"คนไข้ที่ตกอยู่ในภาวะนี้จะมี
อาการหายใจได้ แต่เหมือนไม่ได้
หายใจ ก็คือสามารถหายใจมีลมเข้า
ออกได้ แต่ปอดไม่สามารถเปลี่ยน
ออกซิเจนได้
ก็จะมีอาการหอบ เขียว
และมักเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจาก
การหายใจล้มเหลว แล้วก็มักจะมี
ปัญหาเรื่องเลือดไม่แข็งตัวร่วมด้วย"
น้ำคร่ำ
รั่วเข้าสู่กระแสเลือดนี้มีการ
ศึกษากันมาเยอะว่า เกิดขึ้นจากอะไร หมอทุกคน
ก็รู้ว่าโรคมันไปยังไงมายังไง แต่บางครั้งเราก็ช่วย
อะไรไม่ได้ เพราะเมื่อน้ำคร่ำมันรั่วเข้าสู่กระแส
เลือดแล้ว ก็จะกระจายไปตามเส้นเลือดเส้นเล็ก
เส้นน้อยเป็นหมื่นเป็นแสนเส้น แล้วก็มีเศษไข
เด็ก เศษขี้ไคล ขี้เทาไปอุดตันเต็มไปหมด คงเป็น
การยากที่จะดูดน้ำคร่ำออกมาจากเส้นเลือดที
ละเส้นจนหมด
ดังนั้น โอกาสรอดในสถาบันการแพทย์
สุดยอดของโลกก็ยังมีเพียง 14 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
โอกาสที่ทารกในครรภ์จะเสียชีวิตก็สูงเช่นกัน
ส่วนมากถ้าเรารู้ว่าแม่เกิดภาวะนี้แล้ว เราต้อง
ตัดสินใจให้ได้ในเสี้ยววินาทีว่าจะผ่าเด็กออกมา
ได้ทันหรือเปล่า ถ้าทันเด็กยังไม่ขาดออกซิเจน
ก็อาจช่วยชีวิตเด็กไว้ได้
ที่จริงแล้วก็ไม่อยากเขียน
เรื่องเศร้าแบบนี้
มาให้คุณแม่ได้อ่านหรอกครับ เดี๋ยวจะวิตกกังวล
ไปจนเกินกว่าเหตุ โอกาสเกิดภาวะอย่างนี้
มันมีน้อยจริงๆ น้อยกว่านั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านแล้ว
เครื่องบินตกใส่พอดีอีกต่างหาก
ตอนจบนี้ก็ขอภาวะนาแทนคุณหมอสูติฯ
ทุกคน ขออย่าได้ไปประสบกับคนไข้ที่เป็นภาวะ
น้ำคร่ำรั่วเข้าสู่กระแสเลือดนี้เลย เพราะแม้ว่า
ได้ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว หรือมีหมออยู่
ร้อยคนพันคนในตอนนั้นก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก
และขอภาวนาให้คุณแม่ทั่วทั้งประเทศไทย
อย่าได้เกิดภาวะนี้แทรกซ้อนขึ้นมาในระหว่างการ
คลอดเลยนะครับ
|
โรคแทรกซ้อนที่ถือเป็นหายนะของชีวิตหมอสูติฯ
และของคนไข้
หมอสูติฯ ทุกคนรู้จักกันดี และบอกไว้
ก่อนเลยว่า กลัวภาวะนี้มาก นั่นคือ "น้ำคร่ำรั่วไปอุด
กระแสเลือด" ซึ่งพบได้ไม่มากนัก ตั้งแต่เป็นหมอสูติฯ
มา ก็เคยเห็นเรื่องน่าเศร้านี้แค่ครั้งเดียวแต่ครั้งเดียว
ก็เกินพอแล้วล่ะครับตอนนั้นยังเป็นแพทย์ฝึกหัดที่
ศิริราช คืนนั้นผมเป็นหัวหน้าเวรดูแลห้องคลอดสามัญ
ทุกอย่างก็ดูสงบเงียบดี คนไข้ก็ผ่านพ้นการคลอดไป
อย่างเรียบร้อยไม่มีปัญหา
แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ที่ห้องคลอดพิเศษ
ถัดจากห้องคลอดสามัญไป คนไข้ที่เป็นคุณแม่ท้องแรก
ซึ่งกำลังเจ็บท้อง เพื่อให้ปากมดลูกเปิดหมดอยู่ๆ ก็เกิด
อาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ดูทุรนทุราย หน้าตา
เขียวคล้ำเหมือนขาดอากาศหายใจ สีหน้าแววตา
เหมือนวิงวอนให้ช่วยชีวิตเธอด้วย แต่ก็ไร้เสียงเล็ด
ลอดออกมาจากปาก แม้เธอไม่อยากตาย เพราะยัง
มีลูกอยู่ในท้องอีกคนที่ต้องคลอดออกมา แต่อีกไม่กี่
นาทีต่อมาเธอก็สิ้นใจ
หมอในตอนนั้น ทั้งหมอเล็ก หมอใหญ่ อาจารย์แพทย์
พยายามช่วยชีวิตเธอและลูกในท้อง
ต่างผลัดกันปั้มหัวใจ ในเครื่องช่วยหายใจ ในที่สุดก็
ตัดสินใจกันว่าควรผ่าลูกในท้องออกมาทันที เผื่อจะ
รักษาชีวิตลูกไว้ให้ได้ แต่เหมือนเธออยากจะดูแลลูก
ของเธอเองมากกว่า คืนนั้นไม่ว่าเราจะทุ่มทั้งแรงกาย
และแรงใจอย่างไร สุดท้ายก็ไม่อาจรักษาชีวิตของเธอ
และลูกของเธอไว้ได้
คืนนั้นเพื่อนที่เป็นหัวหน้าห้องคลอดพิเศษได้
แต่นั่งซึม คอตก ในใจมีคำถามมากมาย มีภาพ
มีแววตาของผู้หญิงคนนี้ เหมือนร้องขอให้ช่วยเธอ
ด้วย
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปแค่ไหน เราก็ยังจำ
วันนั้นได้
สิ่งลำบากใจของหมอสูติฯ อีกอย่างคือ เมื่อต้อง
ไปบอกสามี ลูก หรือคนที่รอคอยเธออยู่ว่าเกิดอะไร
ขึ้นบ้าง
"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะ" ดู
เหมือนตัวเราเองก็ไม่อาจหาคำพูดที่ดีกว่านี้มาพูดได้
"เกิดมาขออย่าให้ต้องมาเจอคนไข้ที่ถุงน้ำคร่ำรั่ว
เข้าสู่กระแสเลือดเลย"
|