลอดออกมาแล้วจะมีต่อหมอผู้ทำคลอดคือ "ครบไหมหมอ" หมายถึง อาการครบ 32 คือ ไม่มีความพิการ

ความพิการที่เคยเกิดในครอบครัวนั้นต้องทำการวิเคราะห์ความพิการว่า เป็นชนิดที่จะสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ เป็นชนิดที่ถ่ายทอดมากับพันธุกรรม หรือโครโมโซมบอกเพศหรือไม่ เพราะจะทำให้โอกาสเกิดการถ่ายทอดความพิการแตกต่างกัน

แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีทางพันธุวิศวกรรมก้าวหน้ามากเราสามารถเจาะเอาเซลล์ของทารก ไปตรวจหาพันธุกรรมได้ อาจจะจากสายสะดือทารก หรือจากชิ้นรกหรือจากน้ำคร่ำ แล้วแต่ความเหมาะสม ถ้าพบว่าพิการเด่นชัดจากการตรวจพบความผิดปกติของหน่วยพันธุกรรม ก็ต้องปรึกษาหารือกันระหว่างหมอและคนไข้ถึงการดูแลอาจจะต้องให้สิ้นสุดการตั้งครรภ์ หรือกล่าวให้เข้าใจง่ายคือทำแท้ง แต่ถ้าความพิการไม่มากไม่รุนแรง ก็อาจจะตั้งครรภ์ต่อ คลอดแล้วค่อยแก้ไขหรือบางชนิดก็แก้ไขรักษาขณะที่ทารกยังอยู่ในครรภ์ก็มี

ที่กำลังเร่งประชาสัมพันธ์ทำตามโรงพยาบาลของรัฐคือ โครงการตรวจค้นหาความผิดปกติ โรคธาลัสซีเมีย (Thallassemia) ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง ในประเทศไทย พบมากจนเป็นที่ที่แพทย์อื่นๆ ต้องมาศึกษาในประเทศไทย แต่เป็นการตรวจดักในพ่อแม่ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังคิดจะตั้งครรภ์ในโครงการนี้ เริ่มเมื่อไม่กี่ปีมานี้

อีกโรคของความผิดปกติที่รู้จักกันดีคือ โรคหนูดาวน์ หรือ Down's Syndrome คือโรคเชาว์ปัญญาต่ำ พบในแม่ที่ตั้งครรภ์อายุมาก อายุเกิน 37 ปีขึ้นไปจะพบมาก แต่ตรวจพบได้โดยการตรวจหา หน่วยพันธุกรรมผิดปกติจากเซลล์ทารกในน้ำคร่ำหรือจากแหล่งดังกล่าวข้างต้น ปัจจุบันทำหัตถการตรวจนี้มากผิดปกติเพราะคุณแม่มักจะท้องตอนอายุมากแต่งงานช้าแล้วยังอั้นคุมกำเนิดอีก โดยเฉพาะในยุค IMF มีผลชัดเจนมาก การมีลูกในยุค IMF ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะโอกาสตกงานสูงมาก

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งมาพบปรึกษาเรื่องภรรยาสงสัยจะท้องเพราะขาดระดู ด้วยท่าทางกังวลมากผิดปกติซักถามไปได้ความว่าทำงานธนาคารเดียวกันทั้งคู่ และธนาคารกำลังมีการปลดพนักงาน และทั้งคู่ก็ระดับงานเท่าๆ กัน ถ้าออกก็คงต้องถูกออกทั้งคู่ ปรากฏว่าโชคดีถึงกับไชโยเมื่อตรวจพบว่าไม่ตั้งครรภ์ที่ระดูขาดหายไปนั้นเพราะความเครียด วิตกกังวลก็เรื่องลูกเต้าซึ่งมี 2 คนแล้ว กำลังกินกำลังเรียน ทั้งภาระบ้าน ภาระรถ ตามปกติของสังคมเมืองใหญ่ คุณผู้ชายถึงกับถอนหายใจและระบายให้ฟังเป็นปรัชญาว่า "เมื่อมีภรรยาถึงรู้ว่านรกมีจริง แต่พอมีลูกแล้วก็รู้ว่ามีหลายขุม" นี่คงเพราะมีเมียน้อย ถ้ามีมากคงไม่เช่นนี้ อาจจะกลายเป็น มีภรรยาถึงรู้ว่าสวรรค์มีจริง พอมีลูกเลยได้รู้ว่า สวรรค์มีหลายชั้น

นอกจากได้ปรัญาชีวิตแล้วในคู่นักธนาคารนี้ ได้ทราบถึงคำที่นำมาจั่วหัวเรื่องนี้ คือ "ท้องแล้วหลุด" คุณเธอแบงค์เกอร์ผู้นี้แท้งบุตรท้องที่ 2 ขณะตั้งครรภ์ได้ 5-6 เดือน เธอให้ประวัติการแท้งว่า เริ่มปวดท้องขณะทำงานบ้านวันหยุด ทำหน้าที่แจ๋วรับใช้สามีและลูก เกิดปวดท้องคิดว่าปวดท้องถ่ายอุจจาระเพราะมีอาการปวดเบ่ง ที่ไหนได้พอเบ่งเพียงเล็กน้อย ก็มีถุงน้ำคร่ำหลุดออกมาทางช่องคลอดพร้อมทารกที่ยังมีชีวิตอยู่ภายใน เธอได้ถูกรีบนำส่งโรงพยาบาล ใกล้บ้านแพทย์ได้ให้การบอกเล่าว่าเธอท้องแล้วหลุด เพราะปากมดลูกหลวมครากและเธอได้รับการรักษา แก้ไขปากมดลูกครากโดยการเย็บรั้งไว้ ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อมาและก็ประสบความสำเร็จ ในการตั้งครรภ์คลอดบุตรคนที่ 2 ได้อย่างมีคุณภาพคือแข็งแรงทั้งแม่และลูก

เธอมีประวัติของการคลอดที่ก่อให้เกิดการฉีกขาดของปากมดลูกในครรภ์แรก เนื่องจากทารกตัวใหญ่ แม้จะไม่มากแต่ก็ผิดสัดส่วนกับช่องเชิงกรานของแม่ กล่าวคือ การที่จะคลอดได้ง่ายหรือยาก หรือไม่ได้นั้นไม่ได้ขึ้นกับขนาดทารกอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของศีรษะและช่องเชิงกรานของผู้เป็นแม่ จะพบว่ามีไม่น้อยที่ทารกที่คลอดทางช่องคลอดมีน้ำหนักขนาดที่เรียกติดตลกว่าลูกช่างอาจจะ 4 กิโลกรัม ขึ้นไปก็มีแม้แม่จะตัวไม่ใหญ่โต แต่ถ้าลักษณะเชิงกรานเหมาะสม คือกว้างขวางส่วนโค้งมีลักษณะดี ดังที่ว่ากันว่าสะโพกผาย บั้นท้ายงอน มักจะเป็นแม่ที่ดีเพราะมักจะเป็นกลุ่มที่โครงสร้างเชิงกรานดี จะคลอดบุตรได้ง่ายแม้จะรูปร่างใหญ่ แต่ถ้าเชิงกรานแคบไม่ได้สัดส่วนที่ดีก็จะทำให้ขบวนการคลอดเนิ่นนาน และจะเกิดการบอบช้ำกับเนื้อเยื่อช่องทางคลอด และบางครั้งแพทย์ต้องช่วยขยายถ่างช่องทางคลอด โดยการตัดเนื้อเยื่อ เช่นฝีเย็บหรือปากมดลูกหรือช่องคลอด แต่ก็จะต้องเย็บซ่อมให้

ในบางครั้งเช่นคุณแบงค์เกอร์นี้ในการคลอดมีการฉีกขาดของปากมดลูกเนื่องจากช่องเชิงกราน อยู่ในเกณฑ์สัดส่วนไม่ดีนักต่อศีรษะทารก เกิดบาดเจ็บของเนื้อเยื่อปากมดลูกซึ่งลักษณะเช่นนี้ จะพบได้ในพวกที่ทำแท้งที่ต้องมีการขูดมดลูก หรือการคีบเอาชิ้นส่วนทารกออกจากมดลูกที่ไม่ถูกต้อง มีส่วนน้อยที่เกิดจากความผิดปกติของเนื้อโครงสร้างปากมดลูกเอง

เมื่อมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นในกลุ่มที่ปากมดลูกครากหรือชำรุดนี้ระยะแรกๆ ที่ขนาดถุงน้ำคร่ำยังเล็กก็จะไม่มีอาการผิดปกติเพราะน้ำหนักของถุงน้ำคร่ำและทารกยังไม่มาก เมื่อขนาดของการตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น ปากมดลูกซึ่งในสภาวะปกติจะมีโครงสร้างของกล้ามเนื้อ และเอ็นยึดโยงแข็งแรงสามารถที่จะหดรัดตัวต้านไว้ได้ แต่เมื่อชำรุดทำให้ปากมดลูกจะถูกขยายออก ถุงน้ำคร่ำก็จะค่อยๆ ยื่นออกมามากขึ้นตามน้ำหนักของทารกที่เพิ่มขึ้น เมื่อตั้งครรภ์ประมาณ 5-6 เดือน น้ำหนักทารกและน้ำคร่ำก็อาจจะใกล้ 1 กก. ทำให้ปากมดลูกทนแรงกดไม่ได้ก็จะขยายออก ถุงน้ำก็จะยื่นยาวออกมาในช่องคบอดมากขึ้นๆ จนในที่สุดก็จะหลุดออกมาทั้งถุงน้ำคร่ำ อาจจะไม่มีการเจ็บปวดหรือมีบ้างขึ้นอยู่กับความกระชับของเนื้อเยื่อปากมดลูก ส่วนใหญ่จะแท้ง ขณะตั้งครรภ์ไตรมาสที่สอง

การแก้ไขคือ ต้องให้การวินิจฉัยสภาวะความผิดปกตินี้ก่อนการตั้งครรภ์ซึ่งไม่ยุ่งยาก และเมื่อได้วินิจฉัยแล้วก็จะแก้ไขโดยเมื่อตั้งครรภ์แล้วก็จะทำการเย็บรัดปากมดลูกด้วยด้ายพิเศษ โดยรอบปากมดลูกและปล่อยไว้จนเมื่อครบกำหนดการตั้งครรภ์ หรือเมื่อเจ็บท้องคลอดก็จะตัดเอาไหม หรือด้ายพิเศษที่เย็บออก

อันตรายของโรคนี้คือการเอาด้ายหรือไหมออกต้องรีบกระทำเมื่อเริ่มมีอาการปวดครรภ์คลอด เพราะมิฉะนั้นมดลูกจะแตกซึ่งจะอันตรายถึงชีวิตได้

การรักษาแก้ไขก่อนการตั้งครรภ์สำหรับปากมดลูกครากหรือชำรุดไม่ค่อยนิยม เพราะเกรงอาจจะรบกวนการปฏิสนธิได้ เพราะปัจจัยการทำงานของปากมดลูก ในขบวนการปฏิสนธินั้นละเอียดอ่อน จึงนิยมที่จะรอให้ตั้งครรภ์แล้วให้การแก้ไขไม่ใช่รักษา เพราะไม่หายเมื่อปล่อยให้คลอดแล้วถ้ามีการตั้งครรภ์ใหม่ก็จักต้องแก้ไขใหม่

สภาวะผิดปกติดังกล่าวนี้ ปัจจุบันพบได้น้อยลงมากและการทำแท้งในปัจจุบันด้วยวิธีโหดๆ จากคลินิกเถื่อนลดลงมาก และที่เป็นปัจจัยสำคัญคือ การเข้าใจและใช้ขบวนการคุมกำเนิดอย่างแพร่หลาย เนื่องด้วยการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง แต่ก็ส่งผลสะท้อนทางลบคือทำให้ไม่มีผู้ป่วยโรคดังกล่าวนี้สอน หรือใช้สาธิตให้พวกนักเรียนแพทย์หรือแพทย์ประจำบ้านได้ดูมากนักกลายเป็นโรคหายาก

เธอผู้นี้เลยถูกยุให้ตั้งครรภ์เพื่อจะได้จองเธอไว้สอนเป็นการทำบุญทำกุศลทางอ้อม หรือท่านผู้ใดเป็นสภาวะนี้อยากช่วยเหลือวงการแพทย์ก็ติดต่อมาได้ เรารอท่านอยู่!!

น.พ.วีระ สุรเศรณีวงศ์

(update 11 มกราคม 2001)


[ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก   ปีที่ 23 ฉบับที่ 339 พฤษภาคม 2543]

[ BACK TO LIST]
main พบแพทย์ คอมพิวเตอร์ เรื่องบ้าน เรื่องรถ เรื่องกฏหมาย เรื่องของผู้บริโภค เรื่องเบาๆ คลายเครียด

มีปัญหาสุขภาพ ที่นี่มีคำตอบ ห้องสมุดE-LIB[ hey.to/yimyam ][ i.am/thaidoc ]

Best view with [IE3.02][NETSCAPE 4.05][OPERA 3.21] resolution 800x600